xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลือยุบพรรค พปชร. ทำนาวาก้าวไกลโคลงเคลง!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่านาทีนี้ รัฐนาวาที่นำโดยพรรคก้าวไกล ที่รวบรวมเสียงทั้งหมด 8 พรรค จำนวน 314 เสียง จะเดินหน้าไปเรื่อยๆ เข้าใกล้ความสำเร็จ ที่จะส่งให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้วก็ตาม แต่ความหมายก็คือ “ยังไม่สำเร็จ” นอกเหนือจากต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน ทั้งเรื่องการรับรอง ส.ส.จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) การพิจารณาข้อร้องเรียนเรื่องการถือหุ้นสื่อ ไปจนถึงการเลือกประธานรัฐสภา และการโหวตในรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีที่ต้องพึ่งพาเสียง ส.ว.ประกอบด้วย

ที่ต้องบอกว่า “ยังไม่สำเร็จ” หรืออาจจะใกล้สำเร็จก็ตาม เพราะทุกอย่างยังมีสิทธิพลิกผันไปในทางตรงกันข้ามได้ตลอดเวลา เพราะแม้ว่าพรรคก้าวไกล จะพยายาม “ลดเงื่อนไข” โดยไม่ได้บรรจุเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งถือเป็น “ของร้อน” ออกจากเอ็มโอยูของรัฐบาลแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกอย่างจะผ่านฉลุย เนื่องจากยังมีด่านสำคัญข้างหน้าที่ต้องฝ่าไปให้ได้ก่อน

นี่ยังไม่นับ “เกมใต้น้ำ” ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง นอกเหนือจากเรื่อง “เอ็มโอยู” ระหว่างพรรคร่วมด้วยกันเอง ที่สะท้อนให้เห็นว่า พรรคก้าวไกล เจอแรงบีบมาจากบางพรรค ทั้งในเรื่อง มาตรา 112 เรื่องกฎหมายนิรโทษฯ สมรสเท่าเทียม และสุราเสรี หรือแม้กระทั่งเรื่องนำกัญชากลับไปสู่บัญชียาเสพติด เป็นต้น

สำหรับ “เกมใต้น้ำ” ที่ว่านั้น หากพิจารณากันเรื่องตัวเลขทางคณิตศาสตร์ ก็ต้องยอมรับความจริงว่า คะแนนเสียงระหว่างสองพรรคหลัก คือ ก้าวไกล กับ เพื่อไทย ห่างกันเพียงแค่ 11 เสียงเท่านั้น หากบอกว่าก้าวไกลเป็นแกนนำ พรรคเพื่อไทยก็จะเป็น “ตัวแปร” สำคัญที่สุด และด้วยตัวเลข ส.ส.ที่ห่างกันแบบนี้ มันก็ทำให้พรรคเพื่อไทยอยู่ในลักษณะ “ขี่คอ” ก้าวไกลอยู่ตลอดเวลา

ประกอบกับ “ฐานทางการเมือง” ในบ่อเดียวกัน มีความจำเป็นที่ต้อง “แข่งขัน” กัน ทั้งวันนี้และในวันหน้า ความหมายก็คือ พรรคหนึ่งโต อีกพรรคหนึ่งก็ต้องหดตัว เมื่อสภาพความเป็นจริงอย่างที่เห็น มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องมีความ “หวาดระแวง” เกิดขึ้น แม้ว่าหน้าฉากอาจรักใคร จูบปากกันดี แต่ใครจะเห็นเบื้องหลังลึกๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกอย่างย่อมมีความ “อ่อนไหว” ได้ตลอดเวลา

ข่าวลือทั้งเรื่องการ “ดอดพบกัน” ที่ฮ่องกง และกัมพูชา ระหว่างตัวแทนบางพรรค เช่น เพื่อไทย พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย และหนึ่งใน “สาม ป.” และตามมาด้วยเรื่องข่าวการยุบรวมพรรคพลังประชารัฐ กับ เพื่อไทย เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความอ่อนไหวดังกล่าว แม้ว่าในเวลาต่อมาแทบจะทันควัน ที่บรรดาคนที่เกี่ยวข้องในข่าวจะออกมาปฏิเสธแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังมีร่องรอยบางอย่างออกมาให้เห็น

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงถึงกรณีการยกเลิกแถลงข่าวของพรรค พปชร. ว่า ก็คงคลาดเคลื่อน ถ้ามีอะไรที่นักข่าวไม่เข้าใจ ก็คงจะตอบนักข่าวแค่นั้นเอง ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องแถลงข่าว

เมื่อถามว่า พรรค พปชร.จะยุบไปรวมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า คงจะเป็นเฟกนิวส์ เป็นข่าวที่ผู้ไม่หวังดีสร้างขึ้นในพรรค พรรคมีความเข้มแข็งกลมเกลียว และไม่เคยมีแนวคิดอย่างนี้ แม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัครที่เป็น ส.ส. ซึ่งไม่รู้ว่าข่าวนี้มาจากไหน พรรคพปชร.ทำงานเพื่อบ้านเมือง อยู่ๆ จะมีเหตุอะไรที่ทำให้ไม่มีพรรคหรือยุบพรรคนั้น เป็นไปไม่ได้เลย

เมื่อถามต่อว่า ข่าวนี้เป็นการตีกันไม่ให้พรรค พปชร. ไปจับมือกับพรรคอื่นหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ในเรื่องของการเมือง คงเป็นไปได้ ถ้าสิ่งนั้นทำให้บ้านเมืองแข็งแรง ทำให้บ้านเมืองเกิดการพัฒนา แต่การเป็นฝ่ายไหน จะต้องเห็นแก่ประโยชน์บ้านเมืองให้เข้มแข็ง โดยเฉพาะพรรค พปชร.ยึดถือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้ง ซึ่งเป็นนโยบายอันดับแรก จากนั้นเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การพัฒนาบ้านเมืองให้พี่น้องกินอยู่ดี ซึ่งหัวหน้าพรรคเราพูดอยู่ตลอด
“ไอ้ข่าวพวกนี้ น่าจะเป็นเฟกนิวส์ ที่มาสร้างกระแสลบให้กับพรรคมากกว่า หัวหน้าพรรคก็ยืนยันกับผมตลอดว่าท่านจะทำงาน เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเข้มแข็ง ไม่มีอะไรเลย” นายสันติ กล่าว
เมื่อถามอีกว่า เป็นการปิดประตูตายร่วมกับพรรคเพื่อไทย หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะว่าต้องเป็นเรื่องของมติพรรคจะไปร่วมอะไรกับใครได้หรือไม่ได้ มันจะต้องเคารพและเป็นมติพรรค แต่การสลายเพื่อไป ตนพูดได้เลยว่า มันกระทบทุกคนของพรรค ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ เป็นเรื่องของอนาคตที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. จะลาออก การที่ท่านจะถอยจากการเมือง หรือว่าอะไร เป็นไปไม่ได้ ท่านยังรักประชาชน ท่านยังมีความรู้สึกว่าท่านจะต้องดูแล แก้ไขปัญหาของประชาชน
เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตร จะเป็นหัวหน้าพรรคไปตลอดไม่มีถอย ใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ท่านยังมีความมั่นคง เพราะว่าจะไปพูดอะไรที่เกินไป คือหัวหน้าท่านมีความคิดที่เฉียบแหลม และสิ่งที่ท่านคิด คนอื่นก็นึกไม่ถึงเสมอ ส่วนจะมีคนอื่นมาเป็นหัวหน้าพรรคแทนหรือไม่นั้น นายสันติ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีพูดถึงเลย ไม่มีแนวคิดอะไรเลย

เมื่อถามอีกว่า ในกรณีที่พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรค พปชร. ต้องไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อตั้งรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่มี พล.อ.ประวิตร นั้น จะไปร่วมด้วยอยู่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า “เป็นเรื่องของอนาคต แต่การตั้งเงื่อนไขไม่มีว่าไม่มี พล.อ.ประวิตร และถามว่าพวกเราจะรับได้หรือไม่ และก็คงไม่มีใครที่บังอาจมามีเงื่อนไขต่อพรรคได้ ไม่ว่ากรณีใด หรือกรณีหนึ่ง เพราะเหมือนบอกว่าจะไปแต่งงานกับใครกัน แน่ เพราะฉะนั้นคำพูดเหล่านี้ไม่ควรเอามา ไม่ควรจะเอามาทำซะด้วยซ้ำ”
ในเวลาไล่เลี่ยกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ออกมาย้ำว่า ยังไม่คิดที่จะวางมือทางการเมือง ลาออกจากหัวหน้าพรรค หรือไปยุบรวมพรรค โดยย้ำว่า ยังทำหน้าที่อยู่ ยังไม่คิดเรื่องแบบนี้ ก็ตาม
แต่ข่าวความเคลื่อนไหวแบบนี้มันสะท้อนให้เห็นว่า คนที่ “ปล่อย” เรื่องแบบนี้ออกมามันก็เป็นการอาศัยสถานการณ์ความไม่แน่นอนในพรรคร่วมรัฐบาล จนทำให้เกิด “ความหวาดระแวง” ด้วยกันเอง ซึ่งเชื่อว่า ด้วยพื้นฐานของ “การแข่งขัน” ทางการเมือง มันจะดำรงต่อไป และแม้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดจนเป็นผลสำเร็จ และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ก็ตาม และนั่นมันก็จะทำให้ “รัฐนาวา” โคลงเคลงตั้งแต่ยังไม่ถึงปากอ่าว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น