เมืองไทย 360 องศา
อาจเรียกว่าคืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่งสำหรับอนาคตทางการเมืองของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่า จะเอาอย่างไร จะไปต่อหรือไม่ รวมไปถึงจะสังกัดพรรคการเมืองใดหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันจันทร์ที่ 7 พ.ย.ว่า “เรื่องการเมือง ตอนนี้ผมยังไม่มีความคิดเห็นอะไรทั้งสิ้น ก็เป็นเรื่องของสื่อของข่าวที่ออกมากันทั้งหมด เพราะฉะนั้นขณะนี้ผมขอให้ความสำคัญกับการประชุมของผมก่อน เป็นเรื่องของประเทศชาติ ผมให้ความสำคัญกับเรื่องตรงนี้มากกว่า ขอยังไม่พูดอะไร”
เมื่อถามย้ำว่า หลังการประชุมเอเปก จะให้คำตอบหรือไม่ว่าจะอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ พยักหน้ารับแทนคำตอบ ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที
ที่ต้องบอกว่าเป็นความคืบหน้าไปอีกขั้นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ ออกมาเลยว่าเขาจะวางอนาคตทางการเมืองของตัวเองอย่างไร ทุกอย่างที่ผ่านมามีแต่ความ “นิ่ง” ไม่มีการเผยท่าทีใดๆ ออกมาเลย แม้ว่าจะมีการคาดเดากันไปว่าทุกอย่างน่าจะชัดเจนหลังจากการประชุมเอเปกในกลางเดือนนี้ผ่านไปแล้ว แต่ล่าสุดเมื่อเขาบอกว่าจะเปิดเผยให้ทราบดังกล่าวก็ถือว่าเป็นความชัดเจนในระดับหนึ่งอย่างน้อยก็ไม่ต้องรอกันอีกต่อไป
เพราะการตัดสินใจของ “บิ๊กตู่” ย่อมมีผลกระทบกับหลายคนรอบข้าง ทั้งพวก ส.ส.นักการเมือง พรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ที่เคยเสนอชื่อเขาเป็นแคนดิเดตนายกฯ และยังสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีในทุกวันนี้ จะได้ทราบความชัดเจน ขณะเดียวกัน ยังมีอีกบางพรรคที่เคยตกเป็นข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะย้ายเข้าสังกัด หรือไม่ จะได้เคลียร์ให้ชัดเจน
ทั้งนี้ ความชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังมีผลต่อความชัดเจนของหลายคนดังกล่าวแล้ว เพราะมีผลต่อการตัดสินใจอนาคตทางการเมืองกับพวกเขาด้วย
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีความชัดเจนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับพรรคพลังประชารัฐ ว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับนายกฯ เพราะเป็นเรื่องการตัดสินใจของท่าน
เมื่อถามว่า มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า เป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไปถามเจ้าตัว เมื่อถามย้ำว่า ยังไม่ได้คุยกันอีกใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร บอกว่า ยังไม่ได้คุย รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังไม่ได้พูดคุยเช่นกัน เพราะยังไม่ได้เรียกประชุม ต้องไปนัดสมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรคประชุมก่อน
เมื่อถามว่า ความเป็นพี่น้องระหว่างกัน เหตุใดจึงไม่คุยกันให้ชัดเจนถึงแนวทางที่ดี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็มาเป็นผมสิ พร้อมกับยิ้ม
ถามต่อว่า ส.ส.ก็ต้องการความชัดเจน นานเกินไปหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เป็นไร การเมืองก็ว่ากันไป
เมื่อถามว่า ตัว พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่แยกทางเดินกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ผมไม่รู้ ก็อยู่ด้วยกันทุกวัน ไม่เป็นไร แต่ไม่พูดเรื่องนี้ เมื่อถามย้ำว่า 3 ป. จะไม่แยกจากกันใช่หรือไม่ พล,อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่แยกหรอก จะไปแยกได้อย่างไร สนิทกันมาตั้ง 40-50 ปี
เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนจะมีการแยกพรรคการเมือง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะแยกก็แยกไป ไม่เป็นไร เมื่อถามว่า เป็นไปได้ว่า จะแยกกันเดิน รวมกันตี ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ผมไม่รู้
เมื่อถามต่อว่า สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ออกมาพูดเองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ขายต่อไม่ได้แล้ว คะแนนนิยมไม่ดีแล้ว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของลูกพรรคเป็นความเห็นส่วนบุคคลไม่ใช่นโยบายพรรค
เมื่อถามว่า การออกมาแสดงความเห็นแบบนี้จำเป็นปรามลูกพรรค หรือไม่ เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะต้องไปปรามทำไม เป็นความเห็นของใครของมัน และไม่จำเป็นต้องเตือนให้ระวัง เพราะเป็นเรื่องของความคิดเห็นส่วนตัว แต่ละคนก็มีความคิดเห็นของตัวเอง จะให้ไปนั่งตามทุกคนก็ไม่ได้ แต่เวลาไปประชุมพรรคทุกคนก็ต้องลงคะแนนก็เท่านั้น ให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่พรรคพลังประชารัฐ จะขน ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ ตามไปด้วย หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไปเลยจะไปไหนก็ไป ไม่ว่าอะไร ใครอยากจะไปไหนก็ไป เป็นเรื่องของส่วนบุคคล
เมื่อถามว่า ถ้า พลเอก ประยุทธ์ ไป ไม่ห้ามใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบทันทีว่า ไม่ห้าม ไม่ห้ามใครทั้งนั้น
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีข่าวลือว่าพรรคพลังประชารัฐจะจับมือร่วมกันกับพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ไม่มี ไม่มี ถามว่า หลังเลือกตั้งค่อยมาคุยกัน ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่าไว้หลังเลือกตั้ง และเมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ไม่เคยคุยกัน
ขณะเดียวกัน เมื่อฟังจากคำพูดล่าสุดของ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะยังไม่ได้ความชัดเจนอะไรมากนักเกี่ยวกับการอยู่หรือไปของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงแต่ว่า เมื่อพิจารณาจากคำพูดของเขามันก็เหมือนกับการ “แย้ม” บางอย่างออกมาให้เห็นเหมือนกัน เช่น คำว่า “ไม่ห้าม” หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไปสังกัดพรรคอื่น (รวมไทยสร้างชาติ) หรือเมื่อถามว่าจะจับมือร่วมกับพรรคเพื่อไทย คำตอบคือ “ค่อยคุยกันหลังเลือกตั้ง” ซึ่งคำตอบอย่างหลังแม้จะไม่ชัด แต่ก็เป็นการแสดงท่าทีเปิดทาง ไม่ล็อกประตูตายทีเดียว และหากออกรูปนี้นั่นก็หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องย้ายพรรค เนื่องจากเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทย คือ “ไม่เอาบิ๊กตู่”
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันเฉพาะตัวสำหรับ “บิ๊กตู่” ก็ต้องบอกว่ามีข้อจำกัด นั่นคือ ยังมีวาระนายกฯ เหลืออยู่อีก 2 ปี ตามคำวินิจฉัยของศาล รธน. เกี่ยวกับวาระนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 8 ปี ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการไปต่อ ก็ต้องลุ้นในวาระที่เหลือ ทำให้ต้องมาพิจารณากันถึง “เคมเปญ” ในการหาเสียงที่ต้องใช้ลักษณะ “พิเศษ” ที่อาจออกมาในลักษณะ “คนละครึ่ง” แล้วคำถามต่อมาก็คือ จะ “คนละครึ่งกับใคร” รวมไปถึงยุทธวิธี “แยกกันเดินแล้วรวมกันตี”ในภายหลังจะดีหรือไม่
แม้ว่านาทีนี้ยังไม่รู้ว่า ในที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลือกแนวทางเดินแบบไหน จะยังอยู่พรรคพลังประชารัฐ โดยรับการเสนอชื่อจากพรรค พร้อมกับ พล.อ.ประวิตร ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็ให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย หรือไม่ก็หักมุม “ไม่ไปต่อ” ขอทำหน้าที่ในเวลาที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุดแล้วกลับบ้าน กว่าแปดปีในตำแหน่งนายกฯ ถือว่าสง่างามสร้างผลงานให้จดจำได้ไม่น้อย ก็โอเค
แต่หากให้ฟันธงได้เลย ก็คือ หลังการประชุมเอเปก นอกเหนือจากความชัดเจนทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว ยังมั่นใจว่าต้องมีการ “ยุบสภา” เกิดขึ้นแน่นอน ส่วนจะเป็นเดือนไหนนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เอาเป็นว่ายุบแน่ก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปีหน้า เพื่อปลดล็อก “ปล่อยผี” ส.ส.ย้ายพรรคไม่น้อยกว่า 30 วัน !’’