xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐา -เพื่อไทย ไหวมั้ย? เงินดิจิทัล ยังไม่ทันแจก จะแหลกเสียก่อน **กลยุทธ์ชิงคะแนนเสียงของ 2 ขั้วการเมือง ต่างฝ่ายต่างประกาศไม่ผสมพันธุ์ข้ามสปีชีส์!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว


**เศรษฐา -เพื่อไทย ไหวมั้ย? เงินดิจิทัล ยังไม่ทันแจก จะแหลกเสียก่อน

นโยบายหาเสียง “คิดใหญ่” จะ “ทำใหญ่” แจกเงินดิจิทัล ให้คน 54 ล้านคนๆ ละ 10,000 บาท หรือ อัด 5.4 แสนล้านบาทเข้ากระเป๋าตังดิจิทัล“วอลเล็ต” ของพรรคเพื่อไทย เป็นประเด็นดรามาต่อเนื่อง

แม้ว่า “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากครอบครัวเพื่อไทยจะ“ยกแม่น้ำทั้ง 5” มาบรรยายว่าเป็นนโยบายที่ดี ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ชาวบ้าน ร้านค้า และรัฐบาลได้ภาษี “วิน-วิน” ทุกฝ่าย แต่มิวายมีคำถามผุดขึ้นมามากมาย ทำได้หรือ? เอื้อประโยชน์ให้ “ครอบครัวเพื่อไทย” โดยเฉพาะ “โทนี่ วู้ดซั่ม” ทักษิณ ชินวัตร อีกอ๊ะป่าว!

ดูเหมือนว่า พรรคการเมืองคู่แข่งหลังจาก “อึ้งกิมกี่” กับนโยบายประชานิยม “คิดใหญ่” ของเพื่อไทย วันแรกๆ ขอสงวนท่าทีไม่แสดงความเห็น อาจจะคิดไม่ทัน หรือไม่มีรายละเอียดมากพอที่จะวิจารณ์ ล่าสุดเริ่ม “สหบาทา” เรียงหน้ากระดานซัดหอก ซัดหลาวเข้าใส่เพื่อไทยกันชุลมุน

เริ่มจาก พรรคใจบันดาลแรง “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ฟาดนโยบายแจกเงินดิจิทัล คนละหมื่นบาท จะมีปัญหาร้ายแรงมาก ในวันข้างหน้า เพราะการเสนอในลักษณะดังกล่าว เมื่อถึงเวลาปฏิบัติจริงต้องมีกฎหมายรองรับ แต่ปรากฏว่า ไม่มีกฎหมายรองรับ เมื่อไม่มีกฎหมายรองรับ ก็จะต้องนำเสนอกฎหมายเข้าสู่สภา ซึ่งการแจกเงินในลักษณะหว่านแหไปทั่วหมด ขนาดมหาเศรษฐี คนร่ำรวย คนมีงานมีการทำ มีเงินหลายแสน ก็จะได้เงินนี้เหมือนกันหมด เป็นแนวทางที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในนโยบายของพรรคการเมือง

เศรษฐา ทวีสิน
พูดง่ายๆว่า ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ต้องเสนอแก้กฎหมายให้รองรับ ถึงตอนนั้นก็เชื่อว่าถูกต่อต้านในสภาแน่นอน ทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา กฎหมายนี้จะถูกยับยั้ง หรือหากผ่านไป เรื่องก็จะถึงศาลรัฐธรรมนูญ ก็คิดว่าศาลฯจะพิจารณาว่าไม่สามารถดำเนินการได้

หลับตานึกภาพได้เลยว่า งานนี้ไม่ง่าย ขณะที่ “เกียรติ สิทธีอมร” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ หวดซ้ำในเชิงตั้งคำถามกับเพื่อไทย ตั้งแต่ตอบได้มั้ย? นโยบายชัดๆ เป็นอย่างไร ไม่ใช่เมื่อวานพูดอย่าง วันนี้พูดอีกอย่าง ไม่ตรงกัน

ไพบูลย์ นิติตะวัน
นำเงินภาษีประชาชนไปแจกคนรวย หรือไม่? เพราะใน 54 ล้านคนที่จะแจกเงิน คนที่ต้องการความช่วยเหลือ อาจจะมีแค่ประมาณ 10-15 ล้านคน แต่ที่เหลืออีก 35 ล้านคน ไม่ได้ต้องการเงินช่วยเหลือ แต่จะเอาภาษีไปให้เขาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ทำไมถึงเริ่มแจกตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป? ใครไม่มีบัญชี ไม่มี “วอลเล็ต” จะทำอย่างไร จะถึงมือประชาชนกลุ่มเป้าหมายทุกคนจริงหรือ ?

แน่นอน คำถามย้อนมาที่ ทำไมต้องเป็นเงินดิจิทัล?

งานนี้ หยอดข้อมูลแว่วๆ ไปด้วยว่า “บริษัท แสนสิริ” ของ “เศรษฐา” เข้าไปซื้อหุ้นบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (XPG) เมื่อปี 2021 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ ธรกิจทรัพย์สินดิจิทัล ทำไมบังเอิญแบบนี้ไม่ทราบ ?

นอกจากนี้ยังพบปัญหาร้านค้าว่า พร้อมหรือไม่ที่จะรับเงินดิจิทัล จะสามารถไปขึ้นเงินกับใคร และจะโดนลดค่าเงินหรือไม่?

เกียรติ สิทธีอมร
ขณะที่ “พี่ศรี” นักร้องตัวตึง ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อกกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้ตรวจสอบและวินิจฉัย กรณี เศรษฐาและพรรคเพื่อไทยแจกเงินดิจิทัล เข้าวอลเล็ต ให้คนไทย เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยไม่บอกความจริงให้หมด เป็นการดำเนินการที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ หรือไม่

“ศรีสุวรรณ” ยังร่ายรำตามทำนอง ว่า นโยบายนี้เป็นประชานิยมสุดขั้วอาจก่อให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประโยชน์ของประชาชนในวงกว้าง และจะมีผลกระทบต่อวินัยทางการเงินการคลังของรัฐอย่างมาก ซึ่งอาจขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 และพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ 2561 หรือไม่

อีกทั้งการแจกเงินดิจิทัล จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 2561 ประกอบ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) 2561โดยเคร่งครัด โดยจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ซึ่งเงินจะเหลือถึงประชาชนจริงๆเพียง 8,500 บาท

เมื่อสิ้นปีภาษี ต้องแจ้งเป็นรายรับต่อสรรพากร รวมทั้งร้านค้าที่รับเงินดิจิทัลด้วย การบอกความจริงไม่หมดเป็นการหลอกลวง จูงใจให้เข้าใจผิด ตาม ม.73(5) ของ พ.ร.ป.เลือกตั้ง 2561 หรือไม่

ศรีสุวรรณ จรรยา
นอกจากนั้น การหาเสียงแจกเงินดิจิทัล ของพรรคเพื่อไทย กกต.ต้องเปิดเผยข้อมูลให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนทราบถึงคำอธิบายของพรรคเพื่อไทย ที่รายงานมายัง กกต.ด้วยว่า วงเงินที่ต้องใช้ และ ที่มาของเงินที่จะใช้ในการดําเนินการ มาจากแหล่งใด ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดําเนินนโยบาย ผลกระทบและความเสี่ยงในการดําเนินนโยบาย เพราะหากไม่สามารถชี้แจงได้ ก็อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน ม.73(1) และ (5) แห่ง พ.ร.ป.เลือกตั้ง 2561 ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดต่อไป

เศรษฐา และ พรรคเพื่อไทย จะว่ายังไงล่ะ ไหวมั้ย? งานนี้

**กลยุทธ์ชิงคะแนนเสียงของ 2 ขั้วการเมือง ต่างฝ่ายต่างประกาศไม่ผสมพันธุ์ข้ามสปีชีส์!!

สถานการณ์การเมืองในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ มิอาจปฏิเสธว่ายังคงแบ่งฝ่ายเป็นสองขั้วชัดเจน ฝ่ายหนึ่งคือขั้วพรรคร่วมรัฐบาลเดิม หรือ “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม” ที่ประกอบด้วยพรรคหลักๆ คือ พรรคพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ ... ส่วนอีกขั้วฝ่ายค้าน ที่สถาปนาตัวเองว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย ก้าวไกล เสรีรวมไทย และไทยสร้างไทย ของ “คุณหญิงหน่อย” ที่แยกตัวออกมาจากพรรคเพื่อไทย

เบื้องต้น พรรคเพื่อไทยประกาศแลนด์สไลด์ ตั้งเป้าส.ส. 250 เสียง แต่มาเจอเรื่อง “ดีลลับ” ประกอบกับผลโพลระบุว่าพรรคก้าวไกลตามาหายใจรดต้นคอแล้ว เจ้าของพรรคจึงต้องออกมาประกาศเพิ่มเป้าหมายเป็น 310 เสียง เพื่อเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ...พูดง่ายๆ ว่าขอให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย แบบไม่ต้องไปเผื่อแผ่ให้พรรคอื่นที่อยู่ขั้วเดียวกัน

ทักษิณ ชินวัตร
ทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่ วู้ดซั่ม”พูดในคลับเฮาส์กับกลุ่มแคร์ ถึงแฟนคลับว่าไม่ต้องเลือกพ่วง คือให้เลือกเพื่อไทยทั้งคนและพรรค ไม่ต้องปันใจไปให้ พรรคก้าวไกล เสรีรวมไทย ไทยสร้างไทย ...แถมยังแก้ข่าวลือเรื่อง “ดีลลับ” ที่ว่าเลือกเพื่อไทยจะได้ “ลุงป้อม”เป็นนายกฯ ว่า ถ้าเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง คงไม่โง่ที่จะประเคนเก้าอี้นายกฯให้ป้อม ตามที่ “วิรัช รัตนเศรษฐ”รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาปูดว่า คนแดนไกลพร้อมยกเก้าอี้ให้ “บิ๊กป้อม”

ล่าสุด “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาย้ำว่าไม่มีดีลลับ และจะไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ หลังถูกขยี้ในประเด็นที่ว่า ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 22 ของพรรคเพื่อไทย คือ ภรรยาของ “บิ๊กกี่”พล.อ.นพดล อินทปัญญา เพื่อนรักของ ‘บิ๊กป้อม’ เพื่อตอกย้ำ และเหมือนเป็นใบเสร็จ ที่บ่งชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันระหว่าง 2 พรรค ที่จะจับมือกันหลังเลือกตั้ง

พรรคก้าวไกลเมื่อเจอไม้นี้ ก็ไม่อยู่เฉยให้ถูกกระทำฝ่ายเดียว “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการกลุ่มก้าวหน้า ก็ออกมาแซะกลับในเชิงปรามาสไปเลยว่า ไม่เชื่อขี้หน้าของพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศว่าจะจัดการรัฐประหาร หลังเปิดตัว “ชัยเกษม นิติสิริ” ผู้ไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการ เป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 3 ...เชื่อว่าในที่สุดพรรคเพื่อไทย ก็จะไปจับมือกับพรรคทหารจำแลง!!

นั่นเป็นเกมเชือดเฉือน แย่งชิงคะแนนกันในซีกพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม

ส่วน “ขั้วอนุรักษ์นิยม” หรือพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ก็จะมีการขับเคี่ยว ฟาดฟันกันหนักไม่แพ้ขั้วตรงข้าม โดย 3 พรรคใหญ่ คือ พรรคพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย และรวมไทยสร้างชาติ ต่างประกาศชิงเก้าอี้นายกฯ กันแบบไม่มีกระมิดกระเมี้ยน

“ลุงป้อม” นั้นประกาศก้าวข้ามความขัดแย้ง ขอเป็นนายกฯเพื่อสร้างความปรองดองในชาติ ... “ลุงตู่” บอกทำแล้ว ทำอยู่ และจะขอทำอีก... ส่วน “เสี่ยหนู”บอกว่าถ้าประชาชนมอบความไว้วางใจมา ก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้คนอื่นเป็นนายกฯ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ตั้งเป้า 120 ส.ส. กำลังถูกสกัดดาวรุ่ง ถูกเตะตัดขาจาก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ด้วยเรื่องกัญชา ทั้งที่เมื่อไม่กี่วันก่อนศาลเพิ่งให้ความคุ้มครองชั่วคราว ห้าม “ชูวิทย์” โจมตีพรรคภูมิใจไทยเรื่องกัญชา แต่เมื่อ “ชูวิทย์” ยื่นอุทธรณ์ ศาลก็เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ “ชูวิทย์” วิพากษ์วิจารณ์พรรคภูมิใจไทยเรื่องกัญชาได้

คงไม่ต้องบอกใบ้กระมังว่า ช่วงที่ผ่านมา “ชูวิทย์” รับงานใคร มาโจมตีพรรคภูมิใจไทย และหน่วยงานไหนที่มีหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ “จุดตาย” ว่า ที่ดิน “สวนชูวิทย์” เป็นสวนสาธารณะแล้วหรือไม่!!

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” นั้น ที่ผ่านมาพูดแต่เรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง ยังไม่เคยมีคำตอบและท่าทีชัดเจน ในเรื่อง “ดีลลับ” จึงทำให้เกิดกระแสว่า “ลุงป้อม”เตรียมตัวที่จะไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย สถานการณ์เช่นนี้ถือว่าไม่เป็นคุณกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะแฟนคลังสายอนุรักษ์นิยม ย่อมไม่อยากให้ “ระบอบทักษิณ”กลับมาผุดมาเกิดได้ หากปล่อยไปอย่างนี้ คะแนนเสียงของขั้วนี้ก็จะเทไปหา “ลุงตู่” ที่พรรคร่วมไทยสร้างชาติ

ล่าสุด “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถือว่าเป็นมือเป็นไม้คนหนึ่งของ “ลุงป้อม”ก็ออกมาประกาศจุดยืนทางการเมืองว่า พรรคพลังประชารัฐ จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล อีกทั้งเรื่องดีลลับ ก็ไม่เป็นความจริง

ถามว่าที่ออกมาประกาศอย่างนี้ ได้ถาม “ลุงป้อม” หัวหน้าพรรค และแกนนำพรรคแล้วหรือยัง เพราะมันขัดกับแนวทางก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่ง “ไพบูลย์” ก็บอกว่าได้คุยกับทางผู้ใหญ่ของพรรคแล้ว ยืนยันในหลักการว่า ไม่ร่วม ส่วนเหตุผลที่ไม่ร่วม เพราะมีนโยบายที่ไปกันไม่ได้ในหลายเรื่อง!!

นี่คือสถานการณ์ในช่วงหาเสียง แต่หลังเลือกตั้งไปแล้ว ต้องติดตามกันต่อไปว่า พรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ ตั้งรัฐบาลกับขั้วฝ่ายค้านเดิมเป็นผลสำเร็จ หรือ ขั้วพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะยังครองอำนาจต่อไป หรือ สุดท้ายจะมีการผสมพันธุ์ข้ามขั้ว!!


กำลังโหลดความคิดเห็น