พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภ.4 สน.) ยืนยันการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นเอกราช ไม่สามารถกระทำได้ เพราะเป็นการละเมิดกฎหมายและบูรณภาพแห่งดินแดนและเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งรัฐ
พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภ.4 สน.) ระบุว่า ตามที่ได้มีการจัดงานเปิดตัวขบวนนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Kebangsaan) เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2566 ณ ห้องประชุมศรีวังสา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี โดยภายในงานได้มีการแสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “การกำหนดอนาคตตนเอง (Self Determination) กับสันติภาพปาตานี” รวมทั้งได้มีการจัดพิมพ์บัตรเพื่อร่วมแสดงความเห็นผ่านสื่อโซเชียลในประเด็น ”ให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย“ ซึ่งได้สร้างความวิตกกังวลและตื่นตระหนกของประชาชนในสังคมอย่างกว้างขวาง
จากกรณีดังกล่าว กอ.รมน.ภ.4 สน. ได้เข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบด้านแล้วพบว่าขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Bangsa) เป็นองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมืองจัดตั้งขึ้นจากการรวมตัวของนิสิตนักศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้เคลื่อนไหวเรียกร้องในเรื่องสิทธิในการกำหนดใจตนเอง (Right to Self Determination) ทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อองค์กรเป็นขบวนการนักศึกษาแห่งชาติเมื่อ 31 พ.ค. 2566 โดยมี นายอิรฟาน อุมา เป็นประธานขบวนการนักศึกษาแห่งชาติคนปัจจุบัน
สำหรับการจัดกิจกรรมเมื่อ 7 มิ.ย. 2566 พบว่าเป็นการเปิดตัวขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ โดยมีนักการเมือง, สมาชิกพรรคการเมือง, นักวิชาการรวมทั้งเครือข่ายนักศึกษาเข้าร่วมและสนับสนุนกิจกรรมจำนวนหนึ่ง โดยจากการตรวจสอบรายละเอียดของกิจกรรมพบว่ามีหลายประเด็นที่ล่อแหลมหมิ่นเหม่และอาจเข้าข่ายต่อการละเมิดหลักกฎหมาย โดยขอยืนยันว่าภาครัฐได้ส่งเสริมและสนับสนุนสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นทางการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของปวงชนชาวไทยทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา โดยไม่เลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ แต่การแสดงออกดังกล่าวจะต้องไม่ไปละเมิดต่อหลักกฎหมายและบูรณภาพแห่งดินแดนที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ได้ระบุไว้ว่า ”ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้”
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นเอกราช ไม่สามารถกระทำได้ เพราะเป็นการละเมิดกฎหมายและบูรณภาพแห่งดินแดนและเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งรัฐ โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ตามความเหมาะสมต่อไป