xs
xsm
sm
md
lg

ข้อหามาแล้ว“ชูวิทย์”สมคบฟอกเงิน? "ทนายตั้ม-อัจฉริยะ" ขยี้แผล แฉ 2 อดีตตำรวจและนายบ่อนถือเงินไปมอบจอมแถ **“ทักษิณ”ตอบดีลลับที่ไม่ลับ เพื่อไทยคงไม่โง่พอที่จะยกตำแหน่งนายกฯให้ “ป้อม”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ข้อหามาแล้ว“ชูวิทย์”สมคบฟอกเงิน? "ทนายตั้ม-อัจฉริยะ" ขยี้แผล แฉ 2 อดีตตำรวจและนายบ่อนถือเงินไปมอบจอมแถ

“ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด จัดรายการเปิดโปงซีรีส์ “แฉไป ไถไป” ของ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ภาคต่อตามนัด โดยความเดิมเมื่อความจริงถูกเปิดเผย “ชูวิทย์” จวนตัวชิงยอมรับสารภาพว่า รับ“เงินเทา” โดยมีนายตำรวจใหญ่เป็นตัวแทนเจ้าของบ่อนหิ้วมาให้ แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร?

เมื่อ “ชูวิทย์”ไม่ตอบ “ทนายตั้ม” จึงจัดแจงว่า ชูวิทย์นั้นมีความสนิทสนมกับตำรวจ 2 นาย ที่คนหนึ่งเกษียณราชการไปแล้ว

นายหนึ่งเคยเป็นผู้บังคับการภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนอีกนายหนึ่งมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึง “รองเลขาธิการ ปปง.”ที่นอกจากใกล้ชิดชูวิทย์ ยังแนบแน่นกับ “สารวัตรซัว” ชนิดที่ไปไหนมาไหนกันได้

ว่ากันว่า ตำรวจนายนี้นี่เอง เป็นผู้นำเงิน “สารวัตรซัว” มามอบให้ ชูวิทย์ เพื่อปิดปากกาไม่ให้แฉเรื่อง “ลาลิซ่าอาบอบนวด” ด้วยตัวเอง ซึ่งในวันนั้น นอกจากตำรวจสองนาย ยังมี “เจ้าของบ่อนพนัน” ย่านพระราม 3 ที่มีตำรวจถูกยิงเสียชีวิตเมื่อ 2 ปีก่อน เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย

เรื่องนี้น่าเชื่อได้ว่า ตำรวจทั้งสองนายนี้ เป็นตัวแทนของสารวัตรซัว ให้นำเงินมามอบกับชูวิทย์ โดยปรากฏตามภาพ “ถุงเงิน” ที่เป็นหลักฐานเผยแพร่ออกโพสต์ที่ “ทนายตั้ม” เปิดเผยก่อนหน้า โดยนัยยะของการถ่ายภาพเพื่อส่งงานให้กับเจ้าของเงินทราบว่า เงินถูกส่งถึงมือผู้รับแล้ว

แน่นอนว่า มีคำถามตามมา เมื่อ “ทนายตั้ม” มีข้อมูล ทำไมไม่ไปร้องเรียนกับหน่วยงานที่เคยเป็นต้นสังกัดของอดีตตำรวจทั้งสองนายแทนที่จะเอามาเปิดประเด็น “แฉไป ไถไป” ให้ชูวิทย์ แย้งว่าทนายตั้มรับงานใครมา

“ทนายตั้ม” ยืนยันว่า ถ้าทำเช่นนั้นการตรวจสอบก็คงไม่เกิดขึ้น และถ้านำข้อมูลไปจับเข่าคุยกับชูวิทย์ เจ้าตัวก็คงไม่ยอมรับเช่นกัน แต่ขณะนี้กำลังเตรียมทำเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบในวันนี้ และ เจตนาที่ออกมาแฉผ่านสื่อ เพราะต้องการทำให้ รองเลขาฯ ปปง.ออกจากราชการให้ได้ และจะให้ตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินสกุลดิจิทัล กว่า 50 ล้านบาท ที่โอนเข้าไปให้ “ลูกชายชูวิทย์” ตามที่จอมแฉท้าทาย

นี่ก็เป็นรายการ “แฉในแฉ” ที่ทนายตั้มสวนกลับตามคำขอของ “ชูวิทย์”

“ทนายตั้ม”ษิทรา เบี้ยบังเกิด
ในเวลาใกล้เคียงกัน วันเดียวกัน “ลุงอัจ” อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เข้าพบ พ.ต.ต.ปราโมทย์ ศุขศรีไพศาล สว.สอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งเอาผิด "พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ" รองเลขาธิการป.ป.ง. "พล.ต.ท.เปี๊ยก" พร้อมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีนำเงินจาก "สารวัตรซัว" ที่พัวพันพนันออนไลน์ไปมอบให้ชูวิทย์ ตามจำนวนที่ระบุ 6 ล้านบาท ในฐานความผิดตาม

พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พศ. 2542

“อัจฉริยะ”บอกอยากให้กองปราบซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนคดีเอาผิด “สารวัตรซัว” ให้อายัด 6 ล้านบาทมาตรวจสอบและเอาผิดกับ “ชูวิทย์” ในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน

เท่านั้นยังไม่พอ “ลุงอัจ” สืบทราบมาว่า จากการตรวจสอบยังพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนันถูกโอนเข้าบัญชีของภรรยานายพลตำรวจหลายล้านบาทอีกด้วย

“ลุงอัจ” ยังเก๋าฝากไปถึง ตำรวจยศนายพลทั้ง 2 ท่านนี้ด้วยว่า รู้จักบุคคลที่อยู่ในรูปภาพที่นำมาแสดงโชว์ด้วยหรือไม่ ซึ่งคนในรูปก็คือ "นายกานต์" หน้าเสื่อที่คอยเคลียร์เรื่องให้กับ "แทนไท" ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นบุคคลที่เข้าไปหาชูวิทย์อยู่บ่อยครั้ง

นอกจากไปกองปราบบ่ายวานนี้ “ลุงอัจ” ยังเดินทางไป สน.ทองหล่อ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษขอให้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ สืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีอาญากับบุคคลตามภาพในเฟซบุ๊กที่โพสต์โดย ษิทรา เบี้ยบังเกิด ซึ่งในภาพเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์และชายอีกหนึ่งคนพร้อมถุงเงิน 2 ถุง ในข้อหาเดียวกัน เพื่อจะได้มีการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเงินดังกล่าวถูกนำเงินมาจ่ายให้ใคร ใช่ที่โรงแรมเดวิส หรือไม่?

เจอทีเด็ดของ “ทนายตั้ม” และ “อัจฉริยะ” ไปพร้อมๆกัน จอมแถชูวิทย์ว่ายังไงงานนี้?

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ด้าน “ชูวิทย์” ที่เมื่อวานไปขึ้นศาล พร้อม “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช” เพื่อไต่สวนมูลฟ้อง คดีที่ชูวิทย์ ฟ้อง "สันธนะ ประยูรรัตน์" เป็นจำเลย ในข้อหาแจ้งความเท็จ สร้างหลักฐานเท็จ และหมิ่นประมาท

เห็นว่า “ทนายอนันต์ชัย” แนะนำชูวิทย์ ไม่ให้สัมภาษณ์ เพราะหาก “ษิทรา” ให้สัมภาษณ์พาดพิงชูวิทย์อีก ก็เตรียมจะดำเนินคดีอาญาและแพ่งเรียก 100 ล้านบาทต่อครั้ง

“ทนายอนันต์ชัย” ยังขู่ฝากไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และป.ป.ง. ที่ออกมาระบุว่า สุ่มเสี่ยงฟอกเงิน ถ้าบอก ชูวิทย์ ฟ้องมาตรา 157 และ 200 เลยก็ได้ เพราะควรจะพูดว่าต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อน ไม่ใช่ใช้คำว่า "สุ่มเสี่ยง" คุณเป็นตำรวจ อย่ามาเล่นกับผม ชูวิทย์เอาจริงแล้วคุณจะเดือดร้อน!

เรียกว่า ขู่ฟ่อๆ กันเลยทีเดียว!!

ขณะที่ Chuweed-ชูวิทย์ หยิบประเด็น “ทนายตั้ม”คิดเงินลูกความ 3 แสน ต่อการแถลงข่าว อ้างว่าไม่คิดว่าทนายความจะคิดเงินค่าแถลงข่าว ดังนั้นสภาทนายความหรือสื่อมวลชนควรจะพิจารณา

แถมแถไปอีกว่า ตอนนี้มีกระบวนการพยายามที่จะมาปิดปากตนเอง มีทั้งทนายความ พวกหิวแสง นักร้องเรียน ใครฟ้องมาก็จะฟ้องกลับ จะสู้ในทางกฎหมาย ฝากไปบอกหมาลอบกัด พร้อมจะกัดตอบและ ประกาศ กูไม่กลัวมึง!

งานนี้ทำให้ “ทนายตั้ม” ถึงกับยิ้มรับประเด็นกล่าวหาของ “ชูวิทย์” ... ถถถถโถ ไม่มีอะไรจะแฉ มาแฉเงิน 3 แสน

“ทนายตั้ม” ยอมรับจัดโปรออกข่าวคิดเงินลูกความ 3 แสนจริง หากโทรปรึกษาคดีครั้งละ 1,500 บาท เจอตัวที่ออฟฟิศคิด 3,000 บาท โดยย้อนถามจอมแถ มีเงินเยอะเอาไปดูแลครอบครัวผิดด้วยหรือ

อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์
“ษิทรา” ยังเล่าย้อนกลับไปปี 2547 หลังเรียนจบเนติบัณฑิตและเป็นทนายความได้ให้คำปรึกษาและให้ความรู้ประชาชนทางกฎหมายโดยไม่เสียเงิน และได้ช่วยเหลือครอบครัวหนึ่งก่อนได้รับคำชมว่า “สมกับเป็นทนายประชาชน” ก่อนจะนำมาทำเสื้อ และตั้งมูลนิธิฯ คอยให้คำปรึกษาและบรรยายข้อกฎหมาย กระทั่งตนมามีชื่อเสียงจากคดีหวย 30 ล้านบาท และคดีของ “ลุงพล” ไชยพล วิภา ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ไม่มีงานเลยเป็นเวลา 6 เดือน จนครอบครัวต้องลำบาก ก่อนเปลี่ยนแนวคิดหันมาทำธุรกิจ เปิดบริษัทษิทราลอว์เฟิร์ม เป็นเวลา 1 ปี มีคดีความนับพันคดี

นี่คือวิชาชีพ "ผมไม่ได้ทำธุรกิจสีเทา ไม่ได้ทำอาบอบนวด ผมโปร่งใส " ทนายคนดังฟาดกลับ และยังบอกด้วยว่า “ชูวิทย์” เล่นประเด็นนี้ดูแล้วกระจอกมากเลย ไม่ใช่งานของประเทศชาติ

เจอความจริงไล่ล่าแบบจุกๆ งานนี้ Chuweed-ชูวิทย์ จะงัดมุกไหนมาแถเรียกติ่ง ก็เอาที่สบายใจเลยนะจ๊ะ!

**“ทักษิณ”ตอบดีลลับที่ไม่ลับ เพื่อไทยคงไม่โง่พอที่จะยกตำแหน่งนายกฯให้ “ป้อม”

เมื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง “ทักษิณ ชินวัตร” ก็เคลื่อนไหวหนักแบบรัวๆ เพื่อให้อยู่ในกระแสข่าว สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ ของญี่ปุ่นว่า พร้อมที่จะกลับมารับโทษจำคุกในประเทศไทย โดยขอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว

“ตอนนี้ผมเหมือนติดอยู่ในคุกขนาดใหญ่มา 16 ปีแล้ว เพราะพวกเขากีด กันไม่ให้ผมอยู่กับครอบครัว ผมทรมานมามากพอแล้ว ถ้าผมต้องทนทุกข์ทรมานอีกครั้งในคุกที่เล็กกว่านั้น ก็ไม่เป็นไร จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ราคาที่ผมต้องจ่าย แต่ผมยอมจ่าย เพราะผมอยากอยู่กับลูกหลาน ผมควรจะใช้ชีวิตที่เหลือกับลูกๆ หลานๆ ของผม”

ทักษิณ ชินวัตร
“ทักษิณ”ไม่ได้บอกว่า จะกลับมาก่อนเลือกตั้งหรือหลังเลือกตั้ง แต่นักวิเคราะห์การเมือง ผู้ติดตามการเมือง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยากที่คนอย่างทักษิณจะกลับมาติดคุก ที่ให้สัมภาษณ์ไปอย่างนั้นน่าจะเป็นการหวังผลในการเลือกตั้งมากกว่า

ก็ไม่รู้ว่าการพูดเช่นนั้น จะเป็นผลบวกกับพรรคเพื่อไทย หรือเป็นผลบวกกับ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯของพรรครวมไทยสร้างชาติ ผู้เป็นดาวข่มทักษิณ กันแน่

ถัดมาอีกสองวันก็มีข่าวเกี่ยวกับ “ทักษิณ”อีก คราวนี้เป็นเรื่อง “ดีลลับที่ไม่ลับ” ออกมาจากปาก “วิรัช รัตนเศรษฐ” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า“ทักษิณ”ยอมให้ “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แล้ว...เหตุผลคือ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง!!

แต่พอถูกซักไซ้ไล่เอารายละเอียด “วิรัช” ก็บอกว่าหากไม่เชื่อก็ไปถามทักษิณได้ หรือเดี๋ยวก็มีโฟนอินเข้ามาเอง

นี่ก็เดายากเหมือนกันว่าการพูดเช่นนี้ จะเป็นผลบวกหรือผลลบกับพรรคลุงป้อม...ไปกระทบกับแผนแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่...แต่ความหมายที่ชัดเจนคือ เลือกเพื่อไทย ได้ลุงป้อมเป็นนายกฯ !!

แม้“ทักษิณ”จะไม่ได้โฟนอินเข้ามา แต่ก็รีบชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ว่า... ตอบ วิรัช "เรื่องยกตำแหน่งนายกฯให้ป้อม"

วิรัช รัตนเศรษฐ - ภูมิธรรม เวชยชัย
อันดับแรก ทักษิณออกตัวว่า ไม่ได้มีอำนาจอะไรในพรรคเพื่อไทย จากนั้นก็บอกว่าไม่เคยสื่อสารกับ “วิรัช” มานานมากแล้ว ส่วนกับ “พล.อ.ประวิตร”นั้นไม่เคยคุยกันมา17ปีแล้ว ก่อนจะสรุปว่า เลือกตั้งครั้งนี้ มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง และเชื่อว่า...พรรคเพื่อไทยไม่โง่พอที่จะยกตำแหน่งนายกฯให้ป้อม

สั้น กระชับ ชัดเจน!!

ขณะที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ตามมาสำทับว่า พรรคเพื่อไทย โดยคณะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ที่เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลกับใคร หรือไม่

...ถ้าคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยมาอันดับ 1 ก็ต้องได้จัดตั้งรัฐบาล อันดับถัดมา ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นลำดับถัดไป ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆเรื่อง จึงขอย้ำอีกครั้ง การจับมือกับพลังประชารัฐ จะจับมือพรรคนั้น พรรคนี้ เป็นเรื่องเพ้อฝันทั้งสิ้น... ตำแหน่งนายกฯ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้ 310 เสียง จะไม่ให้พรรคอื่นโดยเด็ดขาด เพราะขัดเจตนารมณ์ประชาชน

...อยากถามนายวิรัช ว่าฝันกลางวันไปหรือเปล่า ในวันนี้พรรคเพื่อไทยเดินหน้าแลนด์สไลด์อย่างเดียว เราไม่สนับสนุนคนอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีการไปคุยกับนายวิรัช เวลานี้พรรคเพื่อไทย ไม่มีมติใดๆ ทั้งสิ้น เราไม่สนับสนุนการไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ...

แน่นอนว่าคนของเพื่อไทยต้องออกมาตอบโต้ “วิรัช”อย่างเต็มที่ เพราะถ้าทำเฉย หรือปล่อยผ่าน ก็จะถูกเคลมว่า เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง ...เลือกเพื่อไทยได้ลุงป้อมเป็นนายกฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น