สะพัด!! “ทักษิณ” โผล่ฮ่องกง สุมหัว “บิ๊กขั้วรัฐบาลเก่า” วางเกมพลิกกระดานคว่ำแผนตั้ง “รัฐบาลก้าวไกล” หึ่ง “เลขาฯ ปชป.- บิ๊ก ภท.” ร่วมวงถก เชื่อเสียงโหวต “พิธา” ไม่ถึงฝั่ง เปิดทาง “เพื่อไทย” ใช้สิทธิเบอร์ 2 ตั้งรัฐบาลแทน รวมเสียงขั้วอำนาจเก่าทะลุ 320 เสียง มั่นใจ ส.ว.ส่วนใหญ่เอาด้วย ส่ง “บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่” วางมือ ดัน “บิ๊กป๊อด” นั่งหัวหน้า พปชร. คั่ว รมว.มหาดไทย ด้าน รทสช.ให้ “เอกนัฏ” คุมพรรคแทน “พีระพันธุ์”
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล ที่มีพรรคก้าวไกล เป็นแกนนำ โดยสามารถรวบรวมเสียง ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองได้เกินกว่า 310 เสียง แต่ยังต้องการเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองอื่น รวมทั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางส่วน เพื่อให้ได้เสียงถึง 376 เสียง ในการโหวตสนุนให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคก้าวไกล ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่
อย่างไรก็ดี ในระหว่างการฟอร์มรัฐบาลใหม่นั้น ก็ได้เกิดปัญหาความไม่ลงตัวกันหลายประการ ทั้งกรณีข้อตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) ที่มีการนัดแถลงข่าวร่วมกันในวันที่ 22 พ.ค.นี้ แต่มีรายละเอียดหลายประการที่พรรคร่วมไม่เห็นด้วย อย่างเช่น ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคเพื่อไทย ต่อรองขอส่งบุคคลที่เหมาะสมขึ้นดำรงตำแหน่ง แทนที่คนของพรรคก้าวไกล ซึ่งถือว่ามีประสบการณ์การเมืองไม่มากพอ หรือการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ที่พรรคอื่นๆ มองว่า พรรคก้าวไกล ปล่อยข่าวยึดกระทรวงหลักต่างๆ ออกมาเป็นระยะ ทั้งที่ในการเจรจากันนั้น ยังไม่มีการลงรายละเอียดกันแต่อย่างใด จนผู้ที่เกี่ยวข้องในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล มีความเห็นสอดคล้องกันว่า การตั้งรัฐบาลก้าวไกล ไม่น่าจะประสบความสำเร็จ
ขณะเดียวกัน ก็มีกระแสแสข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมายังเขตปกครองพิเศษฮ่องกงในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่แกนนำพรรคการเมืองคนสำคัญ อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปพักผ่อนส่วนตัวหลังการเลือกตั้ง โดยมีรายงานว่า ทั้งหมดรวมไปถึงแกนนำผู้สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ได้พบปะ และรับประทานอาหารร่วมกัน มีการหารือถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน หากพรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคอันดับ 1 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
โดยในวงหารือดังกล่าว มองว่า การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีของที่ประชุมรัฐสภา ที่จะมีการเสนอชื่อ นายพิธา ในรอบแรกนั้น เสียง ส.ส.- ส.ว.ที่โหวตให้จะไม่ถึง 376 เสียง โดยเชื่อว่า จะมี ส.ว.เพียงไม่เกิน 20 คน ที่จะโหวตหนุนนายพิธา ขณะที่ส่วนใหญ่จะลงมติงดออกเสียง เช่นเดียวกับพรรคการเมืองอื่น ที่ไม่ได้ร่วมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งในกรณีที่พรรคก้าวไกล ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนนายพิธาให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ก็จะเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทย ขอใช้สิทธิ พรรคอันดับ 2 รวบรวมเสียง ส.ส.เพื่อจัดตั้งรัฐบาลแทน
หากเป็นกรณีดังกล่าวจริง พรรคเพื่อไทย ก็จะทาบทามพรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันดีกับ ส.ว.เกือบทั้งหมด เข้าร่วมรัฐบาล และอาจทาบทาม พรรครวมไทยสร้างชาติ มาเข้าร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อทดแทนเสียงของพรรคก้าวไกล และบางพรรค ที่ประกาศจุดยืนไม่ร่วมงานกับทั้ง 2 พรรคดังกล่าว ที่จะประกาศถอนตัวออกไปอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี จะมีเงื่อนไขว่า พล.อ.ประวิตร จะต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และตำแหน่ง ส.ส.รวมไปถึงประกาศวางมือทางการเมือง เปิดทางให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) น้องชาย ซึ่งว่ากันว่า มีบทบาทอยู่เบื้องหลังพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแทน พร้อมกับเสนอให้ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.มหาดไทย ส่วน พรรคภูมิใจไทย ก็จะได้ดูแลกระทรวงคมนาคม และพรรคประชาธิปัตย์ จะได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามเดิม
ขณะที่ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่กำลังจะมีการปรับโครงสร้างภายใน หลังไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ก็จะถือโอกาสให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ลงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และผลักดัน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ที่ถือว่ากุมเสียง ส.ส.ส่วนใหญ่ในพรรค ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน พร้อมให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากสมาชิกพรรค และตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ตลอดจนถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประกาศวางมือทางการเมืองด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากรวมเสียง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย รวมกับพรรคขั้วรัฐบาลเดิม พรรคภูมิใจไทย, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคพลังประชารัฐ, พรรครวมไทยสร้างชาติสร้าง, พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนากล้า ก็จะมีเสียง ส.ส.เกินกว่า 320 เสียง ซึ่งจะไม่มีปัญหาในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะเชื่อว่า สามารถเจรจากับทาง ส.ว.ได้ สำหรับผู้ที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เบื้องต้นจะเป็น นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย แต่หาก นายชัยเกษม ที่ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพไม่พร้อม ก็จะเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน แทน ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะเฟดตัวไปอยู่เบื้องหลัง เพื่อลดแรงเสียดทานภายในรัฐบาล และผู้สนับสนุนพรรคต่างๆ ที่ร่วมรัฐบาล ก่อนจะหาจังหวะ และตำแหน่งที่เหมาะสมในคณะรัฐมนตรีให้ในภายหลัง