xs
xsm
sm
md
lg

"ชูวิทย์" จนมุม กินเงินสารวัตรซัว แฉโรงนวดลาลิซ่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ "ชูวิทย์" จนมุม กินเงินสารวัตรซัว แฉโรงนวดลาลิซ่า



นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เจ้าของฉายา “โคนันเมืองไทย” ออกโรงค้นหาความจริงอีกคน ในคดีฟอกเงินระหว่าง “สารวัตรซัว” พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล เจ้าพ่อบ่อนออนไลน์ กับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้ชอบเรียกตัวเองว่า “มหาโจร”

หอบหลักฐานไปแจ้งความกองปราบฯ และ สน.ทองหล่อ ระบุวันส่งมอบถุงเงินในโรงแรมเดวิส มีคนอยู่ในเหตุการณ์ 6 คนด้วยกัน

คนที่ช็อกสังคมที่สุด ก็คือ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ใช้คอนเนกชั่นใกล้ชิดกับ “สารวัตรซัว” ตามมาในขบวนถุงเงินด้วย

นายอัจฉริยะระบุว่า พล.ต.ต.เอกรักษ์ พลาดโอกาสขึ้นตำแหน่งเลขาธิการ ปปง. เพราะถูกตรวจสอบพบว่า มีเงินจากบ่อนพนัน โอนเข้าบัญชีภรรยา หลายล้านบาท

งานนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งแสดงจุดยืนมาตลอด รังเกียจเจ้าหน้าที่รัฐ ประพฤติมิชอบ เที่ยวไปหากินกับคนสีเทา คงจะตอบคำถามสังคมได้ยาก ทำไมเมื่อมี รองเลขาธิการ ปปง. มาร่วมขบวนการเงินสกปรกต่อหน้าต่อตา คนเกลียดการทุจริตกลับปิดเงียบ ไม่เคยแอะถึงเลย

ประเด็นที่ต้องค้นหากันต่อไป นายชูวิทย์มีความสำคัญอันใด ที่สารวัตรซัว ต้องประเคนเงินมาให้ อยู่เฉยๆ สารวัตรซัวก็อยากให้ด้วยความเสน่หา คงไม่มีเหตุผล

จึงต้องไปดูกันที่ไทม์ไลน์ของถุงเงินปริศนา นายชูวิทย์อ้างว่า ได้มาตอนต้นปี 2566 เมื่อวันที่ 3 ก.พ. แล้วรีบเอาไปบริจาคให้โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ กับโรงพยาบาลศิริราช โดยไม่มีการหักไว้แม้แต่บาทเดียว

แต่ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด บอกว่า ถุงเงินของสารวัตรซัว ส่งมาให้นายชูวิทย์ ตอนปลายปี 2565 และเป็นจำนวน 10 ล้าน ไม่ใช่แค่ 6 ล้าน

ซึ่งนายชูวิทย์ก็หยิบเอาไทม์ไลน์นี้ มาอ้างให้เป็นประโยชน์กับตัวทันทีว่า ตอนปลายปี 2565 เขายังไม่ได้ลุยแฉเรื่องสารวัตรซัว เป็นนายบ่อนออนไลน์ไซส์ L แต่อย่างใด แล้วสารวัตรซัว จะเอาเงินมาปิดปากเขาทำไม?

ขณะที่ทีมงาน “ถอนหมุดข่าว” ได้ข้อมูลเรื่องถุงเงินสารวัตรซัวว่า จริงๆ แล้ว มันถูกหิ้วไปที่โรงแรมเดวิส เพื่อมอบให้นายชูวิทย์ เมื่อต้นปี 2564 วันที่ 30 มี.ค.

แล้วไม่ใช่เงินเคลียร์การทำเว็บพนันแต่อย่างใด แต่เป็นเงินเคลียร์ เพื่อขอเปิดกิจการอาบอบนวด “ลาลิซ่า” ย่านรัชดา ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจาก “โคปาคาบาน่า”

ซึ่ง “โคปาคาบาน่า” ก็เคยเป็น 1 ใน 6 อ่าง ของนายชูวิทย์นั่นเอง แต่ได้ขายกิจการต่อให้ “เสี่ยกำพล วิคตอเรีย” นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ แล้วต่อมา เสี่ยกำพลโดนข้อหาค้ามนุษย์ เนื่องจากมีการค้าประเวณีเด็ก ต้องดำดินหายไปจนทุกวันนี้

สารวัตรซัว เมื่อร่ำรวยจากเว็บพนันออนไลน์ ก็อยากขยายกิจการมาทำอาบอบนวดบ้าง เลยซื้อ “โคปาคาบาน่า” มาจากเสี่ยกำพล จัดการเปลี่ยนชื่อเป็น “ลาลิซ่า”

แต่เนื่องจากธุรกิจน้ำกามนี้ มีเจ้าพ่อขาใหญ่อยู่ก่อนแล้ว ใคร “อยู่ไม่เป็น” ละก็ มีสิทธิ์โดนทำลายล้างได้ สารวัตรซัวจึงซูฮก และส่งถุงเงิน 10 ล้านบาทมากำนัล ไปบรรณาการถึงที่

อาบอบนวดลาลิซ่า นายชูวิทย์เอง พูดเกริ่นออกสื่อทีวีในช่วงปี 2564 ว่า มีคนชื่อ ซ. โซ่ กำลังจะเปิดกิจการอาบอบนวดลาลิซ่า ซึ่ง ซ. นั้น ก็เป็นใครไม่ได้ นอกจากสารวัตรซัว

เป็นการยืมมือสื่อมวลชน เพื่อสื่อไปถึงตัวสารวัตรซัว ว่าข้ารู้แล้วนะ เอ็งกำลังจะทำอะไร

เมื่อ สารวัตรซัว ยอมส่งถุงเงิน 10 ล้านมาให้ เรื่องน่าจะจบ แต่มันไม่จบ เพราะขาใหญ่น้ำกาม แจ้งว่าแค่ 10 ล้านไม่พอ ต้องขออีก 20 ล้าน อ้างว่าต้องส่งต่อให้กับเจ้าของสื่อบางแห่ง ที่ยังมีคดีหุ้นติดตัวอยู่

คราวนี้ สารวัตรซัวไม่ยอมจ่าย เพราะถือว่าโดนไถแล้วไถอีก คราวนี้เลยงานเข้า ชื่อ สารวัตรซัว ซึ่งนายชูวิทย์จิกหัวเรียกด้วยสรรพนามว่า “ไอ้ซัว” ก็โผล่ออกพื้นที่สื่อ ตอนต้นปี 2566 ส่งผลให้เขาถูกดำเนินคดี พร้อมให้ออกจากราชการ เตลิดหนีไปอยู่เมืองนอก

และวันทดลองเปิดบริการของลาลิซ่าอาบอบนวด ก็ยังมีคนชี้เป้าให้ตำรวจบุกทลายทันควันด้วย

สรุปเรื่องราวของถุงเงินได้ว่า สารวัตรซัว ส่งเงินมาถึงเจ้าพ่ออ่าง เพื่อเคลียร์ทางขอทำธุรกิจลาลิซ่าอาบอบนวด เพียงแต่เคลียร์ไม่สำเร็จ ไม่ใช่การเคลียร์เพื่อปิดปากเรื่องพนันออนไลน์แต่อย่างใด

ตัวเชื่อมระหว่างสารวัตรซัวกับนายชูวิทย์ นอกจาก พล.ต.ต.เอกรักษ์แล้ว ก็ยังมี พล.ต.ท.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ หรือผู้การเปี๊ยก ซึ่งเกษียณไปแล้ว รวมถึง “ศักดิ์ พระรามสาม” เจ้าของบ่อนพระรามสาม ที่เคยเกิดเหตุยิงกันตาย 4 ศพ

ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด แถลงล่าสุดว่า นายชูวิทย์ต้องชี้แจงเส้นทางการเงินให้ได้ ว่าเงินก้อนไหนกันแน่ ที่เอาไปบริจาคให้โรงพยาบาล

และเขาจะเดินหน้าขั้นต่อไป ด้วยการมอบหลักฐานให้ตำรวจ ตรวจสอบเส้นทางการเงินของถุงเงิน รวมถึงเงินดิจิตอล 50 ล้าน ที่เข้าบัญชีของ “กล่องดวงใจ” ด้วย โดยมั่นใจว่างานนี้ ยาวแน่

--------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น