เมืองไทย 360 องศา
เรียกว่ามาได้จังหวะตามหัวเรื่องที่จั่วเอาไว้นั่นแหละ สำหรับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับหนึ่งของพรรค ที่ประกาศความพร้อมอย่างมาก สำหรับการเป็นนายกฯ คนใหม่
ขณะเดียวกัน เธอก็ยังย้ำหลักการการจับมือเป็นพันธมิตรอย่างเหนียวแน่นของฝ่ายที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” ต่อไป นั่นคือ จะไม่ทิ้งพรรคก้าวไกล และยังให้กำลังใจ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ ที่กำลังถูกตรวจสอบเรื่องปัญหาคุณสมบัติอย่างเต็มที่ แต่ก็ทิ้งความหมายไว้ว่า “ขอให้ทุกอย่างว่าไปตามข้อมูลหลักฐาน” ตามขั้นตอน
ความหมายของเธอ ก็คือ ข้อกล่าวหาหรือข้อร้องเรียนต่างๆ ในเวลานี้ ให้ว่ากันไปตามหลักฐาน และพรรคเพื่อไทยที่ไม่ได้เสียง ส.ส.เป็นอันดับหนึ่ง ก็ต้องปล่อยให้พรรคก้าวไกล ที่ชนะมาที่ 1 ได้สิทธิดำเนินการอย่างเต็มที่ เพราะต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหาร จะพิจารณากันต่อไป และเห็นว่า เป็นเรื่องรายละเอียดเกินไปที่จะตอบคำถามแบบนี้
เอาเป็นว่าลีลาแบบนี้ ถือว่าใช้ได้ทีเดียว อย่างน้อยก็ต้องผ่านการทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ที่พรรคเพื่อไทย ต้องเล่นบท “ยืนอยู่บนหลักการ” อย่างเหนียวแน่น เรียกว่าเล่นให้ “เนียนตา” ที่สุด
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เบรกในการนั่งเก้าอี้นายกฯ ว่า ไม่ใช่เรื่องที่ทางครอบครัวเบรก แต่เป็นเรื่องที่คุณแม่พูดถึงลูกสาวคนเล็ก ซึ่งคิดว่าท่านก็คงมีความภูมิใจที่มาอยู่ในจุดนี้ แต่ลึกๆ ท่านก็คงเห็นว่า มีความเป็นเด็ก ซึ่งนี่เป็นแค่ในความรู้สึก แต่ในความเป็นจริง เราก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่เด็ก
ฉะนั้น เรื่องที่คุณแม่มีความเป็นห่วง เราก็เข้าใจอยู่แล้ว และไม่ได้โกรธอะไรด้วยซ้ำ ซึ่งคุณแม่ก็มีความเป็นห่วงตั้งแต่ที่ตั้งท้องและลงพื้นที่ ซึ่งต้องพูดตลอดว่า โอเค หาหมอแล้ว ซึ่งจะบอกกับคุณแม่แบบนี้ทุกครั้ง และย้ำว่าไม่ได้มีมิติอื่นจริงๆ
เมื่อถามต่อว่า ส่วนตัวพร้อมที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ถ้าไม่พร้อม อิ๊งค์คงไม่ให้ชื่อตัวเองไปลง ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ก้าวมาอยู่จุดนี้ ซึ่ง อิ๊งค์รู้สึกว่าถ้าเราไม่พร้อม เราก็ต้องบอกคนในพรรคว่าเราไม่พร้อม”
เมื่อถามว่า แสดงว่า คุณแม่มีการมองข้ามช็อตไปหรือไม่ ที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในใจมีคำอธิบายมากมาย และอยากอธิบายให้ฟังว่า สิ่งที่คุณแม่คิด คิดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ตนเองก็ต้องมีสิทธิใช่หรือไม่ เพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯพรรค พท. หากพรรค พท.ชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าตนเอง นายเศรษฐา ทวีสิน และ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.ก็มีสิทธิเป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ หากเราเป็นพรรคอันดับ 1 คุณแม่ก็คงจะมีการคิดถึง ว่า จะมีสิทธิเป็นไปได้หรือไม่ ท่านก็คงมีความเป็นห่วงว่า หากพรรค พท.ได้อันดับ 1 จริงๆ ตนเองต้องเป็นนายกฯ หรือไม่ จะมีการคุยกันอย่างไรในพรรค ซึ่งคุณแม่มีความเป็นห่วงตรงนี้จริงๆ และท่านพูดเสมอ ซึ่งมีแค่นั้นจริงๆ ในมู้ดของคนเป็นแม่
เมื่อถามถึงกรณีที่ขณะนี้ นายพิธา มีคดีเข้ามาจำนวนมาก น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พรรค พท. เคยผ่านกระบวนการถูกยุบพรรคมาแล้วถึง 2 ครั้ง จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความหนักแน่นในประชาธิปไตย เคารพเสียงของประชาชน เมื่อประชาชนเลือกแล้ว ก็อยากจัดตั้งรัฐบาลเร็วที่สุดเพื่อแก้ปัญหาประเทศ สำหรับกระบวนการยุติธรรมต่างๆ ขอให้พิจารณาตามข้อมูลหลักฐาน ขอส่งกำลังใจให้นายพิธาด้วย เพราะประเทศรอการขับเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ไหวแล้ว เราต้องมีการเมืองแบบใหม่ เมื่อประชาชนเลือกตั้งมา เคารพเสียงประชาชนแล้วมุ่งไปข้างหน้าต่อ สิ่งที่พรรค พท.หรือครอบครัวของตนเคยเจอ ก็อยากให้ยุติลง อยากให้มีการเมืองสร้างสรรค์
เมื่อถามว่า มีการประเมินสถานการณ์หรือไม่ หากเกิดอุบัติเหตุกับนายพิธา รูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้ไม่อยากให้พูดถึงเหตุการณ์สมมติ โจทย์ที่ตนเองและพรรคเพื่อไทยมีอยู่ คือ พรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่ง เราจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกัน เราจะทำตรงนี้ให้เต็มที่
เมื่อถามย้ำว่า หากปมหุ้นของนายพิธา ส่งผลกระทบกับการเลือกนายกฯ แนวทางการจัดตั้งรัฐบาลจะยังเป็นฝ่ายประชาธิปไตยใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า แน่นอน ฝ่ายประชาธิปไตย ต้องจับมือกันให้แน่น เราเคารพเสียงของประชาชน ไปตามนั้น กระบวนการที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ ยืนยันว่า ขอปฏิเสธกระแสข่าวการพลิกขั้วในช่วงที่ผ่านมา เราไม่มีแผนที่จะพลิกขั้วใดๆ ทั้งสิ้น งงข่าวดีลลับที่ออกมาจำนวนมาก คงลับมาก เพราะไม่รู้เรื่อง ซึ่งมันไม่ใช่ อยากให้หนักแน่นไว้ พรรคพท.ที่คุยกับพรรคก้าวไกลไว้อย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ถามว่า หากเกิอุบัติเหตุแล้วพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกว่า 60 เสียง ที่ยังขาดอยู่จะหาจากที่ไหน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องกรรมการบริหารพรรคจะดีกว่า เพราะเขาได้คุยกับพรรคก้าวไกลด้วย คำถามนี้ลงรายละเอียดเกินไปที่จะตอบ
ถามถึงกระแสข่าวโผรัฐมนตรีต่างๆ ที่มีชื่อ น.ส.แพทองธาร นั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เห็นโผออกมาหลายครั้ง ขอบคุณสำหรับทุกตำแหน่ง แต่ไม่ใช่เลย ยังไม่ทราบเลย เห็นพร้อมกับคนที่ดูโซเชียลฯ
เมื่อถามว่า หากจัดตั้งรัฐบาล จะเข้าไปรับตำแหน่งฝ่ายบริหารหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอรอดูก่อน และต้องรอดูผู้มีประสบการณ์หลายท่านที่ต้องตกลงกัน รวมถึงต้องพุดคุยกับพรรคร่วมด้วย
แน่นอนว่า พิจารณาจากคำพูดข้างต้นก็ต้องยอมรับว่า เธอย้ำในหลักการอย่างเต็มที่ นั่นคือ เคารพเสียงของประชาชน เปิดทางให้พรรคก้าวไกลอย่างเต็มที่ รวมทั้งจะไม่ทิ้งก้าวไกล ยังยืนยันคำพูดเดิมทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามถึงเรื่อง “อุบัติเหตุ”การเมืองที่หากเกิดกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล จริงๆ และพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล เธอก็เลี่ยงไปว่า “แล้วแต่คณะกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณา” รวมไปถึงเรื่องการหาเสียง ส.ว. มาเพิ่มอีกกว่า 60 เสียง เพื่อโหวตเลือกนายกฯ เธอก็ย้ำว่าเป็นเรื่องรายละเอียดเกินไปที่จะตอบในตอนนี้
แต่ที่ต้องจับตา ก็คือ ท่าทีของพรรคเพื่อไทย ที่สังเกตเห็นเหมือนกัน ก็คือ ไม่ว่าแกนนำพรรคคนไหนพูดก็ตาม จะออกมาในทำนองเดียวกัน นั่นคือ จะไม่ “เทกแอ็กชั่น” แบบล้ำหน้าเป็นอันขาด จะออกมาในลักษณะให้กำลังใจ นายพิธา และพรรคก้าวไกลอย่างเต็มที่ พร้อมกับย้ำหลักการแบบ “อยู่ในที่ตั้ง” รวมไปถึงการเจรจาตั้งรัฐบาล การล็อบบี้ กดดัน ส.ว. ก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของก้าวไกลเพียงผู้เดียว รวมไปถึงเมื่อก้าวไกล และนายพิธา มีปัญหาเรื่องถือหุ้นสื่อ พรรคเพื่อไทย ก็ย้ำในหลักการที่ว่า “ว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม” จะไม่ออกมาในแบบก้าวไกลที่ออกมาปลุกกระแส เช่น “นิติสงคราม” หรือถูก “เตะตัดขากลั่นแกล้ง” สารพัด
ท่าทีของพรรคเพื่อไทยแบบนี้ สำหรับคอการเมืองมองออกได้ไม่ยาก ว่า มีเจตนาให้ก้าวไกล “เดินไปให้สุด” เพราะรู้ล่วงหน้าแล้วว่า “ไปไม่รอด” ทุกอย่างจึงต้องให้ “เนียนตา” ที่สุด รักษาหลักการให้มากที่สุด จะไม่มีการ“หักหลังเพื่อน” เป็นอันขาด แต่หากเพื่อสะดุดขาล้มลงเอง ก็ค่อยมาว่ากันอีกที เพราะถึงต้องนั้นถึงเวลาต้องเปลี่ยน “คนเดินนำหน้า” แล้ว ความหมายก็ประมาณนี้ ดังนั้น อย่าได้แปลกใจสำหรับพรรคเพื่อไทย ที่ต้องย้ำให้กำลังใจเพื่อน แต่เมื่อถึงเวลาก็พร้อมเต็มที่ เหมือนกับที่ “อุ๊งอิ๊ง” ประกาศชัดนั่นแหละ!!