ป.ป.ช.ฟัน "สุชาติ เตชจักรเสมา" อดีตประธานบอร์ด อคส.กับพวก ทุจริตถุงมือยาง ร่วมมือเจ้าหน้าที่-เอกชนวางแผนอุปโลกน์ผลิตถุงมือยาง 500 ล้านชิ้น ทำ อคส. สูญเงิน 2,000 ล้านบาท เตรียมไล่ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน
วันนี้(5เม.ย.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงว่า ป ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายสุชาติ เตชจักรเสมา อดีตประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า(อคส.)กับพวก ทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง ระหว่างอคส.กับบริษัท การ์เดี้ยนโกลฟ์ จำกัด มูลค่า 112,500 แสนล้านบาท ว่า
จากการไต่สวนพบว่า ผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันแบ่งหน้าที่ในการกระทำผิด โดยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่อคส. นำโดยนายสุชาติ เตชจักรเสมา อดีตประธานอคส. และพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาภิวัฒน์ ที่ทำหน้าที่รักษาการ ผอ.อคส. ขณะนั้น ได้ร่วมกับกลุ่มเอกชนแอบอ้างว่า มีผู้แทนบริษัทที่ตั้งอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา จะขอซื้อถุงมือยางจากอคส.ในราคาสูง โดยที่ยังไม่มีการวางหลักเกณฑ์ในการจัดหาและจำหน่ายสินค้า จากนั้นอคส.ได้เร่งรีบรีบเสนอโครงการจัดซื้อถุงมือยาง โดยที่ยังไม่มีแผนดำเนินการจัดซื้อและไม่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของอคส. ไม่มีราคาอ้างอิง อ้างว่า มีลูกค้ารองรับซื้อต่อล่วงหน้าแล้ว
จากนั้นอคส.ได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ผลิตถุงมือยาง โดยไม่ต้องแข่งขันเสนอราคากับรายอื่น มีการถอนเงินของอคส.ที่ฝากไว้กับสถาบันการเงินไปจ่ายล่วงหน้าให้บริษัทดังกล่าว 2,000 ล้านบาท โดยไม่มีอำนาจ ประกอบกับสัญญาที่ใช้ลงนามกับบริษัทฯก็ไม่ใช่สัญญาที่เคยใช้อยู่ในหน่วยงานรัฐ และไม่ส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบร่างสัญญา
นายนิวัติไชย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายแก่อคส.อย่างร้ายแรง เพราะจนถึงขณะนี้บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ ก็ยังไม่ส่งมอบถุงมือยางให้อคส.ตามสัญญา ป.ป.ช.จึงชี้มูลความผิดทางอาญาแก่นายสุชาติในข้อหาความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และแจ้งข้อหาพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ และเจ้าหน้าที่อื่นๆที่เกี่ยวข้องข้อหาความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และมีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง รวมถึงบริษัทเอกชนและกรรมการบริษัท แจ้งข้อหาความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 โดยป.ป.ช.จะยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุดดำเนินการเอาผิดต่อไป โดยขอให้อัยการสูงสุดร้องต่อศาลให้ริบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดตกเป็นของแผ่นดิน ได้แก่ 1.เงินฝากของบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ 315,946,014 บาท พร้อมดอกเบี้ย 2.เงินของบริษัทที่วางต่อสำนักงานวางทรัพย์ จ.นครปฐม จำนวน14,697,500บาท 3.ที่ดินของบริษัท ที่อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 33ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง 4.เงิน200ล้านบาท ที่บริษัทฯนำไปวางเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญากับอคส. 5.เงิน20ล้านบาทที่บริษัทจ่ายให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งป.ป.ช.มีคำสั่งอายัดไว้ นอกจากนี้จะส่งข้อมูลให้ปปง.พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ส่วนกรณีพบบริษัทอื่นมีที่ตั้งเดียวกับบริษัทการ์เดียนโกลฟส์ จำกัด จะมีการเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการทางการเงินหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ส่วนใหญ่ในเรื่องของการติดตามเงินเป็นหน้าที่ของป.ป.ง.โดยปกติเมื่อป.ป.ช.ชี้มูลทางป.ป.ง.ก็จะเอาข้อมูลไปดำเนินการยึดทรัพย์ แต่ในกรณีทุจริตถุงมือยาง ป.ป.ช.ก็มีการดำเนินการเอง โดยได้มีการฟรีซทรัพย์เอาไว้มูลค่าประมาณ 500 กว่าล้าน จากจำนวนราว 2 พันล้าน แต่ตอนนี้ทราบมาว่ามีการโอนเงินไปให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่เรามีการฟรีซ ทรัพย์สินเอาไว้ เราทราบชื่อแต่ในชั้นนี้ขอไม่เอ่ยถึง เนื่องจากบริษัทนี้อยู่ระหว่างการติดตามว่ามีส่วนร่วมรับรู้ในการกระทำผิดหรือไม่ หรือถูกใช้เป็นทางผ่านฟอกเงินเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นเรื่องของการฟอกเงินก็จะเป็นหน้าที่ของป.ป.ง.จะเข้าไปดำเนินการต่อไป