xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 4-10 มิ.ย.2566

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1."ปลื้ม-สุรบถ" ลูกชาย "ชวน" ถูกนักลงทุนแจ้งจับ หลังสูญเงิน 15 ล้าน กับโปรเจกต์ “Crypto Ronin NFT” ด้านเจ้าตัวไม่ตอบ ให้ทนายจัดการ!

กลายเป็นข่าวดังเมื่อ “ปลื้ม VRZO” หรือ สุรบถ หลีกภัย บุตรชายนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกลุ่มผู้เสียหายแจ้งความ หลังสูญเงิน 15 ล้าน กับโปรเจกต์ Crypto Ronin NFT

ก่อนจะถูกฟ้องครั้งนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2564 ปลื้มได้เปิดตัวโปรเจกต์เกม “Crypto Ronin NFT” ในงาน “Crypto Ronin Grand Opening” นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Special NFT ที่ออกแบบคาแรคเตอร์ในเกม โดยอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของเมืองไทยหลายคน 
 
Special NFT สามารถนำไปใช้เล่นเกมของบริษัทฯ เพื่อสร้างรายได้ต่างๆ ภายในเกมได้ (Play to earn) ทำให้มีหลายคนร่วมลงทุนไป 15 ล้านบาท ซึ่งเกม Crypto Ronin NFT มีกำหนดเปิดให้เล่นภายในไตรมาส 2 ของปี 2565 แต่เมื่อถึงกำหนด นักลงทุนที่ซื้อ NFT ของโปรเจกต์นี้ กลับไม่สามารถเล่นเกมดังกล่าวได้

ทำให้กลุ่มนักลงทุนเริ่มไม่พอใจ แต่ทางทีมงานโปรเจกต์ Crypto Ronin NFT ชี้แจงว่า ระหว่างนี้สามารถเข้าไป Stake NFT เพื่อรับเหรียญ SR ได้ นักลงทุนใจชื้นขึ้น จากนั้น ปลื้มก็ได้จัดทำ AMA เพื่อพูดคุยกับนักลงทุนเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ และบอกว่าจะเปิดได้ในเดือน ส.ค.2565 แต่สุดท้ายนักลงทุนก็ยังคงไม่สามารถเข้าไปเล่นเกมได้ เพราะเกมมีปัญหามากมาย

ขณะที่ทีมงานของทางโปรเจกต์เกม ที่มีหน้าที่สื่อสารกับนักลงทุน ได้ทำการลบ Line Openchat ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้เป็นช่องทางในการพูดคุยกับนักลงทุน โดยให้เหตุผลว่า จะย้ายไปพูดคุยใน Discord แทน ช่วงแรกยังมีการพูดคุยกันตามปกติ แต่หลังจากนั้น นักลงทุนก็ไม่สามารถติดต่อกับทีมงานได้อีก

เดือน พ.ย. 2565 นักลงทุนรายหนึ่งได้ติดต่อกับทางบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด เพื่อร้องขอให้ Bitkub เป็นคนกลางในการเจรจากับบริษัท วีอาร์โซ จำกัด เพื่อขอเงินคืน ซึ่งทาง Bitkub ยืนยันว่า โปรเจกต์นี้ ไม่ได้รับการรับรองจากทาง Bitkub Chain

วันที่ 27 ธ.ค. 2565 เพจเฟซบุ๊ก ของโปรเจกต์ Crypto Ronin NFT ได้ออกมาประกาศว่า “เปิดเกมให้เล่นในเฟสที่ 1 แล้ว” แต่นักลงทุนกลับพบว่า เกมสามารถเล่นได้เพียงเล็กน้อย ไม่สามารถไปต่อได้ และเมื่อติดต่อทีมงานไปก็ไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างใด

วันที่ 4 มี.ค. 2566 Bitkub ก็ได้ออกมาประกาศว่า ได้ถอดโปรเจกต์ Crypto Ronin NFT จากการเป็น Registered Project นักลงทุนจึงเริ่มรู้สึกว่า น่าจะโดนโกง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2566 ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายจากโปรเจกต์ Crypto Ronin NFT ได้รวมตัวกันเข้าแจ้งความกับทางตำรวจ ขณะที่ปลื้มยังปฎิเสธที่จะตอบคำถามสื่อในเรื่องนี้ โดยบอกเพียงว่า จะให้ทางทนายความดำเนินการ

สำหรับบทบาททางการเมือง ปลื้ม มักปรากฏข่าวคราวอยู่เป็นระยะ ถึงการให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ในฐานะที่เป็นบุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ว่าเสนอความคิดเห็นได้เฉียบแหลม จนได้รับฉายาว่า "มีดโกนน้อย" คู่เคียงกับฉายา "มีดโกนอาบน้ำผึ้ง" ของนายชวน ผู้เป็นบิดา

ปลื้มเคยช่วยบิดาหาเสียงให้แก่พรรคประชาธิปัตย์อย่างสม่ำเสมอ ต่อมาในเดือน ส.ค.2553 กระทรวงวัฒนธรรมได้แต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม

ต่อมา ปี 2562 ปลื้มถูกวางตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในลำดับที่ 33 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 20 ที่นั่ง ต่อมา หลังจากนายชวนได้รับเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ปลื้มได้รับการวางตัวให้ปฏิบัติงานในทีมงานของประธานรัฐสภา โดยระยะแรกให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวก่อน

กระทั่งเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา หลังนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ และนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็น ส.ส. ส่งผลให้ปลื้มได้เลื่อนลำดับบัญชีรายชื่อเป็น ส.ส.สมัยแรก ส่วนการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ปลื้มลงสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของพรรค ในลำดับที่ 20

2.กกต. ไม่รับคำร้องกรณี "พิธา" ขาดคุณสมบัติสมัคร ส.ส.ปมถือหุ้นสื่อ แต่เห็นควรตั้ง คกก.ไต่สวน "พิธา" กรณีรู้อยู่แล้วว่าต้องห้ามลงสมัคร ส.ส. แต่ยังลงสมัคร!


เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้เข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อกกต. กรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยหลักฐานบางส่วนจากคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่อาจทำให้เห็นได้ว่า คำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่ว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานกับไอทีวีโดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย และศาลปกครองกลาง เห็นว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นจึงจะขอให้ กกต. ตรวจสอบว่า สัญญาเข้าร่วมงาน ยังควรถือว่ามีผลอยู่หรือไม่

ส่วนที่มีข่าวว่า นายพิธาได้ขายหุ้นไอทีวีไปแล้วนั้น นายเรืองไกรมั่นใจว่า ในวันรับสมัครเลือกตั้งนายพิธายังถือหุ้นสื่ออยู่แน่นอน จึงอยากให้ กกต. สอบถามไปยังบริษัทไอทีวีว่านายพิธา ยังถือหุ้นไอทีวีหรือไม่ หรือมีการโอนหุ้นด้วยวิธีใด

นายเรืองไกรยังบอกอีกว่า ที่นักกฎหมายต่างๆ ออกมาบอกว่า นายพิธาไม่ผิด อาจถูกตัดสิทธิ์การเป็น ส.ส. แต่ยังไงก็ยังสามารถเป็นแคนนิเดตนายกรัฐมนตรีได้ เรื่องนี้น่าจะเกิดจากความไม่เข้าใจในกฎหมายอย่างถี่ถ้วน เพราะอัปเดตรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 เม.ย.66 ของไอทีวีนั้น ยังปรากฎชื่อ นายพิธาถือหุ้นอยู่ หมายความว่า ต่อให้มีการขายหุ้นจริง ก็น่าจะเกิดหลังจากลงสมัคร ส.ส. ในวันที่ 3-4 เม.ย. อยู่ดี

นายเรืองไกรยังเรียกร้องให้นายพิธาตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และขอให้แสดงหลักฐาน โดยไม่ต้องรอให้ กกต. รับรองคำร้องของตน หรือรอให้ กกต. เรียกมาสอบถาม ซึ่งหากเรื่องนี้ถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วตัดสินว่า นายพิธาถือหุ้นสื่อจริง นายพิธาจะถูกตัดสิทธิ์การเป็น ส.ส. และถูกตัดสิทธิ์บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการพิจารณาคำร้องกรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธาว่า เรื่องนี้มีปัญหาทางเทคนิคอยู่ คือผู้ร้องมาร้องก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน ซึ่งกรณีมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ต้องร้องภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง สำนักงานฯ ก็ต้องพิจารณาว่า สิ่งที่ร้องมีเหตุมีมูลที่จะดำเนินการต่อไปหรือไม่ และเสนอให้ กกต.พิจารณา ซึ่งทาง กกต. มีความเห็นว่า ให้ทำให้รอบคอบและเสนอขึ้นไปใหม่ ส่วน กกต. จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ เป็นอีกประเด็น และถ้ารับแล้ว จะผิดหรือถูกก็เป็นอีกประเด็น ดังนั้นเรื่องนี้จึงยังอยู่ในขั้นตอนของสำนักงาน

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า มีการดำเนินการข้อหา รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แต่ยังคงลงสมัคร นายแสวง กล่าวว่า เรื่องการมีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัคร หากเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง ต้องส่งศาลฎีกาวินิจฉัย แต่หลังเลือกตั้งก่อนการประกาศผล ยังเป็นช่องโหว่อยู่ ซึ่งสำนักงานก็คิดว่า หากมีการยื่น จะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งสามารถทำคดีอาญาตามมาตรา 151 ได้

ส่วนเมื่อประกาศรับรองผลไปแล้ว การให้พ้นจาก ส.ส. ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 คือ สมาชิกรัฐสภาหนึ่งใน 10 เข้าชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึง กกต.ก็สามารถยื่นได้ แต่เราต้องมีพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง


เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้ กกต.กำลังพิจารณาควบคู่ ระหว่างคดีอาญาตามมาตรา 151 และคดีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า คดีคุณสมบัติยังพิจารณาไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เป็น ส.ส. ตอนนี้พิจารณาได้เฉพาะคดีอาญา ตามมาตรา 151

"ตามคำร้องร้องว่า คุณไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัคร ส.ส เพราะคุณมีลักษณะต้องห้ามที่กฎหมายกำหนด เมื่อคุณไม่มีคุณสมบัติก็จะไปสู่ข้อหา รู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติแต่ยังลงสมัคร ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 151 แต่เรื่องของการพ้นจาก ส.ส. เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ซึ่งตอนนี้ยังเป็นอนาคตที่มาไม่ถึง ยังไงก็ต้องประกาศผลให้เป็น ส.ส.ไปก่อน เพราะพ้นระยะเวลาช่วงการยื่นต่อศาลฎีกามาแล้ว กกต.ไม่มีอำนาจไม่ประกาศ แต่สามารถพิจารณาคดีอาญาได้"

ทั้งนี้ วันเดียวกัน (9 มิ.ย.) มีรายงานว่า กกต. ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการสมัครรับเลือกตั้ง จากกรณีถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น แต่ให้รับเรื่องไว้พิจารณา เนื่องจากมีพฤติการณ์และหลักฐานพอสมควร

โดยสาเหตุที่ไม่รับคำร้องที่ได้ยื่นมาของทั้ง 3 คน เนื่องจากเป็นคำร้องที่ยื่นเกินระยะเวลาที่จะสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา ในกรณีที่ร้องว่าผู้สมัครรายใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จึงเห็นควรสั่งไม่รับคำร้องไว้ตามระเบียบ

แต่เนื่องจากคำร้องดังกล่าวมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์และมีหลักฐานพอสมควร และมีข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนไต่สวนต่อไปว่า นายพิธาเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากมีลักษณะต้องห้าม แต่ได้สมัครรับเลือกตั้ง อันเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 42(3) และมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จึงเห็นควรพิจารณาสั่งให้ดำเนินการไต่สวนเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฎ โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนที่ได้รับแต่งตั้งจะดำเนินการไต่สวนตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในระเบียบต่อไป

3. สมช. เตือน นศ.ทำประชามติแยกปัตตานีเป็นเอกราชผิด ก.ม. ด้าน "ศรีสุวรรณ" แจ้งความเอาผิด ขณะที่ 8 พรรคร่วมจัดตั้ง รบ. ยันไม่หนุนแยกดินแดน!



เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา ในฐานะประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินได้เดินทางไปยังกองบัญชาการสอบสวนกลาง(บช.ก.) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ที่มีพฤติการณ์หรือกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ กรณีที่มีการจัดเสวนาเปิดตัวองค์กรขบวนนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Kebangsaan Patani) โดยกลุ่มเครือข่าย PerMAS เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.66 ที่ มอ.ปัตตานี โดยมีตัวแทนและผู้บริหารพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งนักวิชาการ กลุ่มประชาสังคมเข้าร่วมงานด้วย

ทั้งนี้ ภายในงานปรากฏชัดแจ้งว่า มีการทำแบบสำรวจความคิดเห็นอย่างง่าย ระบุข้อความว่า “คุณเห็นด้วยกับสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเองหรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย” และมีช่องให้ใส่เครื่องหมายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยในเอกสารที่ทำคล้ายๆ บัตรลงคะแนน หรือบัตรลงประชามติ มีหมายเหตุตอนท้ายว่า ใช้กับชาวปาตานีผู้ที่ลงทะเบียนว่า “อาศัยอยู่ถาวรในพื้นที่ปาตานี หรือ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.สงขลา เฉพาะ อ.จะนะ อ.นาทวี อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย”

นายศรีสุวรรณ ชี้ว่า การกระทำดังกล่าวของขบวนนักศึกษาแห่งชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้อง อาจเข้าข่ายการละเมิดต่อหลักกฏหมายและบูรณภาพแห่งดินแดนที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 1 ที่บัญญัติไว้ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้” ซึ่งความผิดตามรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดโทษสำหรับบุคคลธรรมดา แต่มีบทลงโทษสำหรับพรรคการเมือง ที่จะถูกยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารได้ หากพิสูจน์ได้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว

ส่วนบุคคลธรรมดาจะได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา เพราะเป็นความผิดฐานกบฏ
ตามมาตรา 113 ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ (3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต และมาตรา 116 ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า “กรณีดังกล่าว หากพวกเราละเลยเพิกเฉยจะกลายเป็นภัยที่ใหญ่หลวงของแผ่นดิน เราไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้ จึงได้นำความพร้อมพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งคลิปวิดีโอในงานดังกล่าว มามอบให้ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เพื่อใช้ประกอบในการสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป”

วันเดียวกัน (9 มิ.ย.) พรรคก้าวไกลได้ประชุมคณะทำงานย่อยของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล นัดแรก ซึ่งเป็นคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งว่าด้วยสันติภาพชายแดนใต้ และในพื้นที่ “ปาตานี” ซึ่งมีตัวแทนจากทุกพรรคเข้าร่วม

หลังหารือ นายรอมฎอน ปันจอร์ ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เผยว่า เป็นการวางกรอบการทำงาน ระดมความเห็นแต่ละพรรคเกี่ยวกับปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่า แนวทางการแก้ปัญหา อาจต้องลดบทบาท วิธีคิด และกลไกทางทหารลง แต่เพิ่มบทบาทพลเรือน โดยเฉพาะตัวแทนที่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน นั่นคือบทบาทรัฐสภา และสภาผู้แทนราษฎร

นายรอมฎอน กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้พูดถึงการเปิดตัวขององค์กรนักศึกษาสามจังหวัดชายแดนใต้ ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ โดยสัมผัสได้ว่า มีความกังวลของผู้คน ที่มองปรากฏการณ์ทำกิจกรรมของนักศึกษากลุ่มนี้ ในนามของว่าที่รัฐบาลใหม่ กรอบที่เรายืนยันยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เรากำลังพูดถึงสถานภาพของรัฐเดี่ยว ที่มองไปข้างหน้า และจะกระจายอำนาจ ให้อำนาจกับประชาชนท้องถิ่นมากขึ้น พร้อมยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการแยกตัวออกไปของรัฐปัตตานี (ปาตานี) เพราะเราอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ต้องมีพื้นที่ให้แสดงความเห็น ซึ่งการพูดคุย รับฟังความเห็นต่างๆ รวมถึงกลุ่มนักศึกษาฯ เป็นหนึ่งในกระบวนการทำงานของคณะทำงาน

นายรอมฎอน ยืนยันว่า ไม่ห่วงว่าเรื่องนี้ จะนำไปสู่ความแตกแยก แต่ส่วนตัวมองว่านี่คือหน้าตาที่แท้จริงของความขัดแย้ง และต้องการความกล้าหาญทางการเมืองภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ไปเผชิญปัญหา แต่สิ่งที่กังวลคือเรื่องของความรุนแรง เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะครบรอบ 20 ปี ของเหตุการณ์รุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเชื่อว่าภายใต้รัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้น การกล้าเผชิญคือจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหา

เมื่อถามถึงความชัดเจนในการยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นายรอมฎอนกล่าวว่า เรื่องนี้ยังต้องมีการพูดคุยในคณะทำงาน และต้องเป็นฉันทามติร่วมกันของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล

ด้านนายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม กล่าวเสริมว่า ถ้าเป็นการทำประชามติ เพื่อสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน เราไม่สนับสนุน เพราะอยู่นอกกรอบรัฐธรรมนูญ แต่เราเปิดเสรีในการแสดงออกของประชาชน และไม่กังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะดำเนินการตามกรอบรัฐธรรมนูญ

ด้าน พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เผยว่า ได้รายงานกรณีการจัดกิจกรรมของขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ ที่มีการจัดพิมพ์บัตรสอบถามความเห็นผ่านสื่อโซเชียล สอบถามประชาชน เรื่องให้ประชาชนปัตตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่คณะรัฐศาสตร์ มอ.ปัตตานี ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบแล้ว พร้อมแสดงความเป็นห่วงกังวลต่อกรณีดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะเกิดการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งตรวจสอบไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเป็นธรรม ควบคู่กับการทำความเข้าใจกับประชาชน

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า การออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราช เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่สามารถดำเนินการได้ และไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน เพราะบทบาทของ ส.ส. ที่เพิ่งจะผ่านการเลือกตั้งมา สามารถดำเนินการแทนได้อยู่แล้ว ด้วยการทำหน้าที่สะท้อนความต้องการ รวมทั้งปัญหาของประชาชน แล้วนำเข้าไปหารือในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อหาทางออก

ส่วนของรัฐบาลมีนโยบายสำหรับพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะกฎหมายความมั่นคงที่จำเป็นต้องใช้ เพื่อให้เกิดความสงบ นอกจากนี้ ยังมีกลไกการพูดคุยสันติสุข ที่เปิดโอกาสให้หลายภาคส่วนเข้าร่วม โดยในวันจันทร์ที่ 12 มิ.ย.นี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ จะมีการประชุมติดตามเรื่องดังกล่าว ก่อนสรุปรายงานเสนอนายกรัฐมนตรี

4. โฆษก ตร.ยัน "ผู้กองแคท" เลื่อนยศตามเกณฑ์ จาก "ส.ต.ต." 4 ปี ขึ้น "ร.ต.อ." ด้านเจ้าตัวขอโทษปมให้พ่อแม่ติดยศให้ ไม่ได้คิดอวดหรือกระทบจิตใจใคร!



จากกรณีได้เกิดประเด็นดรามาในโลกออนไลน์กรณี ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก หรือแคท อาทิติยา อายุ 27 ปี นักร้องลูกทุ่งสาว ดีกรีนางสาวไทยชลบุรี ซึ่งรับราชการตำรวจ จากยศ ส.ต.ต.หญิง ใช้เวลาแค่ 4 ปี ได้ติดยศ ร.ต.อ. ทั้งที่ตำรวจส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาหลายปี นอกจากนี้ ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา ให้คุณพ่อคุณแม่ติดดาวประดับยศให้กับลูกสาว รวมทั้งพบว่า ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา ได้เข้าอบรมหลักสูตร กอส. ซึ่งปกติหลักสูตรดังกล่าว ต้องการช่วยเหลือทายาทตำรวจที่เสียชีวิต

ปรากฏว่า หลังถูกสังคมตั้งคำถาม เฟซบุ๊ก "บอสแคท อาทิติยา" หรือ ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก หรือผู้กองแคท ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. โดยระบุว่า "จากประเด็นที่แคทได้โพสต์ภาพที่ให้คุณพ่อ คุณแม่ ประดับยศให้ เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิตรับราชการของแคท แคทไม่มีเจตนาโพสต์เพื่ออวดอ้างหรือไปกระทำการสิ่งใด เพื่อไปกระทบจิตใจเพื่อนๆ พี่ๆ ข้าราชการตำรวจ และทุกฝ่าย แต่อย่างใด ในการนี้ แคทกราบขอโทษอย่างสูงที่กระทำการดังกล่าวโดยไม่ได้ไตร่ตรอง สุดท้ายนี้ เมื่อแคทได้รับโอกาสในการทำงาน ขอสัญญาว่า จะต้้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลังความสามารถและอย่างดีที่สุด"

ด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) ได้ชี้แจงกรณีผู้กองแคทว่า ขั้นแรก การเข้ามาเป็นตำรวจของ ร.ต.อ.หญิง เริ่มจากสำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติได้ตำแหน่งว่างระดับ รองสารวัตร ที่จำเป็นต้องมาทำงานด้านพิธีการ การประชุม และสารบรรณ จึงได้มีการเปิดรับสมัครให้มีผู้สมัคร โดยขออนุมัติ ตร.ในการสมัครจำนวน 4 คน จากนั้นได้ใช้วิธีคัดเลือกตามคุณวุฒิที่เปิดรับสมัคร และได้เข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจโดยมีกฎ ก.ตร.ว่า ผู้ที่จะเข้ามาเป็นตำรวจลักษณะนี้ จำเป็นที่จะต้องบรรจุเป็น ส.ต.ต.ก่อน เมื่อผ่านการอบรม กอส. จะได้ยศ ร.ต.ต.

ส่วนเรื่องยศที่เลื่อนเร็วนั้น โฆษ กตร.ชี้แจงว่า การเข้ามาเป็นตำรวจตามคุณวุฒิปริญญาตรี บรรจุประมาณ 1 ปี และจาก ร.ต.ท.เป็น ร.ต.อ.จะต้องครองยศ 3 ปี ในส่วนของคุณวุฒิปริญญาโท-ปริญญาเอก จาก ร.ต.ต.เป็น ร.ต.ท.ใช้เวลาประมาณ 1 ปี และครองยศอีก 1 ปี ก็จะได้ ร.ต.อ. ในกรณีของ ร.ต.อ.หญิง ได้เข้าอบรม กอส.กับเพื่อนตำรวจประมาณ 350 นาย มีหลักเกณฑ์ดังกล่าวเหมือนกันหมด โดยไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์ ที่จะได้ยศเร็วกว่าใคร โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทุกๆ คน

สำหรับคุณวุฒิของผู้กองแคท จากการตรวจสอบเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ได้รับสมัคร คือ วุฒิปริญญาโท ส่วนการรับสมัครตำแหน่งเดียวกับผู้กองแคท สำนักงานเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขออนุมัติจาก ตร.เปิดรับสมัครเข้ามาจำนวน 4 คน โดยมีการกำหนดคุณสมบัติตามที่หน่วยงานในตร.ต้องการไว้ ก่อนจะเปิดรับสมัครสรรหาคนที่มีคุณวุฒิตรงตามที่กำหนดก่อนจะมีการคัดเลือกต่อไป

พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า กรณีของผู้กองแคท ไม่ขอใช้คำว่าตำแหน่งคุณวุฒิที่ขาดแคลน เพราะการเข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจมีได้หลายทาง ตั้งแต่การสอบแข่งขัน ทายาท การโอนย้ายจากหน่วยราชการอื่น และโดยการคัดเลือก ในส่วนของความขาดแคลนก็เป็นอีกหนึ่งที่ ตร.มีการรับบุคคลภายนอกมาเป็นตำรวจ เช่น นักวิทยาศาสตร์ พิสูจน์หลักฐาน หรือว่าสายต่างๆ ที่สามารถมาทดแทนในส่วนที่ ตร.ขาดแคลน ก็ถือเป็นคุณวุฒิขาดแคลน

กรณีของผู้กองแคท ซึ่งมีวุฒิปริญญาโททางด้านนิเทศน์ศาสตร์นั้น ไม่ได้เป็นคุณวุฒิที่ขาดแคลน แต่เป็นความต้องการของหน่วยงานใน ตร.ที่จะกำหนดสเปคคนที่จะเข้ามาบรรจุรับราชการในระดับรองสารวัตร ซึ่งมีสเปคและหลักเกณฑ์ต่างๆ ตามที่ต้องการ จึงเปิดรับสมัครคนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดได้เข้ามา เพื่อตอบสนองความต้องการของหน่วย

ส่วนหลักสูตร กอส. เป็นหลักสูตรที่ให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาเป็นตำรวจได้มีการอบรม แต่ละปีก็จะมีประมาณ 1 รุ่น รุ่นละ 300-350 นาย ในบางปีถ้ามีการรับสมัครจากบุคคลภายนอกไม่ว่าเหตุผลต่างๆ ก็คือ การสอบแข่งขัน ทายาท คัดเลือกหรือโอนย้ายต่างๆ มีจำนวนมากกว่าหลักสูตร ก็จะทดไปเรียนในปีถัดไป ถือว่าเป็นวงรอบในการอบรม

เมื่อถามว่า กระแสสังคมระบุว่า กอส. จะเข้ามาได้ต้องเป็นเด็กนาย เด็กเส้น เด็กตระกูลดัง พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า หลักสูตรกอส.เป็นหลักสูตรที่ดีที่ทำให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาจากหลายภาคส่วน จากหลายเหตุผลหลายวิธีการเข้ามาเรียนด้วยกันเพื่อให้ซึมซับในเรื่องของวิสัยทัศน์ความเป็นตำรวจ ยุทธวิธีต่างๆ ให้เข้าใจลึกซึ้งบทบาทของตำรวจทุกๆ อย่าง

อนึ่ง ปัจจุบัน ผู้กองแคทเป็นรองสารวัตร กลุ่มงานวิชาการและงานสารบัญ สังกัดสำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบเรื่องงานเอกสาร และงานพิธีการด้านต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกจากเป็นตำรวจแล้ว เธอยังเป็น 'นักร้องลูกทุ่ง' สังกัดค่ายเพลง 'บ้านไทยลูกทุ่ง' และเดินสายประกวดนางงามมาโดยตลอด โดยคว้ามงกุฎมาแล้วหลายมงกุฎ เช่น มิสแกรนด์ศรีสะเกษ 2018 มิส โปโล เอเชีย 2019 เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มิสทัวริซึม ออฟ เดอะ โกลบ 2021 และตำแหน่งล่าสุด นางสาวไทย ชลบุรี 2566

ทั้งนี้ ผู้กองแคท เคยเปิดใจกับสื่อโดยยืนยันว่า ไม่เคยทำผิดกฎระเบียบ การเลื่อนยศเป็นไปตามกฎของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกขั้นตอน เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมรุ่นที่อบรมมาด้วยกัน ส่วนที่ถูกมองว่า เอาเวลาไปขึ้นเวทีร้องเพลงหรือประกวดนางงามนั้น ยืนยัน ไม่เคยเอาเวลาราชการไปเบียดบัง "แคทเข้างานทุกวันตามเวลาราชการ ทำงานส่วนตัวเฉพาะหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือหากไม่ติดเวรเท่านั้น ไม่เคยเอาเวลาราชการมาใช้ บางครั้ง แคทติดงานอยู่ต่างจังหวัด ต้องบินไปกลับมาทำงาน หรือนั่งรถกลับมาทำงานทุกครั้ง งานส่วนใหญ่ก็ขึ้นแสดงบนเวทีประมาณ 4-5 ทุ่ม ไม่มีเวลาราชการเลยค่ะ"

เป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจากเรื่องเลื่อนยศเร็วแล้ว ชาวเน็ตยังสงสัยว่า เหตุใดบนเครื่องแบบตำรวจของผู้กองแคทที่สวมอยู่ จึงมีการติดเครื่องหมายพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ซึ่ง แหล่งข่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ได้มีการสั่งให้ตรวจสอบกรณีนี้อย่างเร่งด่วน และได้รับรายงานผลการตรวจสอบกลับมาแล้วว่า ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เป็นข้าราชการทหารสังกัดกรมดุริยางค์ทหารบก และเคยได้ไปเล่นแสดงดนตรีต่อหน้าพระพักตร์ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ จึงได้รับพระราชทานเครื่องหมายพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านมาติดบนเครื่องแบบตั้งแต่สมัยเป็นทหาร และติดเครื่องหมายต่อเนื่องมา กระทั่งรับราชการเป็นตำรวจในปัจจุบัน

ด้านเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว เผยว่า ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวจากกองทัพบก แจง ‘แคท อาทิติยา' อดีตเคยเป็นเพียง ‘พนักงานราชการ' ของกรมดุริยางค์ทหารบก วาระงาน 1 ปี ในช่วงปี 2562 เท่านั้น

5. "ผู้การเต่า" สั่งเด้ง 42 ตำรวจทางหลวง ตั้งแต่ "รอง ผกก.-ชั้นประทวน" เอี่ยวส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก เข้ากรุ เชื่อมีตำรวจยศสูงกว่านี้!



เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รักษาราชการแทน ผบก.ทล. กล่าวถึงความคืบหน้าการลงนามคำสั่งโยกย้ายข้าราชการตำรวจทางหลวง ที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุกว่า ขณะนี้คณะทำงานได้รวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้กองบังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ยืนยันว่าลงนามแล้วเสร็จภายในวันนี้ โดยเป็นข้าราชการตำรวจยศตั้งแต่รองผู้กำกับการลงไป จนถึงชั้นประทวน ประมาณ 42 นาย ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่ ศปก.บก.ทล. ก่อน โดยยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นตำรวจจากท้องที่ใดบ้าง ส่วนจะมีตำรวจยศสูงกว่านี้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เชื่อว่ามี แต่เป็นของหน่วยงานอื่น ซึ่งคณะทำงานของ ปปป. ก็จะทยอยสืบสวนขยายผลต่อไป

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันด้วยว่า คณะทำงานขยายผลสืบสวนมาโดยตลอด ไม่ได้นิ่งดูดายกับการแก้ไขปัญหา การสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจะดำเนินการไปเรื่อยๆ คนไหนมีพยานหลักฐานก็ดำเนินการไป คนไหนถูกพาดพิงแต่ผู้ประกอบการยังไม่กล้าให้การเป็นลายลักษณ์อักษรก็ว่าไป แต่ตำรวจก็จะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างให้รัดกุมมากที่สุด และจะมีคำสั่งในการดำเนินการออกมาเรื่อยๆ รวมถึงจะมีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือถูกพาดพิงเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกแน่นอน เพราะเชื่อว่ายังไม่จบแค่ตำรวจ 42 นายนี้

ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานมายื่นให้เพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีกับขบวนการรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนและส่วยสติ๊กเกอร์นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ได้มีการมอบหมายให้คณะทำงาน ปปป. ดูแลแทน ตนเองมีหน้าที่ดูแลคดีของตำรวจทางหลวง ดำเนินการแยกกันคนละส่วน แต่ยังมีการประสานข้อมูลกันตลอด ซึ่ง ปปป. ก็จะเป็นหน่วยงานหลักในการสืบสวนขยายผล ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีคำสั่งให้ใช้กำลังตำรวจอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายคดี และสร้างกองบังคับการตำรวจทางหลวงขึ้นมาใหม่ ให้เป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชน

“ส่วนกรณีรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนที่นายอัจฉริยะบอกว่าหายไปนั้น ตอนนี้ก็ยังสับสน และยังไม่มีความชัดเจนว่ารถของกลางอยู่ที่หน่วยงานใด แต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังพูดไม่ตรงกันและยังไม่มีความชัดเจน จึงยังไม่อยากด่วนสรุปตอนนี้ แต่ได้ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนร่วมกับกรมสรรพสามิต และประสานข้อมูลกันให้มีความชัดเจนก่อน และขอให้ทุกฝ่ายอย่ากังวล ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมาย”


มีรายงานว่า ข้าราชการตำรวจทางหลวง ที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ลงนามคำสั่งโยกย้าย เนื่องจากต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุกจำนวน 42 นาย ประกอบด้วย รอง ผกก. รอง สว. และ เจ้าหน้าที่ระดับชั้นประทวน โดยให้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่ ศปก.บก.ทล. ก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นไปด้วยความโปร่งใส


กำลังโหลดความคิดเห็น