ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ชูวิทย์” ขึ้นต้นเป็น “ม้าศึก” รับใช้การเมืองพึงระวังกระแสตีกลับ? ด้อยตัวเองจะเหลือค่าแค่ร้องกาๆๆ
มาจะกล่าวบทไปถึง “เฮียชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ตอนนี้เคลื่อนไหวราว “ม้าศึก” ที่ คึกพิโรธ วิ่งเข้าชน พุงเข้าใส่ แฉทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่อะไรที่ “สีเทาๆ” และ “สีกากี” ของถนัดเท่านั้น ยังขยายเรื่องแฉแตะเรื่องที่ไม่เคยจับ ...คนชักจะ “เอ๊ะ! ยังไง” เริ่มตั้งคำถาม “ชูวิทย์” จี๊ดจัด เพื่ออันใด? เพื่อใคร?
เจ้าตัวบอก เบื้องหลังตัวเอง คือ “ประชาชน” ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น แต่วันที่ไปทำเนียบรัฐบาลหา “ลุงตู่” นั่นปะไร มีคนคุ้นเคยอย่าง “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ คนทำงานใกล้ชิดนายกฯ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมารับ และพาเข้าทำเนียบฯ ไปเจอกับ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เลขาธิการนายกฯ และหัวหน้าพรรค รทสช. นั่นก็เป็นภาพที่ใช้แทนคำบรรยายได้
ไม่ต้องลับ ลวง พราง คอการเมืองก็ดูออก ระหว่าง “ชูวิทย์” กับ “เสธ.หิ” นั้นแนบแน่น อดีตเคยทำอะไรมาร่วมกัน ปัจจุบันสายสัมพันธ์ยังสานกันแน่น “เสธ.หิ” ช่วย “ลุงตู่” และพรรครวมไทยสร้างชาติ เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งอย่างเปิดเผย แต่ใครจะรู้จะมีดีลลับระหว่าง “เสธ.หิ และ ชูวิทย์” หรือไม่?
ที่แน่ๆ สปอตไลต์เมื่อส่องต้องคนทั้งสอง “ชูวิทย์ และ เสธ.หิ” คือ เพื่อนกันที่กำลังทำอะไรเพื่อ “ลุงตู่และรวมไทยสร้างชาติ”
เพราะการเมืองคือเรื่องผลประโยชน์ ช่วงเลือกตั้งใกล้เข้ามา ยกตนว่าดี ข่มคนอื่นว่าเลว ไม่มีใครว่าใคร ขอกันกิน ต่างเชื่อว่า พรรคตนเองได้แต้ม พรรคอื่นต้องถูกด้อยค่า การเคลื่อนไหวของ "ฮีโร่" ชูวิทย์ ณ เวลานี้ ได้ถูกม้วนเข้าสู่การเมืองแบบนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย
แฉคนอื่นได้ แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ลุง กับพรรครวมไทยสร้างชาติ กรณีเชื่อมโยง “ส.ว.ทรงเอ” เป็นที่สังเกต “เฮียชู” กลับเงียบกริบ ผิดปกติวิถีจอมแฉไปมาก ทั้งๆ สตอรี่ที่ “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ปูดขึ้นมา หรือ เรื่องในสภาตอนซักฟอกรัฐบาล ที่ “รังสิมันส์ โรม” ส.ส.ก้าวไกล ขยี้ซ้ำ ความเป็นจริงเป็นเช่นไร คนก็อยากรู้จากปาก “ชูวิทย์” ทั้งนั้น
เปิดโปงเรื่อง “ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม” ว่า มีทุจริตครึกโครม 3 หมื่นล้าน แต่ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสื่อ เป็นไปในท่วงทำนอง “ลีลามาก ข้อมูลน้อย”
วันที่ไปทำเนียบฯ พูดว่า มีผู้ประมูลรายเดียว พอมีคนแย้ง พูดที่กระทรวงคมนาคม ก็ไปอีกอย่าง
ฟังว่าเรื่องนี้ “นักร้องเบอร์ 1” เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เคลื่อนไหวแล้ว ยื่น ป.ป.ช. ขอให้เรียก “ชูวิทย์” มาให้ข้อมูล ใครบ้างทุจริต ใครบ้างรับเงินทอน 3 หมื่นล้าน เอาให้ชัดๆ บอก ป.ป.ช.ให้หมด เล่นก็ต้องเล่นตามกติกา ตามกฎหมาย แต่หากปราศจากหลักฐาน พูดเอามัน อย่างนั้น “เฮียชู” ก็ต้องเตรียมใจรับสิ่งที่ตามมาจากคำว่า “ให้การเท็จ” นะจ๊ะ
ยิ่งประเด็นโจมตี นโยบายกัญชาพรรคภูมิใจไทย ยิ่งสะท้อนว่า “เฮียชู” ใช้ลีลามาก ข้อมูลน้อย อย่างเห็นได้ชัด พูดเอามัน พี้เพื่อชาติ อย่างนั้น อย่างนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ กัญชาทางการแพทย์เขาพิสูจน์กันมาแล้ว พ่อ แม่ พี่ น้อง และญาติผู้ป่วยที่ได้ประโยชน์จากกัญชา มีเป็นล้านๆ คน “ชูวิทย์” ไม่หยิบมาพูด เลือกพูดเฉพาะประเด็นที่ทำให้สมุนไพรไทยดูแย่
เรื่องนี้คนพี้ไม่เพี้ยน แต่คนเพี้ยนจะเป็น “ชูวิทย์” หรือไม่ เชื่อได้ว่า จะมีคนออกมาให้ข้อมูลเรื่องกัญชากับสังคม และ เปิดหู เบิกเนตร “เฮียชู” มากหน้าหลายตาแน่
ที่แน่ๆ งานนี้ “เฮียชู” น่ารู้ตัวเองดีกว่าใคร ภาพจำจอมแฉ สู้เพื่อให้สังคมดีขึ้น จากกรณี “ตู้ห่าว” ทุนจีนสีเทา บ่อนพนันออนไลน์ ยาเสพติด ตำรวจรีดไถนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตำรวจรับส่วย และเป็นนายบ่อน บ่อนพนันออนไลน์เสียเอง สังคมเชิดชู ชมเชยว่า เฮียเป็น “ฮีโร่” ผู้กล้าท้าแฉ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงจับกุมผู้กระทำผิดและขยายผลคดีไปเรียบร้อยนั้น
พลานุภาพในการแฉย่อมมีส่วนให้สถานภาพของ “ชูวิทย์” นั้น กลายเป็นความหวังที่ประชาชนจะฝากผีฝากไข้ได้ ในเรื่องสีเทาๆ ที่กัดกร่อนบอนไซสังคม
แต่เฮียชูก็ต้องเข้าใจว่า เมื่อไหร่ก็ตาม ความจริงใจ จิตอาสาเพื่อสังคมของคนๆ หนึ่ง แม้เพียงต้องสงสัยว่า “รับใช้การเมือง” เมื่อนั้นประชาชนเกิดอาการผิดหวังขึ้นมาทันที
ระหว่าง “ฮีโร่” กับ “ซีโร่” อย่าลืมว่าแค่เส้นบางกางกั้น พึงระวังกระแสสังคมจะตีกลับ
“ชูวิทย์” ก็คงเริ่มสัมผัสได้เช่นกัน ไปไหนต่อไหนตอนนี้ หัวข้อที่ชาวบ้านเขาพูดๆ กันก็คือ เอ๊ะ ชูวิทย์ นี่ชักยังไง ?
ด้วยความชื่นชมจากผลงานที่ผ่านมา และปรารถนาดีกับ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ไม่ต้องการให้สังคมขาด “เฮียชู” ไปในฐานะผู้กล้าท้าแฉ อย่าให้การเมืองมาบดบัง “แสง” ที่เป็น “ดาวฤกษ์” เป็นความหวังของสังคมอับแสงไป เพียงเพราะ รับใช้การเมือง หรือทำเพื่อใคร กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
มิฉะนั้น มันน่าเสียดาย หากจาก “ม้าศึก” ที่คึกพิโรธ จะเป็นแค่ “อีกา” ที่ร้อง กา กา กา ไปวันๆ
**“อุ๊งอิ๊ง” ตอบไม่ชัด เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ แล้วจะได้นายกฯ ชื่อ “ลุงป้อม” หรือไม่
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาพรรคการเมืองต่างลงพื้นที่ พบปะประชาชน หาเสียง ประกาศตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เป็นอีเวนต์ใหญ่ ซึ่งสื่อต้องโฟกัสก็คือการเปิดปราศรัยใหญ่ของ “ลงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง และว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เมืองย่าโมโคราช ในวันเสาร์ที่ 25 ก.พ. เพื่อตอกย้ำ มอตโต้ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” พร้อมประกาศตัวขอเป็น “นายกฯ ลูกอีสาน”
ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ก็ยกทีมใหญ่ขึ้นเหนือ พบปะประชาชนที่ จ.เชียงราย และเชียงใหม่ ยึดพื้นที่สื่อทั้งสองวัน คือ วันที่ 25-26 ก.พ.
นอกจากประกาศนโยบายช่วยเหลือประชาชน ที่เน้นหนักไปในด้านธุรกิจการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีความชัดเจนจากปากของ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศบนเวที ที่ จ.เชียงราย ว่า “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของทักษิณ ชินวัตร ที่อุ้มท้อง 7 เดือน ออกมาพบประชาชน คือ แคนดิเดตนายกฯตัวจริงเสียงจริง ของพรรคเพื่อไทย
วันรุ่งขึ้น ช่วงเสร็จจากพบปะประชาชน และผู้ประกอบการที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ สื่อก็ถาม “อุ๊งอิ๊ง” เพื่อขอความชัดเจนเรื่องนี้ทันที
... “อุ๊งอิ๊ง” ตอบว่า สิ่งที่ทำทุกวันนี้ เมื่อมีกระแสตอบรับที่ดี ก็ถือว่าเป็นกำลังใจ และการที่ประชาชนอยากให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็ขอน้อมรับไว้ด้วยความดีใจ แต่ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนการเสนอชื่อตามกระบวนการของพรรค นั่นคือ ต้องผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเสียก่อน ซึ่งก็มีการคุยกันอยู่ตลอด
ส่วนจะชัดเจนอย่างเป็นทางการเมื่อไรนั้น “อุ๊งอิ๊ง” บอกว่า ต้องรอหลังยุบสภา
ก็เป็นอันว่า ที่ทั้งสื่อ ทั้งประชาชน และโพลสำนักต่างยกให้ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นแคนดิเดตนายกฯ และมีคะแนนนิยมนำมาตลอด คงจะไม่ถูกหักมุมในช่วงสุดท้าย โดยมีชื่อคนอื่นมาแทน ...ถ้าเป็นเช่นนั้น คงไม่เป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทยแน่ เพราะถือว่า ไม่มีความจริงใจกับประชาชน แค่เริ่มต้นก็หลอกกันซะแล้ว
อีกประเด็นที่ประชาชนทั่วไป รวมทั้งแฟนคลับของเพื่อไทย ยังข้องใจ คือ เรื่อง “ดีลลับ” ที่ว่าพรรคเพื่อไทย มีการเจรจากับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จนคนของพรรคพลังประชารัฐมีความมั่นใจมากกว่า “พรรคลุงป้อม” ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลแน่ ไม่ว่าจะร่วมกับขั้วไหน เพราะถือนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง
หลังการเลือกตั้ง หาก “เพื่อไทย” แลนด์สไลด์ มาเป็นที่ 1 จะเกิน 250 เสียง หรือไม่เกินก็ตาม หากถึงพรรคก้าวไกลมาร่วม ก็มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา แต่ไม่พอโหวตนายกรัฐมนตรีที่ต้องใช้เสียง 375 เสียง คราวนี้ก็คงต้องหันไปพึ่ง “ลุงป้อม” ที่นอกจากมีเสียง ส.ส. แล้วยังกุมเสียง ส.ว.อยู่ประมาณ 100 เสียง หากไม่ถึงก็ใกล้เคียง
ที่แฟนคลับเพื่อไทยกังวล คือ เลือกเพื่อไทย แลนด์สไลด์ แต่กลับได้ “ลุงป้อม” เป็นนายกฯ คงเสียความรู้สึกแย่
เมื่อสื่อถามถึงเรื่องนี้ ว่าถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์ จะไม่ยกมือให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอื่น ใช่หรือไม่ “นพ.ชลน่าน” รีบตอบทันทีว่า... แน่นอนครับ เราจะไปยกมือให้เขาทำไม พร้อมเสริมด้วยว่า นายกฯต้องเป็นคนของเพื่อไทย
จังหวะนี้ เมื่อไมโครโฟนของนักข่าวหันไปให้ “อุ๊งอิ๊ง” ตอบบ้าง กลับไม่ได้พูดชัดว่าต้องเป็นคนของเพื่อไทย แต่พูดแค่ว่า “ต้องเป็นคนคุณภาพ”
ฟังคำของ “อุ๊งอิ๊ง” แล้วก็เข้าใจได้ว่า ในทางการเมืองจะมาตอบแบบฟันธงในตอนนี้คงไม่ได้
ดูอย่างตอนหลังเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เมื่อปี 62 พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 แต่ไม่สามารถรวมเสียง ส.ส.ได้เกินกึ่งหนึ่ง จึงตั้งรัฐบาลไม่ได้ ตอนโหวตเลือกนายกฯ พรรคเพื่อไทย มีบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ถึง 3 คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ ชัยเกษม นิติสิริ แต่รู้ว่าส่งขึ้นไปก็แพ้แน่ จึงขอบาย ยอมให้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในขณะนั้นขึ้นไปชิงเก้าอี้นายกฯ กับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แทน ...เรื่องนี้มีหลัก มีเหลี่ยมในทางการเมืองที่เข้าใจกันได้
ครั้งนี้ก็เช่นกัน เพื่อไทยแลนด์สไลด์ แต่ “อุ๊งอิ๊ง” อาจไม่ได้เป็นนายกฯ ก็ได้ เพราะยังมีสถานการณ์ และการเจรจาทางการเมือง ในตอนนั้นมาเป็นเงื่อนไขอยู่ และเพื่อไทยคงเลือกแนวทางที่ได้ประโยชน์สูงสุด แม้จะต้องสละเก้าอี้นายกฯก็ต้องตัดใจ