ที่ประชุมระอุ! “อดิศร” ลั่น “เพื่อไทย” ไม่ใช่ลูกน้องใคร ค้านยก “ประธานสภา” ให้ “ก้าวไกล” ชงให้ไปโหวตกันในสภาฯ ยันไม่ยกมือให้ “พระบวชใหม่”
วันที่ (21 มิ.ย.) ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดประชุมโครงการเสริมศักยภาพ ส.ส. และบุคลากรทางการเมือง นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรค แกนนำพรรค และ ส.ส.พรรค ที่ได้รับการเลือกตั้งรวม 141 คน เข้าร่วมกิจกรรม โดยบรรยากาศการจัดสัมมนาเป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางการจับตาของสื่อมวลชน ว่า จะมีการถกเถียงกันเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังมีกระแสข่าวไลน์หลุด ส.ส.พรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจแกนนำพรรคที่ออกมาระบุจะยึดหลักการให้พรรคอันดับหนึ่งได้ตำแหน่งประธานสภา และพรรคอันดับสองได้ตำแหน่งรองประธานสภา สองเก้าอี้
ผู้ที่แสดงตัวชัดเจน คือ นายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ก่อนการสัมมนา นายอดิศร ได้ทักทายกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค จับมือพูดจากันด้วยดีพร้อมบอกกับสื่อมวลชนที่ยืนอยู่ว่า “สนิทกันดีเคยทำงานกระทรวงเดียวกันตอนอยู่ป่าก็อยู่ด้วยกัน”
นายอดิศร ระบุว่า “สิ่งที่แสดงความคิดเห็นไปเพื่อพรรคทั้งนั้น” ขณะที่ นายภูมิธรรม ระบุว่า “มีอะไรก็ขอให้พูดคุยกัน วันนี้ก็เบาๆ หน่อยนะ”
จากนั้นเวลา 10.00 น. พรรคเพื่อไทย เปิดโอกาสให้ ส.ส. ได้แสดงความคิดเห็น ภายใต้หัวข้อ “เพื่อไทยเปิดใจ เพื่ออนาคตไทย” นายภูมิธรรม กล่าวเปิดใจถึงกระบวนการทำงานในการเป็นตัวแทนพรรคไปทำหน้าที่เป็นเจรจาในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ที่ผ่านมาพวกตนได้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคมอบหมาย การพูดคุยกับพรรคก้าวไกลได้เสนอไปว่าแต่ละพรรคได้ ส.ส. ใกล้เคียงกันก็ควรได้ตำแหน่งรัฐมนตรีพรรคละ 14 คน พรรคก้าวไกล ได้ส.ส.มาที่หนึ่งก็ควรได้ประมุขฝ่ายบริหาร พรรคเพื่อไทย ควรได้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ
“แต่เรื่องตำแหน่งประธานสภา ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ยังรอคำตอบจากทางพรรคก้าวไกล แต่การให้ข่าวของผมและเลขาธิการพรรค อาจจะทำให้สมาชิกพรรคเกิดความไม่สบายใจ หรือความไม่พอใจ เรื่องการยึดหลักการเรื่องการยึดหลักพรรคอันดับหนึ่ง วันนี้จึงเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้แสดงความเห็นได้เต็มที่” นายภูมิธรรม กล่าว
จากนั้น นายอดิศร เป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็นว่า เรื่องประธานสภา ตนไม่เห็นด้วยที่เรา 141 เสียง เขา 151 เสียง แต่เราไปยอมเขาทุกเรื่องราว พรรคก้าวไกลเขาควรได้เป็นฝ่ายบริหาร แต่จะหาวเอาเดือนเอาดาว เอาประธานสภาไปด้วย ตนว่ามันจะง่ายเกินไปหน่อย ไม่เห็นเพื่อนฝูงอยู่ในสายตา ตนตรงไปตรงมา ตนสู้ให้พรรค เพื่อไทยยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลูกน้องของพรรคการเมืองใด ตนเห็นใจในการเจรจา ไม่ทราบว่าเจรจาอย่างไร ถ้าเขาได้นายกฯ เราได้ประธานสภา มันจะสง่างาม และจะได้ถ่วงดุลการทำงานด้วยกัน ถึงอย่างไรเราก็ไม่สามารถให้ประธานสภา กับพรรคก้าวไกลได้ เมื่อเกิดความขัดแย้งก็โหวตกันในสภา
“ผมยืนยันว่า ศักยภาพของเรา เรามีบุคลากรที่เหมาะสม ผมไม่อยากเห็นพระบวชใหม่มาเป็นเจ้าอาวาส เรามีบุคลากรเยอะ อย่าไปยอมให้เขาง่าย เราอย่าไปห่วงความรู้สึกเขา คุณจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือพรรคเพื่อไทย เรื่องประธานสภาถึงอย่างไร ผมคิดว่าต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้รัฐบาลผสมเดินทางไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม
ผมคนหนึ่งไม่รู้จะงดออกเสียงหรือไม่ เพราะไม่สามารถยกมือให้พระบวชใหม่ได้ พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่สาขาของพรรคก้าวไกล เราเหนื่อยยาก เพราะต้องสู้กับพรรคก้าวไกล ฉะนั้น การทำงานในทางการเมืองอย่าอ่อน แข็งต้องแข็ง พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์มา 22 ปี เราต้องสรุปบทเรียน และพรรคเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่กว่าทุกพรรคในประเทศนี้” นายอดิศร กล่าว