xs
xsm
sm
md
lg

เสี่ยหนูแตะมือลุงป้อม มัดจำตั้งแต่ไก่โห่ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

รายงานข่าวเมื่อช่วงเที่ยง วันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา ทำเอาต้องเพ่งมองเหมือนกันว่า ต้อง “มีนัย” ทางการเมืองแน่นอน แต่จะเป็นแบบไหนก็ต้องมาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้เหมือนกัน

เวลา 12.00 น. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พร้อมด้วย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ได้เข้าพบและร่วมรับประทานอาหารกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระหว่างรับประทานอาหาร ก็มีการพูดคุยกันในหลายๆเรื่องๆ ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง พล.อ.ประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้ม และอารมณ์ดี

การพบปะครั้งนี้ มีขึ้นภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ภายในห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด กับคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และคณะกรรมการแร่แห่งชาติ หลังจากประชุมเสร็จในช่วงเวลาเที่ยง นายอนุทิน นายศักดิ์สยาม และ นายชาดา ได้เข้าพบพูดคุย และรับประทานอาหารร่วมกัน ก่อนขอตัวกลับไป แต่ผู้สื่อข่าวไม่ได้รายงานว่า มีการพูดคุยในเรื่องอะไรบ้าง

แน่นอนว่า ตามรายงานข่าวดังกล่าวความหมาย ก็คือ เป็น “การหารือลับ” แต่รับรองว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญ มีผลกับคนที่เข้าหารืออย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นฝ่ายไหนที่ได้ประโยชน์มากกว่า หรือได้กันทั้งสองฝ่ายนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ขณะเดียวกัน หากวิเคราะห์กันไปทีละเปลาะ มันก็พอเห็นภาพบางอย่าง เริ่มตั้งแต่ “ลุงป้อม” หรือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เวลานี้พยายาม “สลายขั้ว” ต้องการแตะมือกับทุกฝ่าย โดยใช้วาทกรรม “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ทำตัวเป็น “โซ่ข้อกลาง” ซึ่งหากกล่าวตรงๆ ก็คือ สามารถร่วมรัฐบาลได้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับพรรคเพื่อไทย ในเครือข่ายของนายทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ แต่ในอนาคตจะเป็นแบบไหนระหว่าง “ขอร่วม” กับ “ถูกดึงเข้าไปร่วม”

ทำให้หลายคนมองว่า พรรคพลังประชารัฐ ของ“บิ๊กป้อม” พยายามสร้างความยืดหยุ่นให้กับตัวเอง พยายามเป็น “ตัวแปร” ในการจัดตั้งรัฐบาลผสม จนสามารถตรึงบรรดา “บ้านใหญ่” เอาไว้ได้หลายจังหวัด เพราะมั่นใจได้ว่ามีโอกาสเป็นฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าขั้วไหนจะเข้าวิน อีกทั้งยังมีข่าวเรื่อง “ดีลลับ” กับนายทักษิณ ชินวัตร มานานหลายเดือนแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้

มีแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่ประกาศเป้าหมายใหม่กวาด ส.ส. 310 ที่นั่ง พร้อมทั้งประกาศ “ไม่จับมือ” กับพรรคพลังประชารัฐ ของ “บิ๊กป้อม” แต่ถึงอย่างไรก็มีข้อสังเกต ก็คือ คนที่พูดแม้ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค คือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว แต่ในทางการเมืองรับรู้กันว่า เขาเป็นแค่ “ฝ่ายธุรการ” ไม่ต่างจากลูกน้องคนสนิทของเถ้าแก่ เท่านั้น ไม่มีอำนาจตัดสินใจชี้ขาดใดๆ ในพรรคแน่นอน รวมทั้งมีการประเมินกันว่า สาเหตุที่ต้องพูดแบบนี้ออกไปก่อนเลือกตั้ง เนื่องจากกังวลถึงผลกระทบต่อฐานเสียง สะเทือนต่อเป้าหมายแลนด์สไลด์ หรือเปล่า!!

ขณะเดียวกัน เมื่อหันมาอีกฟากหนึ่งในฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลเดิม นอกเหนือจากพรรคพลังประชารัฐแล้ว ก็มี ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ เป็นหลัก แต่ล่าสุด ก็มี พรรครวมใจสร้างชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นแกนหลัก ซึ่งแยกตัวออกมาเป็นพรรคใหม่

หากโฟกัสไปที่พรรคภูมิใจไทย ที่นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุข เป็นหัวหน้าพรรค และ มี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นเลขาธิการพรรค ที่เวลานี้จะว่าไปแล้ว ในทางการเมืองถือว่าน่าจับตาไม่น้อย เพราะเชื่อว่ากำลังจะกลายเป็นพรรคขนาดใหญ่กว่าเดิม เป็นพรรคขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ หลังการเลือกตั้ง และมีโอกาสที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้เหมือนกัน หากมีจำนวน ส.ส.ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานใต้ รวมไปถึงภาคใต้บางจังหวัด

แต่อย่างไรก็ตาม เวลานี้พรรคภูมิใจไทย เริ่มเจอกับมรสุมทางการเมืองไม่เบาเหมือนกัน โดยเฉพาะกับระดับแกนนำพรรคอย่างนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่เป็นเลขาธิการพรรค ที่เวลานี้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากกรณีถูกกล่าวหาเรื่องการ “ซุกหุ้น” บริษัท บุรีเจริญฯ โดยมิชอบ รวมไปถึงการถูกกระหน่ำโจมตีในเรื่องการครอบครองที่ดินที่เขากระโดง โดยมิชอบ แม้ว่าคดียังไม่ถึงที่สุด ยังต้องมีการชี้แจงต่อศาล ภายใน 15 วัน แต่ก็อย่างว่าในทางการเมืองถือว่ามีความสุ่มเสี่ยง เหมือนกับการ “ล็อกขา” เอาไว้ข้างหนึ่ง ทำอะไรได้ไม่เต็มที่

ขณะเดียวกัน ที่น่าจับตาตามมาอีก ก็คือ ทำไมถึงได้ยกขบวนเข้าหารือกับ “ลุงป้อม” ในช่วงนี้ อาจเป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นการหารือกัน “แตะมือ” กันทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลกันล่วงหน้า ในแบบจับมือ “หลวมๆ” เอาไว้ก่อน เหมือนกับคราวที่แล้วที่จับมือล็อกคอกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อต่อรองตำแหน่งสำคัญมาแล้ว

อีกทั้งหากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ว่า พรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบันมีโอกาสที่จะกลับมา “จับมือ” กันอีก หลังการเลือกตั้ง ถือว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก ซึ่งรวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ “บิ๊กตู่” เพียงแต่ว่าต้องรอผลการเลือกตั้งก่อนว่าพรรคไหนจะได้ ส.ส.กี่ที่นั่ง และต้องไม่ลืมว่า ขั้วนี้ยังมี ส.ว.อีกจำนวน 250 เสียง รอโหวตเป็นเครื่องการันตีไว้ชั้นหนึ่งแล้ว

นอกเหนือจากนี้ มันก็น่าคิดเหมือนกันว่า ทำไมถึงยกขบวนกับไปถกเครียดกับ “ลุงป้อม” ในช่วงเวลานี้ ซึ่งหากเป็นเรื่องคดีสำคัญที่เป็นชนักอยู่ใน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บางคดี มันก็เป็นคำถามโตๆเหมือนกัน เพราะต้องไม่ลืมว่าระดับ “บิ๊ก” บางคนเคยมีแบ็กกราวนด์แนบแน่นกับ “ลุง” มาก่อนหรือเปล่า น่าจับตา

ดังนั้น หากมองในทางการเมืองตอนนี้รับรองว่าการยกขบวนของแกนนำพรรคภูมิใจไทยไปหารือลับกับ “ลุงป้อม” ย่อมไม่ธรรมดา และเป็นไปได้ทุกมุม !!



กำลังโหลดความคิดเห็น