xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงตู่” ก้างชิ้นโต เพื่อไทยโหมเสี้ยม 2ป. !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา-นพ.ชลน่าน  ศรีแก้ว
เมืองไทย 360 องศา


เป็นเวลานานกว่าสองสามสัปดาห์แล้วที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เอาแต่ “นิ่ง” ไม่ยอมตอบคำถามในเรื่องการเมือง ไม่ว่าจะพยายามเค้นถามกันอย่างไร ก็ไม่มีคำตอบ ซึ่งอาการแบบนี้มันก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามคาดเดาไม่ถูก ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่


แม้ว่าหลายฝ่ายจะคาดการณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะมีท่าทีชัดเจนหลังการประชุมเอเปก ในกลางเดือนหน้า เพราะถือว่าไม่ว่าพิจารณาจากช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง ที่ต้องบอกว่าน่าจะตัดสินใจกันได้แล้ว แม้อาจจะมีความกระชั้นชิดไปบ้าง แต่โดยรวมสำหรับเขาแล้ว ถือว่าโอเค

ขณะเดียวกัน ด้วยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ยังเหลืออีกแค่ 2 ปี ทำให้ต้องมีรายละเอียดเพิ่มเติม เป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจ รวมไปถึงจะไปต่ออย่างไรอีกด้วย

อย่างไรก็ดี การนิ่งเงียบของ พล.อ.ประยุทธ์ อีกทางหนึ่งอาจต้องการ “วัดใจ” ภายในพรรคพลังประชารัฐด้วยว่า ถ้าขาดเขาแล้วจะไปรอดหรือไม่ รวมไปถึงยังเป็นการส่งสัญญาณโดยอ้อมไปถึง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคมีเจตนา “บินเดี่ยว” ตามแรงยุของคนรอบข้าง หรือไม่

ความหมายก็คือ หากไม่มี “ลุงตู่” แล้วจะขาย “ลุงป้อม” ในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้หรือไม่ นี่อาจเป็นการหยั่งเชิงวัดใจในเบื้องต้นก่อน หรือไม่

แม้ว่า ที่ผ่านมา หากสังเกตปฏิกิริยาภายในพรรคพลังประชารัฐ ยังพอเห็นแนวทางออกมาสองสามทาง ไม่ว่าจะเป็นนำเสนอ “นายกฯ คนละครึ่ง” หรือ ชู “ลุงตู่-ลุงป้อม” แต่หนุน “ลุงป้อม” เป็นนายกฯ อะไรประมาณนี้ แต่ความหมายก็คือ ยังเป็น “แท็กทีม” แบบ “แพ็กคู่” แล้วแต่ว่ามาจาก ลูกหาบของฝ่ายไหน ซึ่งระดับ “ขาใหญ่” ยังไม่มีท่าทีใดๆ ออกมา

แต่ล่าสุด กลับได้เห็นท่าทีแปลกๆ บางอย่างออกมาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม กลับมาพูดแบะท่าพร้อมร่วมรัฐบาลกับหลายพรรค โดยเฉพาะกับพรรคพลังประชารัฐ แต่มีเงื่อนไขว่า “ไม่เอาลุงตู่” หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งพรรคอื่น ไม่ว่าจะเป็น ภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และคนที่พูดก็เป็นระดับแกนนำพรรค เช่น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค และประธานวิปฝ่ายค้าน

“ยังเร็วเกินไปที่จะตอบว่าจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ ถ้าเกิดมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ไม่ได้ปฏิเสธการตอบรับ แต่ยังเร็วเกินไป เราอยากให้ดูข้อเท็จจริงจากการตัดสินของประชาชน ว่าประชาชนมอบหมายให้พรรคการเมืองใดเป็นรัฐบาล” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กล่าว

ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงท่าที ไม่ปิดกั้นการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ หากมีจุดยืนไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า การจัดตั้งรัฐบาลจะวางแผนล่วงหน้าไม่ได้ แต่ฝ่ายประชาธิปไตย ก็อยากตั้งรัฐบาลกับฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่อยากตั้งกับฝ่ายอื่น ต้องรอดูสถานการณ์จริงๆ หลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร การรวมเสียงเฉพาะฝ่ายประชาธิปไตยจัดตั้งรัฐบาลจะพอหรือไม่ ถ้าเสียงไม่พอจริงๆ ต้องหาจากอีกฝั่งมาสมทบ ต้องดูพรรคที่เป็นไปได้มากที่สุด และดูนโยบายพรรค ประกอบด้วยว่าใกล้เคียงกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ว่า จะเป็นพรรคพลังประชารัฐหรือไม่

ถามว่า เงื่อนไขการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ จะต้องสนับสนุน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพียงคนเดียว ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ใช่หรือไม่ นายสุทิน ตอบว่า พร้อมทำงานกับทุกพรรคที่มีจุดยืนใกล้เคียงกัน ถ้าจำเป็นจริงๆ ไม่มีทางเลือก พร้อมจับมือกับฝ่ายรัฐบาลทุกพรรค เป็นไปได้ทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ต้องดูสถานการณ์ข้างหน้า ประกอบด้วย ถ้าจะเอาฝ่ายรัฐบาลมารวมด้วย ก็ต้องดูพรรคที่จะมาร่วมทำงานด้วย ต้องมีขนาดพอมีความเหมาะสม ถ้ารวมกันแล้วมีเสียงมากเกินไป คงไม่เอา ต้องมีเสียงมั่นคงในปริมาณที่พอเหมาะ อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นว่าเสียงฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันรวมกันแล้วยังเพียงพอตั้งรัฐบาลได้

เมื่อถามว่า กังวลเรื่องการเสียมวลชนหรือไม่ หากต้องจับมือกับพรรคพลังประชารัฐตั้งรัฐบาล นายสุทิน ตอบว่า ต้องคำนึงถึงความรู้สึกมวลชนด้วย แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ต้องอธิบายให้มวลชนเข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็น ให้เข้าใจถึงสิ่งที่ต้องทำ แต่ถ้าไม่มีความจำเป็นแล้วไปตั้งรัฐบาลกับฝ่ายอื่น มวลชนจะเสียความรู้สึกแน่

คำพูดของ นายสุทิน ถือว่าชัดเจนเข้าไปอีก ว่าแบะท่าพร้อมร่วมรัฐบาลกับทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งหากพิจารณาจากท่าทีแบบนี้ มันก็พอจะวิเคราะห์ได้หลายทาง แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นถึงความ “เปลี่ยนแปลง” อย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะความเชื่อมั่นเรื่อง “แลนด์สไลด์” ลดลงไปมากแล้ว เนื่องจากสถานการณ์ความเป็นจริงกับความคาดหวังมันต่างกันอย่างลิบลับ รวมไปถึงการนำเสนอ “แคนดิเดตนายกฯ” ยังไม่ปังอย่างที่คาดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของนายทักษิณ ชินวัตร หรือล่าสุดมีข่าวจะดัน นายเศรษฐา ทวีศิลป์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขึ้นมามวลชนก็ยังเฉยๆ ดังนั้น เมื่อทำท่าจะผิดเป้าหมาย มันก็ต้องหาทาง “แตะมือ” เอาไว้แต่เนิ่นๆ กันพลาด จากเดิมที่มาแบบทรนงฝันตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

อย่างไรก็ดี การเสนอแนวทางใหม่ โดยแบะท่าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐแบบมีเงื่อนไข “ไม่เอาลุงตู่ แต่เอาลุงป้อม” มันก็มองได้ว่านี่คือ “แผนเสี้ยม” ให้ “สอง ป.” แตกกันหรือเปล่า เพราะหากพิจารณากันตามความเป็นจริงในทางการเมืองแล้ว เวลานี้ และต่อเนื่องไปถึงอนาคตอันใกล้ สำหรับ “ลุงตู่” หรือ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังถือว่าเป็น “กระดูกชิ้นโต” มีเพาเวอร์มากที่สุดสำหรับการต่อกรกับพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเครือข่ายเดียวกัน ดังนั้น ต้องหาทางสกัดกั้นให้ได้ โดยเฉพาะต้องทำให้ทั้งคู่แตกคอกันเสียก่อน

แต่ล่าสุด ก็ยังทำท่าจะไม่ได้ผล เนื่องจากทั้ง “สอง ป.” ยังนิ่ง ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา งานนี้ถึงได้บอกว่ามัน “ไม่หมู” เพราะต่างฝ่ายต่างทันเกมแบบ “เขี้ยวชนเขี้ยว” อะไรประมาณนั้น !!



กำลังโหลดความคิดเห็น