xs
xsm
sm
md
lg

ชูวิทย์ คนอัลไร? มะกอกสามตะกร้า ปาไม่ถูก พลิ้ว “เงินทอน” รถไฟสายสีส้ม บอกยังไม่มี ถถถถ..โถ!! ** บูลลี่ลุงมือบวม-บูลลี่อุ๊งอิ๊งท้อง “เต้น-น้องแรมโบ้” แย่พอๆ กัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ชูวิทย์ คนอัลไร? มะกอกสามตะกร้า ปาไม่ถูก พลิ้ว “เงินทอน” รถไฟสายสีส้ม บอกยังไม่มี ถถถถ..โถ!!

นอกจาก “จ้างร้อยเล่นล้าน” กับบทบาทถ่มถุย เกรี้ยวกราด ท้าตีท้าต่อย เน้นเค้นอารมณ์ผสม “ดรามา” เบี่ยงเบนกลบเกลื่อน “เนื้อหา” ที่ถูก “จับโป๊ะ” ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า “เจ้าพ่ออ่าง” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยังรักษามาตรฐานความ “พลิ้ว” ไว้ไม่แผ่ว โกหก พกลม ไปวันๆ

วันนั้นพูดอย่าง วันนี้พูดอีกอย่าง ทั้งๆ ที่เรื่องเดียวกัน!

เหมือนกรณีตัวเองออกตัวแรงแฉว่า งานประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม มีเงินทอน 30,000 ล้าน มีหลักฐาน รู้เลขที่บัญชี ธนาคาร HSBC ที่สิงคโปร์ ร้องแรกแหกปากไปทั่ว ทั้งยื่นหนังสือให้นายกฯ ทั้งบุกไปกระทรวงคมนาคม ประจักษ์พยานมีคนรับรู้จำนวนมาก เพราะออกสื่อโดยตั้งใจ

มาล่าสุด “ชูวิทย์” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวาน (5 มี.ค.) ระบุว่า มีสื่อจ้องโจมตีนับถอยหลังทวงสัญญาให้เปิดหลักฐานที่ตัวเองเคยพูดเรื่องเงินทอนรถไฟฟ้าสายสีส้ม

ว่าแล้วก็เฉไฉ ตั้งหัวข้อใหม่ว่า “3 วันแล้ว! รอชี้แจงของศักดิ์สยาม” แทนที่จะตอบคำถามเรื่องใบเสร็จเงินทอน กลับกลอกกลิ้งว่า “เงินทอน” คือ เงินที่ได้มาจากการทำสัญญาของผู้รับเหมากับหน่วยงานรัฐ ในเมื่อรถไฟฟ้าสายสีส้มยังไม่ได้เซ็นสัญญา ยังลูกผีลูกคนอยู่ แล้วจะมีเงินทอนได้ไงครับ?

เขาแค่เตรียมการกันไว้ว่าจะทอน เลยงงว่าจะนับถอยหลังทำไม? “ชูวิทย์” พูดหน้าตาเฉย

อ้าว...อ้าว...วันนั้นตัวเองก็พูดเองเขาโอนกัน 30,000 ล้าน รู้ดีไปหมด เลขบัญชีอะไร แบงก์อะไร พอถูกตั้งคำถาม ถูกจี้ให้แสดงหลักฐาน วันนี้มาบอก “เขาแค่เตรียมการ จะมีเงินทอนได้อย่างไร ?” เลยงงว่า นี่ผ่านมาไม่กี่วันจำไม่ได้ซะแล้ว ตัวเองมโนอะไรไว้ ความจำสั้นจริงๆ

ฟังแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า “ชูวิทย์” นี่คนอัลไร? อยากจะพูดจาด่าใครว่าโกง ด่าใครว่าชั่ว ก็ได้กระนั้นหรือ? มโนไปเรื่อย อ้าง “การต่อสู้ของประชาชน” เป็นความชอบธรรม แต่ไม่มีข้อมูล เพียงหลอกให้คนเชื่อ และก็มีคนหลงเชื่อจริงๆ แต่เมื่อถูกถามหาความจริงกลับ “พลิ้วไป พลิ้วมา” โดยไม่รับผิดชอบ

พอจับได้ไล่ทันว่า หนังสือที่ส่งให้นายกฯ ร้องเรียนเงินทอนสายสีส้ม ก็อบเขามาล้วนๆ ไม่มีเรื่องเงินทอนที่ว่า “ชูวิทย์” ก็โพสต์ตัดตอนเรียบร้อย แทนที่จะขอใบเสร็จเงินทอน “หากจะทำตัวเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง และประชาชนบ้าง ต้องไปนับถอยหลังนายศักดิ์สยาม เจ้ากระทรวงคมนาคม ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้ชี้แจงภายใน 15 วัน” ไปนู่นเลยเจ้าพ่ออ่าง ลื่นไหลกว่าฟองสบู่ในอ่าง

จากลีลานี้ “ชูวิทย์” น่าจะเคยชินกับการพลิ้วมาตลอดชีวิต วันนี้พอมีแสงในตัวก็มั่วได้แบบอหังการ เชื่อว่า มีคนที่พร้อมจะเชื่อตัวเองก็เล่นใหญ่ ดูถูกสติปัญญาของคนติดตามในโซเชียลฯ ว่า “โง่” พอที่จะยัดเรื่องอะไรลงไปแล้วคนเขาไม่สงสัยใคร่รู้มากขึ้น พอเขารู้ก็พลิ้ว ทำท่าบ้าบอ พูดจาไร้สาระ แสดงละคร เล่นดรามา ให้คนชมลืมๆ เรื่องที่เป็นสาระบ่อยๆ ครั้ง
“ชูวิทย์” ก็เป็นมาอย่างนี้เสมอมิใช่หรือ ?

คำถาม ถามว่า ยังมีคนเชื่อ “ชูวิทย์” อีกหรือ? ทั้งๆ ที่เห็นทนโท่ เรื่องเงินทอนนี่ก็แค่ตัวอย่างเดียว

คิดถึงคำพูดของ “ชูวิทย์” ที่เรียกตัวเองเป็น “หมาบ้า” ว่าด้วยเรื่อง “สุนัขรับใช้” มาถึงตรงนี้มีคำตอบให้สังคม โดยตัวเองเฉลยตัวเอง ไม่ต้องไปโทษใคร

ใครเป็น “สุนัขรับใช้” รับใช้ใคร? ไม่ต้องสงสัยกันละ ใครที่ยังหลงเชื่อ “ตัวตึง” ก็เป็นเรื่องที่ไม่รู้แล้วละว่า ต้องทำอย่างไร คนที่พูดโดยไม่รับผิดชอบ คนที่ “หิวแสง” พอคนกระตุกด้วยความหวังดี ก็หลงเงาตัวว่า “เป็นระฆัง ยิ่งตียิ่งดัง” ไม่อยู่กับร่องกับรอย พุทโธ่.. ยังไม่รู้ตัวว่าพูดจาอะไรออกไปโดยไม่คิด

สังคมมี “ตัวตึง” เยอะ แต่ที่อันตรายกลับเป็น “ตัวตึง” ที่หน้าหนา หน้าทน พ่นคำหยาบคาย นิยมความรุนแรง ดูถูกเหยียดหยามสตรีเพศ เอาเรื่องส่วนตัว “รับงาน” มาเหมารวมมโนเป็นเรื่อง “เพื่อชาติ” พูดจาขาดข้อมูล ขาดหลักฐาน

อันตรายมั้ยล่ะคนแบบนี้ สาธุชนผู้มีปัญญาไม่ต้องชี้แนะก็อ่านออก

ใครจะเชื่อว่าไม่มีเบื้องหลัง บอกตัวเองนี่สิของแท้ “ชูวิทย์” พูดเอง แต่ทำตรงกันข้าม

ชั่วเวลาข้ามวัน เปลี่ยนคำพูดไปซะงั้น อ้างต่อว่า จดหมายของกระทรวงคมนาคมที่ถามหาหลักฐาน ได้ฉีกโชว์สื่อที่หน้าทำเนียบฯ ไปแล้ว

นี่ก็ต้องถามซ้ำว่า แล้วไหนล่ะ ส่วนที่ว่า “เงินทอน 30,000 ล้าน” ?

เชื่อว่า ครบ 15 วัน “ชูวิทย” ก็ไม่มีหลักฐานจะให้ใคร และยังท้าทายให้ “ศักดิ์สยาม” ฟ้อง ข้อหา “กล่าวเท็จ” ถ้ามั่นใจว่าใบเสร็จตัวเองมี จะ “ตีโพยตีพาย” ไปทำไม

ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปเยอะแล้ว “วิชาแถ” เดี๋ยวนี้ชาวโซเชียลฯ เขาเก่ง สืบแป๊บเดียวก็รู้ ใครมโน ใครมั่ว “ชูวิทย์” อย่าประเมินคนไทยต่ำตมเกินไปว่า จะเชื่อตัวเองงมงายง่ายดายทุกเรื่อง

วันนี้ ตัวตึง ที่ไร้สาระ แสดงละครว่าถูก “ของเข้า” เนียนเป็นนิจ ทั้งพูดจาตลบตะแลง พลิกแพลงไปมา จนจับคำพูดไม่ทัน ต้องถือเป็นคนกลับกลอก

โบราณเขาว่า คนประเภทนี้ มะกอกสามตะกร้า ปาไม่ถูก ลักษณะเหมือนใครก็ไม่รู้ นะจ๊ะ ..Chuweed !!

** บูลลี่ลุงมือบวม-บูลลี่อุ๊งอิ๊งท้อง “เต้น-น้องแรมโบ้” แย่พอๆ กัน

กลายเป็นประเด็นการเมืองขึ้นมาดรามากันได้ กรณี “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่แอดมิตโรงพยาบาลด้วยอาการ “มือบวม”

วันก่อน “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยมันปาก หยิบอาการป่วยของนายกฯ ลุงตู่ มาขยี้ขย้ำด้วยคำพูดว่า เป็นลางบอกเหตุ ต่อไปต้องเรียก “ผู้นำรัฐบวม”

กองหนุน กองเชียร์เพื่อไทย ชอบอกชอบใจ แต่อีกฝั่งฟังแล้วก็ “ของขึ้น” โดย “น้องแรมโบ้” ชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี องครักษ์พิทักษ์ลุง ก็ออกมาฟาดกลับ “ณัฐวุฒิ” ว่า ควรเล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ และไม่ควรนำเรื่องอาการป่วยของคนอื่นไปล้อเล่น บนเวทีปราศรัย

เรียกว่า บูลลี่นายกฯ บูลลี่คนป่วย ช่างเป็นคนไม่มีวุฒิภาวะเอาเสียเลย ทำตัวเป็นตลกใน “สภาโจ๊ก” ร่ำไป ขณะเดียวกัน ก็ไม่ต้องนำอาการป่วยของนายกฯ ไปเปรียบเทียบกับ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่อุ้มท้อง 7 เดือนกว่า ยังหาเสียงได้ ซึ่งตัวเองก็จะดูว่า น.ส.แพทองธาร จะสามารถลงพื้นที่หาเสียง เดินฉับๆ ขึ้นบันไดเวที พูดจาฉะฉานได้อีกจนถึงเลือกตั้งหรือไม่

แหม..จะว่าไป องครักษ์พิทักษ์ลุง ก็พอๆ กับ “พี่เต้น” คนหนึ่งบูลลี่คนป่วย อีกคนเอาคืนก็บูลลี่คนกำลังท้องกำลังไส้ ไม่มีใครดีงามไปกว่ากันเท่าไหร่นักหรอก

เกิด แก่ เจ็บ ตาย ใครจะป่วย ใครจะท้อง เป็นเรื่องธรรมดา ห้ามได้ที่ไหน หยิบยกมาหยามเหยียด บูลลี่กันจะด้วยคะนองปาก พูดเอามันเรียกเสียง เรียกแสง ก็ไม่ควรพึงกระทำทั้งนั้น

ของพรรค์นี้ ก็เข้าใจว่า ใกล้เลือกตั้ง แต่ละพรรคแต่ละเวทีหาเสียง สาดได้สาด ป้ายได้ป้าย สีขาดแคลนตลาด โคลนเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ก็เป็นสีสันทางการเมือง แต่เรื่อง “ส่วนตัว” บางเรื่องก็ควรหรือไม่ควร ที่จะเอามาแซะ เอามาเหน็บกัน ทั้ง “ณัฐวุฒิ” และ “ชนะศักดิ์” รู้ๆ กันอยู่ เบาได้เบาเถอะพ่อคู้ณ


กำลังโหลดความคิดเห็น