“เพื่อไทย” ยืนกรานสูตร 14+1 จองนั่งเก้าอี้ประธานสภาฯ กก.บห.-ส.ส.เห็นพ้องให้คณะเจรจาไปคุย “ก้าวไกล” ด้าน “ภูมิธรรม” พูดเป็นนัย หากคุยพรุ่งนี้ไม่ลงตัว พร้อมกลับไปทบทวน ยังมีเวลาคุยก่อนเปิดสภา
วันนี้ (27 มิ.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.00 น. พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค จากนั้นเวลา 15.00 น. มีการประชุมส.ส.พรรค เป็นที่สังเกตว่า การประชุมวันนี้ นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่มีกระแสข่าวว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานผู้อืนราษฎร เข้าร่วมประชุมด้วย
จากนั้นเวลา 17.00 น. แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ร่วมแถลงข่าวผลการประชุม ระบุว่า เจตนารมณ์ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยังมีเป้าหมายเดียวกัน คือ สนับสนุนให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 อย่างไรก็ดี ในที่ประชุมได้มีการพูดถึงสูตร 14+1 คือ พรรคก้าวไกล ได้ 14 เก้าอี้รัฐมนตรี บวกกับเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ขณะที่ พรรคเพื่อไทย ได้ 14 เก้าอี้รัฐมนตรี บวกกับเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่คณะเจรจา (จัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล) ได้นำเสนอกับทางพรรคก้าวไกลไว้ ซึ่งทั้งที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และที่ประชุม ส.ส.ต่างมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ให้คณะเจรจาของพรรคไปเจรจาตามหลักการเดิมที่เคยเสนอตอนแรก โดยพรรคเพื่อไทยควรได้ตำแหน่งประธานสภาฯ
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค และที่ประชุม ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย มอบหมายให้คณะเจรจาของพรรคเพื่อไทยไปเสนอพรรคก้าวไกลว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล มีคะแนนห่างกันเพียง 10 เสียง ตามข้อเสนอเดิมทั้ง 2 พรรคจะได้ 14 รัฐมนตรีเท่ากัน โดยพรรคก้าวไกล จะได้ 14 เก้าอี้รัฐมนตรี และ 1 นายกฯ ซึ่งเป็นเก้าอี้ของผู้นำฝ่ายบริหาร เป็น 14+1 ที่นั่ง ดังนั้นพรรคเพื่อไทยก็ควรได้ 14 +1 เช่นกัน คือ 14 เก้าอี้รัฐมนตรี และเก้าอี้ประธานสภาฯ ซึ่งเป็นผู้นำของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้เคยนำเสนอไปยังพรรคก้าวไกลแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
“โดยสรุปในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคได้ฟังคณะกรรมการเจรจาของพรรคเพื่อไทยให้ยึดตามหลักการเดิม คือ ยึดตามโควต้า 14+1 ที่นั่ง เหมือนเดิม ขอให้ ตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นของพรรคเพื่อไทย จากนั้นนำข้อเสนอดังกล่าวเข้าที่ประชุม ส.ส. โดย ส.ส.ส่วนใหญ่ยืนยันตรงกันว่า ให้คณะเจรจายืนยันกับทางคณะเจรจาของพรรคพรคคก้าวไกล คือ ให้ยึดตามข้อเสนอเดิม คือ พรรคเพื่อไทย ได้ 14 + 1 ตำแหน่ง คือ ได้ประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย” นพ.ชลน่าน ระบุ
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เห็นว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นตำแหน่งสำคัญ ควบคุมกำกับดูแลการทำงานของสภาฯ ต้องวางตัวเป็นกลางตอบสนองทุกพรรค มีความรู้ ความสามารถ มีวุฒิภาวะ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ซึ่งคณะกรรมการบริหารพรรคทราบว่า คณะเจรจาได้เสนอสูตร 14+1 เพราะเห็นว่ามีความเป็นธรรม ให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกฯ พรรคเพื่อไทยควรได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ที่ประชุมเห็นควรยืนยันสูตรดังกล่าวเพื่อนำเสนอพรรคก้าวไกลในการประชุมระหว่าง 2 พรรค ในวันที่ 28 มิ.ย.66 นี้ ซึ่งจะเป็นความชอบธรรม มีเหตุมีผล ซึ่งคณะเจรจาต้องยืนในหลักการนี้
“ยืนยันว่านี่ไม่ใช่การแก่งแย่งตำแหน่ง แต่เราเห็นความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และมี คุณพิธา (ลิ้มเจริญรัตน์) เป็นนายกฯ ให้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าการมีประธานสภาฯของพรรคเพื่อไทยจะทำให้สภาฯเดินหน้าราบรื่น เรียบร้อย ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ” นายชูศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวคุยกันแล้วก็ยังไม่ได้คำตอบอย่างเป็นทางการ มีแต่ในโซเชียล วันที่ กกต.ประกาศผล ก็ควรจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจา อย่างไรก็ตามที่ประชุมวันนี้ไม่ถือว่าเป็นมติของพรรคแต่เป็นความเห็นพ้องของสมาชิก ให้ผู้เจรจานำเจตจำนงค์นี้ไปคุยกับพรรคก้าวไกลเพื่อให้ได้ข้อสรุป.
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีการตอบกลับอย่างเป็นทางการ มีแต่สื่อสารทางโซเชียล ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ ตนเองจะนำข้อสรุปของเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมไปเจรจาพูดคุยกับพรรคก้าวไกล ซึ่งคาดหวังว่าการพูดคุยจะให้เกียรติซึ่งกันและกัน ใช้เหตุและผลเพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จตามที่พี่น้องประชาชนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว เรายังไม่อยากคิดว่า ไม่สำเร็จ เพราะจะบั่นทอนความร่วมมือกันมากกว่า
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมถอยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าไม่ได้ก็ต้องกลับไปทบทวน เชื่อว่ายังมีเวลา เพราะการเปิดสภาฯ จะเริ่มต้นในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ทุกนาทีมีค่า ก็รอผลพรุ่งนี้อาจจะจบลงด้วยดี สามารถจัดตั้งกันได้
“หากวันพรุ่งนี้ยังไม่เรียบร้อย ก็ยังมีเวลาในการเจรจาต่อไป แต่หากฝั่งก้าวไกลไม่ยอม ต่างฝ่ายต่างต้องกลับไปทบทวน แสดงว่าข้อสรุปในการเจรจาไม่จบ”
เมื่อถามว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยมีรายชื่อประธานสภาฯ แล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องการหารายชื่อเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นภายหลังได้ ไม่ใช่เรื่องซีเรียส เรื่องที่ซีเรียสคือต้องตกลงกับพรรคก้าวไกลให้ได้ก่อน ว่าตำแหน่งประธานสภาฯ จะเป็นของใคร.