xs
xsm
sm
md
lg

พระเอก พท.ทะลุช็อต ล็อก “พิธา” ดิ้นไม่หลุด!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ - นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
เมืองไทย 360 องศา

จะเรียกว่า “เหนือชั้น” หรือว่า “เขี้ยวลากดิน” สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้วแต่จะนิยามความหมาย กับท่าทีทางการเมือง ที่มองการเมืองแบบทะลุช็อตล่วงหน้าหลายชั้น นั่นคือ การมองเห็นอนาคตของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับพรรคก้าวไกล ว่า จะมีชะตากรรมเช่นไร โดยเฉพาะคำประกาศยืนยันหนักแน่น ว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะรักมั่นยืน จน “ชั่วฟ้าดินสลาย” ไม่มีวันแยกจากกัน อะไรประมาณนั้นกันเลยทีเดียว

แน่นอนว่า พิจารณากันเผินๆ ก็ต้องซาบซึ้งจนน้ำตาไหลพราก เพราะจะไม่ทิ้งกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สัญญารักคงมั่นไม่เปลี่ยนแปลง รับบท “พระเอก” ได้ใจไปเต็มๆ อีกทั้งยังรักษาหลักการตามหลักประชาธิปไตย เปิดทางพันธมิตรที่ได้เสียงเป็นอันดับหนึ่ง จัดตั้งรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยไม่คิดแข่งขัน ยกเว้นห้ามล้ำเส้นเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นอันขาด

ขณะเดียวกัน ก็ปล่อยให้มีการตั้งคณะกรรมการประสานงานขึ้นมาสารพัด แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้มีแก่นสาร หรือมีความคืบหน้าที่เป็นชิ้นเป็นอัน อย่างมากก็เป็นเรื่องนโยบายที่จะทำร่วมกัน ยังเป็นแบบนามธรรม จับต้องไม่ได้ ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯ ก็ยังไม่ลงตัว

อย่างไรก็ดี หากมองในภาพรวมเท่าที่เห็นก็จะออกมาแบบนั้น แต่ก็มีคนที่มองแบบทะลุไปข้างในแล้ว เห็นตรงกันว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว นี่คือ ระดับ “ตุ๊กตาทอง” กันเลยทีเดียว เพราะว่า “เนียนและลื่นไหล” เป็นธรรมชาติมาก

เนื่องจากสิ่งที่เห็นในเวลานี้เหมือนกับว่า กำลัง “ตามน้ำ” ไปให้สุดทาง เหมือนกับรู้ล่วงหน้าแล้วว่า อนาคตของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล จะมีอนาคตอย่างไร จากกรณี “ถือหุ้นสื่อ” ที่เข้าข่ายขาดคุณสมบัติการลงรับสมัคร ส.ส.รวมไปถึงการลงนามรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ในฐานะหัวหน้าพรรคอีกด้วย จนล่าสุด มีการแย้มถึงเรื่องนี้ว่า “อาจต้องมีการเลือกตั้งซ่อมกันทั่วประเทศ” กันแล้ว

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ถึงกรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่า หาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ในประเด็นถือหุ้นไอทีวี และถูกร้องเรื่องการรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคก้าวไกล อาจจะต้องเลือกตั้งซ่อมทั้งประเทศ ในเขตที่พรรคก้าวไกลชนะ ว่า “ประเด็นนี้มีการพูดคุยกันอยู่ เพราะคุณสมบัติของหัวหน้าพรรค ที่ไปลงนามรับรองผู้สมัครของพรรค มีคุณสมบัติครบหรือไม่อย่างไร ต้องไปดูประเด็นนั้น”

ยกตัวอย่าง กรณีของตนเอง ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย จ.นนทบุรี ถูกชี้ว่า คุณสมบัติไม่ครบ เพราะถูกจำกัดสิทธิ จากการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หลายฝ่ายมองว่า หัวหน้าพรรคต้องรับผิดชอบร่วมด้วย ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว การถูกจำกัดสิทธิ จากการไม่ไปใช้สิทธิ ไม่ใช่ลักษณะต้องห้าม ฉะนั้น ไม่จำเป็นว่าหัวหน้าพรรคที่เซ็นไปลงสมัครรับเลือกตั้งต้องรับผิดชอบ และหัวหน้าพรรคจะรับผิดชอบเฉพาะกรณีที่ไปลงนามตัวผู้สมัครที่รู้อยู่ว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติ และมีคุณสมบัติต้องห้าม และเมื่อเขามีคุณสมบัติต้องห้าม และยังลงนามให้เขาไปลงรับสมัคร ต้องรับผิดชอบทางอาญา

เมื่อถามว่า หากเกิดอะไรขึ้นกับนายพิธา ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง ยังคงให้โอกาสก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนยืนยันว่า เรามัดกันแน่น และยังคงทำงานร่วมกันเหมือนเดิม ไม่ว่าจะมีอะไรขึ้น ก็ยังคงทำงานกันต่อไป ส่วนรายละเอียด ก็ดูเป็นเรื่องๆ ไป ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร มีข้อกฎหมายรองรับอะไรหรือไม่ อย่างไร

ก่อนหน้านั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวว่า อาจมีการเลือกตั้งใหม่ หาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถูกศาลวินิจฉัยเรื่องขาดคุณสมบัติจากกรณีถือครองถือหุ้นไอทีวี ทำให้ขัดกับคุณสมบัติการเป็น ส.ส. จะกระทบกับการเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงการรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ก.ก.ที่ผ่านมาหรือไม่ ว่า ตนตอบไม่ถูก ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่ผู้ร้องว่า ร้องในประเด็นใด ถ้าร้องในประเด็นว่าขาดจากการเป็น ส.ส. นายพิธา ก็สามารถเป็นนายกฯได้ เพราะนายกฯ ไม่ต้องเป็น ส.ส.ก็ได้ หรือถ้าร้องว่าขาดจากความเป็นนายกฯ ก็สามารถเป็น ส.ส.ได้

แต่ถ้าคนร้อง ร้องทั้ง 2 เรื่อง ศาลก็จะวินิจฉัยทั้ง 2 เรื่อง หรืออาจจะกระทบไปอีกประเด็น คือ การรับรองสมาชิกพรรค ฉะนั้น อยู่ที่คำร้อง ว่าจะร้องอย่างไร จะร้องทั้ง 3 ประเด็นเลยหรือไม่ แต่อย่าพึ่งคิดไปไกลขนาดนั้น เอาทีละประเด็น กกต. ยังไม่ได้ทําอะไรเลย อย่าพึ่งคิดแง่ร้ายไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม การที่ตนพูดแบบนี้ ไม่ใช่มาแนะนำว่าจะต้องร้องอย่างไร อยู่ที่ผู้ร้อง ร้องประเด็นไหน ศาลก็วินิจฉัยประเด็นนั้น ถ้าร้อง 3 ประเด็นศาล ก็วินิจฉัยทั้ง 3 ประเด็น

ถามว่า หากมีการร้องในประเด็นเรื่องสมาชิกพรรค จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ทั้งหมด อย่างในอดีตที่ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาของนายทักษิณ ชินวัตร ไปกาลงคะแนน และมีคนไปถ่ายไว้ ซึ่งเกิดเหตุเพียงคูหาเดียว แต่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนั้นโมฆะทั้งประเทศ ฉะนั้น กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน หากมีการเลือกตั้งซ่อม ก็ต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ

เมื่อย้อนดูคำพูดของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่กล่าวให้ความเห็น จะย้ำว่า “คุณสมบัติไม่ครบ” กับ “ลักษณะต้องห้าม” ซึ่งอย่างหลังต้องรับผิดทางอาญา และหากเทียบเคียงกรณีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็มีเรื่องถูกร้องเรียนลักษณะต้องห้าม นั่นเอง โดยมีผลย้อนหลังมาตั้งแต่ปี 2562

เมื่อมาพิจารณาในความเป็นจริง ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคเพื่อไทย จากกรณีการถือหุ้นสื่อ ที่หลายคนมองว่า “รอดยาก” ซึ่งนั่นว่ากันหลังจากผ่านด่านการโหวตนายกรัฐมนตรี จาก ส.ว.ซึ่งเวลานี้ก็ยังมองไม่เห็นทางว่าจะรับการสนับสนุนจนครบ 376 เสียง ขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็ยังยืนยันหนักแน่นว่า ต้องได้เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร

หากประเมินกันตามรูปการณ์แล้ว ก็เหมือนกับว่า พรรคเพื่อไทย ก็รับรู้ถึงอนาคตกันอยู่แล้ว ว่าจะต้องออกมาแบบไหน และอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้จะได้เห็นการเล่น “บทพระเอก” ตามน้ำแบบเนียนๆ ยืนยันหลักการ รวมไปถึงการประกาศ “ร่วมหัวจมท้ายกันตลอดไป เพราะหากผลออกมาทางลบกับ นายพิธา และพรรคก้าวไกล จริงๆ สิ่งที่อาจจะได้เห็น ก็คือ ก้าวไกลจะไม่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เหลืออยู่เลย เพราะเสนอชื่อเพียงคนเดียว ส้มก็จะหล่นโครมเข้าเท้าพรรคเพื่อไทยเต็มๆ รวมไปถึงหากลามไปถึงเรื่อง “การเลือกตั้งซ่อม” ทั่วประเทศ จากกรณีของผู้สมัครพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้าม มันก็จะยิ่งกว่าส้มหล่นเป็นสองเท่า

ดังนั้น ในยามนี้ หากบอกว่าฝ่ายที่ไม่ยอมตีจากพรรคก้าวไกล แท้จริงแล้วน่าจะเป็นเพื่อไทยมากกว่า เพราะมองทะลุช็อตไปข้างหน้าไกลแล้ว ส่วนจะเรียกว่า “เหนือชั้น” หรือว่า “เขี้ยว” ก็แล้วแต่จะนิยามกันเอาเอง แต่สำหรับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ทำได้ ก็คือ “เคลม” ว่าที่นายกฯ เดินสายสร้างพลังสังคม “ด้อมส้ม” เพื่อกดดันหวังให้ผ่านวิบากกรรมไปให้ได้ แต่พิจารณารอบด้านแล้ว รับรองว่า ยาก เมื่อได้เห็นท่าทีวางเฉยจากบางพรรค !!



กำลังโหลดความคิดเห็น