xs
xsm
sm
md
lg

3ป.แตกแบงก์พัน แยกวง ไม่แยกทาง !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

เริ่มเห็นแนวทางชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้ว่าเขาจะเคยแย้มออกมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเผยความชัดเจนของอนาคตทางการเมืองของเขาหลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปก ดังนั้น ก็น่าจะทราบกันหลังจากวันที่ 19 พฤศจิกายน ไปแล้ว

อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้น คือ ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เผยช่วงเวลาที่จะประกาศถึงอนาคตทางการเมือง แต่ก็มีความเคลื่อนไหวบางอย่างที่เกี่ยวข้องกันออกมาให้เห็น เหมือนกับว่าเป็นการ “ส่งสัญญาณ” ออกมาให้เห็น ทั้งในส่วนของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีข่าวมานานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไปร่วมพรรค หรือพรรคที่สนับสนุนเขาเป็นนายกรัฐมนตรี

โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่เป็นช่วงการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น นายพีระพันธุ์ เดินเคียงคู่ลงมากับ พล.อ.ประยุทธ์ ท่ามกลางข่าวหนาหูว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตกลงไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และในวันนั้น นายพีระพันธุ์ ก็ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวค่อนข้างยาว แม้ว่าจะไม่มีความชัดเจนเต็มร้อย แต่ก็มีบางคำที่ทำให้ได้เห็นถึงแนวทางที่ทางพรรคเตรียมไว้รองรับ

นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงความชัดเจนของกระแสข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะมาร่วมงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า ยังไม่ทราบกับกระแสข่าวที่ออกมา ซึ่งนายกฯก็ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ คิดว่า สื่อคงตั้งข้อสังเกตกันไปเอง แต่ในข้อเท็จจริงตนยังไม่มีโอกาสพูดคุยถึงข่าวลือนี้กับนายกฯเลย แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนคงไม่ใช่คนที่จะเริ่มต้นถามนายกฯก่อน ซึ่งหลังจากการประชุมเอเปก เชื่อว่า คงมีความชัดเจนเหมือนที่นายกฯพูด

เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคจะเป็นคนพูดคุยกับนายกฯเองหรือไม่ ในการทาบทาม นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คงต้องรอหลังการประชุมเอเปก ตอนนี้นายกฯ คงเป็นห่วงเรื่องการประชุมเอเปกมากกว่า คงไม่ใช่เวลาที่ตนจะไปสอบถามนายกฯในเรื่องนี้

ถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ มา จำเป็นต้องเขียนใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคก่อนหรือไม่ หรือสามารถมาเพื่อมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้เลย นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า แล้วแต่ท่าน ยังไม่ได้คิด ยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ได้พูดคุยกันเลย การให้การสนับสนุนพรรคการเมือง ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรคเสมอไป อย่างตนก่อนเข้ามาสู่งานการเมือง ก็เคยสนับสนุนพรรคนั้นพรรคนี้ โดยที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคไหน เพราะฉะนั้นการสนับสนุนพรรคการเมือง ทำได้ 2 แบบ คือ เข้ามาเป็นผู้เล่นเอง หรือ เป็นสมาชิกพรรค อีกแบบหนึ่งคือสนับสนุนในเรื่องต่างๆ ซึ่งตรงนี้ตนยังไม่เคยคุยกับนายกฯ

เมื่อถามว่า แสดงว่า ถ้านายกฯตัดสินใจเข้ามา พรรครวมไทยสร้างชาติจะวางตำแหน่งใดที่เหมาะสมให้ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ถึงตอนนั้นค่อยคิดกัน ถ้านายกฯมาแล้ว หรือได้พูดคุยกับตนแล้ว ค่อยคิด

ฟังจากคำพูดข้างต้นของ นายพีระพันธุ์ พอจะจับสัญญาณได้เหมือนกันว่า โดยเฉพาะ “สถานะ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่น่าจะออกมาในแบบที่ไม่ต้องเป็นสมาชิกพรรค แต่ “รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ” ในนามพรรค ขณะที่ นายพีระพันธุ์ ก็เป็นแคนดิเดต “อันดับสอง” เป็นคนถัดไป ซึ่งลักษณะแบบนี้อาจเป็น “ทางออก” แบบบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น กับ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ล่าสุด ก็เผยท่าทีออกมาแล้วเช่นกัน ว่า พร้อมที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ

ขณะที่ท่าทีล่าสุดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อถูกถามว่า มีความชัดเจนเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร. ว่า จะยังเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ได้ประชุม ถามตนตั้งหลายทีแล้ว จะถามอะไรอีกล่ะ ถามทุกวันเลย

เมื่อถามอีกว่า มีข่าวว่า มีชื่อของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร.ด้วย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคยังไม่มีมติให้ใครเลย ตัวตนเองยังไม่มีชื่อเลย แล้วแต่พรรค เรามีกรรมการบริหารพรรค มีสมาชิกที่จะต้องดูแล พรรคนี้จะต้องเป็นพรรคใหญ่ต่อไป จะต้องเป็นพรรคที่เข้มแข็ง เมื่อถามว่าแล้วจะต้องเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้าด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็เราหวังอย่างนั้น เราตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อต้องการที่จะมาบริหาร มาทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ให้ประเทศมีความเจริญรุ่งเรือง

ถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็แล้วแต่สมาชิกพรรค เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้มีสมาชิกเหมือนจะหนุนให้หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับหนึ่งของพรรค พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อันนั้นไม่รู้

ถามว่า แบบนี้ต้องคุยให้ชัดเจนหรือไม่ว่าใครจะอยู่อันดับไหน ระหว่าง ลุงตู่ กับ ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ยังไม่ได้คุยกันเลย ความจริงลุงตู่ ก็ไม่ได้อยู่ในพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว เพราะครั้งที่แล้วเสนอให้มาเป็น เราสนับสนุนให้ลุงตู่มาเป็น”

ถามอีกว่า มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไปพรรคอื่น ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “อันนี้ต้องไปถามตัวท่านนายกฯประยุทธ์ดูนะครับว่าท่านจะไปหรือไม่ไป ของเราไม่มีปัญหา”

รายนี้ก็ถือว่าชัดเจนแล้วว่า “พร้อมจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ” เหมือนกัน แม้ว่ายังกั๊กว่าแล้วแต่สมาชิกพรรค ซึ่งความหมายก็คือ “ไม่ขัดข้อง” พร้อมที่จะเป็นนายกฯ และพร้อมที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง เมื่อปะติดปะต่อไล่เรียงกันมามันก็เข้าเค้า ในลักษณะที่ออกแบบไว้ก็คือ “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กป้อม” น่าจะแยกวง นั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะได้รับการสนับสนุนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ขณะที่อันดับสองก็เป็น นายพีระพันธุ์ โดยที่ไม่ต้องเป็นสมาชิกพรรค ขณะที่พรรคพลังประชารัฐก็มี พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับหนึ่ง

อย่างไรก็ดี พวกเขาในนาม “สาม ป.” ยังคง “ไม่แยกทาง” เป็นลักษณะของการ “แตกแบงก์พัน โดยลักษณะน่าจะแยกพื้นที่ เช่น รวมไทยฯ รุกภาคใต้ ภาคกลาง และกรุงเทพฯ รวมไปถึงภาคอีสานบางจังหวัด ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ เน้นในโซนจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมไปถึง โคราช และภาคอีสาน จากนั้นค่อยมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม หากพรรครวมไทยฯได้ ส.ส.เป็นกอบเป็นกำ ก็สนับสนุนให้ “บิ๊กตู่” เป็นต่อในวาระที่เหลืออีก 2 ปี ส่วนครึ่งหลังค่อยมาว่ากัน โดยสูตรนี้น่าจะเซฟ พล.อ.ประยุทธ์ มากที่สุด เพราะหากไม่เข้าเป้า เขาก็จะลงอย่างสง่างาม โดยวางมือ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น