xs
xsm
sm
md
lg

ป้อมคู่แข่งไม่ใช่คู่ขัดแย้ง จำนวน ส.ส.เป็นตัวชี้ขาด!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เมืองไทย 360 องศา



เป็นการตอกย้ำให้เห็นกันอีกครั้งระหว่าง “สอง ป.” คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า พวกเขาทั้งคู่ยังรักกันดี ไม่มีความขัดแย้ง และความสัมพันธ์ที่มีมาหลายสิบปี ก็ไม่มีตัดขาดกันได้ โดยทั้งคู่พยายามแยกแยะในเรื่องการเมืองว่าต้องมีการ “แข่งขัน” กันเป็นเรื่องธรรมดา

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ถึงท่าทีทางการเมืองในการไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ก็รอหน่อยสิ เดี๋ยวก็ไปเองแหละ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการกำหนดวันหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องดูวันที่เหมาะสม ส่วนตำแหน่งภายในพรรค ยังไม่ได้พูดถึง “ผมยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลยสักอย่าง ผมแค่จะไปสมัครเป็นสมาชิกก่อนก็เท่านั้น เออ จะได้ไม่มีปัญหามากนัก”

ถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า ไม่ได้เป็นคู่แข่งนายกฯ เพราะนายกฯเป็นน้อง แต่สุดท้ายใครดีใครได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อ้าว ในฐานะหัวหน้าพรรคท่านก็ต้องพูดอย่างนั้นละมั้ง ใช่ไหม มันเป็นเรื่องของการเมือง”

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร ให้พรปีใหม่อย่างไร หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เหมือนเดิมแหละ ไม่มีปัญหาอะไร ตนก็ไปคุยกับท่าน เสาร์ อาทิตย์ ก็ไปคุยกับท่าน ไม่ใช่ว่าเออทะเลาะกัน ไม่เคยทะเลาะกัน ทะเลาะกันไม่ได้อยู่แล้วนะจ๊ะ เมื่อวันเสาร์ อาทิตย์ ตนก็ไปคุยกับท่านมา นั่งกันอยู่เป็นชั่วโมง ก็คุยกระเซ้าเย้าแหย่กันเหมือนเดิม ไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น

ส่วนจะมั่นใจหรือไม่ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะสามารถนำ ส.ส.มาได้มากกว่า 25 เสียง เพื่อเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯแข่งกันในสภา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนจะมั่นใจได้อย่างไรก็ต้องถามประชาชนสิจ๊ะ คนเลือกไม่ใช่ฉันเองนะ ฉันจะประเมินตัวเองไม่ได้ ต้องให้ประชาชนเป็นคนประเมิน เพราะทุกอย่างเป็นการเลือกตั้ง กระบวนการทางประชาธิปไตยก็ว่ากันไป ตามรัฐธรรมนูญก็ว่ากันไป ส่วนใครจะได้ไม่ได้เป็นเรื่องของประชาชนที่จะตัดสินใจ ไม่ใช่เราจะไปกำหนดได้ เราจะไปคาดหวังนี่โน่นไม่ได้หรอก

เมื่อถามว่า นายกฯ จะเหวงๆ หรือไม่ที่ไม่มี พล.อ.ประวิตร เดินเคียงคู่ในทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คือใจมันถึงใจกันอยู่แล้ว ก็เรื่องอื่น ก็คือเรื่องอื่น การเมืองก็ว่ากันไป ผมก็เรียนท่านไปแล้วว่าเราไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน ไม่ใช่ การเมืองต้องไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน ไม่ว่าจะพรรคไหนก็ตาม เพราะเราทำเพื่ออะไร เพื่อประเทศไทยใช่ไหม ไม่ว่าจะพรรคฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ประเทศไทยใช่ไหม เราทำเพื่อคนไทยใช่ไหม ฉะนั้นอะไรต่างๆ ก็ตามที่ไม่ใช่เรื่องจะมาเป็นประเด็นขัดแย้งกันสู่การเลือกตั้ง ผมไม่อยากให้ทำ อันตราย”

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แยกไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ตรงนี้ไม่ทำให้การวางตัวและการทำงานลำบาก ยังไงก็เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม เพราะอยู่กันมา 40-50 ปี เราก็ดูแลกันมา ส่วนเรื่องของการเมือง ก็เป็นการเมือง เรื่องของส่วนตัวก็เป็นเรื่องของส่วนตัว เรื่องของพี่น้องก็เป็นเรื่องของพี่น้อง ไม่มีปัญหาอะไร ยังรักกันเหมือนเดิม ไม่มีความขัดแย้งอะไรกัน เพราะว่าพรรคพลังประชารัฐ เราต้องการก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมด ไม่ให้มีความขัดแย้งเลย

“เรื่องความขัดแย้ง จะเป็นหัวใจสำคัญในการเดินหน้าของพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคต้องการก้าวผ่านความขัดแย้งทั้งหมด ผมจะไม่ขัดแย้งกับใคร และที่ผ่านมาก็ไม่เคยทะเลาะกับใคร” พล.อ.ประวิตร กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่ลูกพรรคออกมาหนุนให้หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น ถึงแม้จะมีสมาชิกพรรคเสนอชื่อให้เป็น แคดิเดตนายกรัฐมนตรีก็ตาม เพราะต้องรอการประชุมพรรคก่อน

เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการสนับสนุนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเช่นกัน ตรงนี้จะถือว่าเป็นคู่แข่ง หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า “พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นน้อง ไม่ถือว่าคู่แข่งกัน แต่ถ้าทางการเมือง ใครทางการเมืองดีกว่า คนนั้นก็เป็นไป ไม่มีปัญหา อีกทั้งส่วนตัวผมไม่ขอแสดงความเห็นหากจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านขั้นตอนการเลือกในสภา”

นั่นเป็นคำยืนยันของทั้งคู่ ว่าไม่มีความขัดแย้ง เป็นพี่น้องผูกพันกันมานานตัดกันไม่ขาดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าในทางการเมืองก็ต้องมีการแข่งขัน “ใครดีใครได้” เหมือนที่ว่าเอาไว้ แม้ว่าในอดีตเคยมีให้เห็นตัวอย่างมาแล้วกรณี “หม่อมพี่” ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อยู่พรรคประชาธิปัตย์กับ “หม่อมน้อง” ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อยู่พรรคกิจสังคม ฟาดฟันกันในทางการเมืองแบบไม่ลดราวาศอก เรียกว่าดุเดือดเลือดพล่าน แม้จะเป็นสายเลือดกันแท้ๆ แต่ในทางการเมืองทั้งคู่ก็เต็มที่

สำหรับพี่น้อง “สอง ป.” จะเป็นแบบนั้นหรือไม่ในทางการเมือง แม้ปากจะบอกว่า “ผูกพันกันมานานตัดกันไม่ขาด” แต่ในทางการเมืองวันข้างหน้าใครจะไปรู้ แต่ถึงอย่างไรเชื่อว่าพวกเขาน่าจะไม่ซ้ำรอยดังกล่าว เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองมีรายละเอียดแตกต่างกัน เพราะจะว่าไปแล้ว ในทางการเมืองทั้งในปัจจุบันต่อเนื่องไปถึงอนาคตอันใกล้น่าจะต้อง “พึ่งพาอาศัยกัน” มากกว่าต้องขัดแย้งกัน

แม้ว่า เวลานี้ถือว่าทั้งคู่ต้อง “แยก” จากกันในทางการเมืองอย่างชัดเจนแล้วก็ตาม และย้ำอยู่ตลอดเวลาว่าไม่มีความขัดแย้งกัน แต่ก็ถือว่าเป็น “คู่แข่ง” แบบเต็มตัวเช่นเดียวกัน เพราะเป้าหมายของทั้งคู่คือการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในความเป็นจริงทั้งคู่ก็รับรู้กันอยู่ในใจว่าจะขัดแย้งแตกหักกันไม่ได้เด็ดขาด เพราะมีแต่ผลเสีย ซึ่งจะทำให้ฝ่ายตรงข้าม “หยิบชิ้นปลามัน” ไปกิน และแม้ว่าหลายคนมีการประเมินว่า ในที่สุดแล้ว “บิ๊กป้อม” อาจสวิงไป “ขั้วตรงข้าม” หรือร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และยืดหยุ่นได้ดีกว่า แต่มันก็ไม่ง่าย ในแง่ของความรู้สึกของบรรดาลูกหาบ อย่างน้อยก็ใน “กลุ่ม ส.ว.” ในสายของตัวเอง ที่ต้องกะอักกระอ่วนในตอนโหวต นอกเหนือจากเงื่อนไขที่ไม่มีทางเลือกจริงๆ แบบ “เดดล็อก” ขยับไปต่อไม่ได้ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง

แต่หากให้ประเมินกันแบบความจำเป็นทางการเมืองก็ต้องฟันธงกันเลยว่า ทั้งคู่เป็นได้แค่ “คู่แข่ง” ทางการเมืองเท่านั้น แต่ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ตามที่ยืนยันนั่นแหละ เพราะนอกจากสถานการณ์บังคับให้ต้องเกื้อหนุนกันแล้ว การแตกแยกขัดแย้ง มันย่อมไม่ฉลาด และหากถามว่าทั้งสองพรรคคือ รวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ ยังมีแนวโน้มร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล มากกว่าการแยกพลิกขั้วออกไป นั่นคือ “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กป้อม” ยังจับมือกันตั้งรัฐบาล เพียงแต่ว่า “ใครดีใครได้” ความหมายก็คือใครมี ส.ส.ในมือมากกว่า “ก็ได้ไป” ตามที่พูดนั่นแหละ!!


กำลังโหลดความคิดเห็น