xs
xsm
sm
md
lg

สกัดไม่อยู่ “บ้านใหญ่” พท.ไหลออกไม่หยุด!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน  ชาญวีรกูล  - ไพจิต ศรีวรขาน
เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่า ล่าสุด นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย จะออกมายืนยันว่า ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งอธิบายว่า การไปร่วมต้อนรับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระหว่างที่ไปสักการะพระธาตุพนม เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม

มีรายงานว่า ภายหลังที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้เดินทางไปร่วมแสดงความยินดีกับ นายภาคิน คำวิลัยศักดิ์ หรือ โตโน่ นักร้องและนักแสดงชื่อดัง ที่ทำกิจกรรมว่ายน้ำโขง ระดมเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนมประเทศไทย และ โรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว ภายใต้ชื่อกิจกรรม One man and the river “หนึ่งคนว่าย หลายคนให้” เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม
ในช่วงสายวันที่ 23 ตุลาคม นายอนุทิน พร้อมด้วย นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาคนที่ 2 และ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางไปกราบสักการะพระธาตุพนม จ.นครพนม โดยมี นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม หลายสมัย พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า นายไพจิต อาจมีแนวโน้มมาร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากขณะนี้ได้ส่ง นายชูกัน กุลวงษา รองนายก อบจ.นครพนม และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับนายไพจิต ลงสมัคร ส.ส.นครพนม เขต 4 กับพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น หากย้อนกลับไปพิจารณาจากคำพูดของ นายไพจิต ศรีวรขาน ที่กล่าวทำนองว่า “วันนี้ยังอยู่พรรคเพื่อไทย” ถือว่าเป็นคำตอบ “แบบนักการเมือง” เป็นการพูดแบบป้องกันปัญหาตามมาในทางกฎหมาย เนื่องจากยังอยู่ในช่วงคาบลูกคาบดอก 180 วันอันตราย หรือจะด้วยเหตุผลส่วนตัวอะไรก็แล้วแต่ ขอเซฟตัวเองไว้ก่อน
แต่หากพิจารณาจากปัจจัยรอบตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของคนใกล้ชิด ที่ตามรายงานยืนยันแล้วว่า ได้มีการเปิดตัวลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคภูมิใจไทย เขต 4 ไปเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงก่อนหน้านี้ก็เคยมีข่าวมาตลอดว่า นายไพจิต จะย้ายพรรค โดยในครั้งนั้นมีการคาดหมายว่า จะย้ายไปสังกัดพรรคไทยสร้างไทย ของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เนื่องจากมีความสนิทสนมกัน และอยู่ในสายเดียวกัน แต่ก็เงียบหายไป จนกระทั่งมาโผล่ร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ทำให้มองเห็นแนวโน้มได้อย่างชัดเจน

สำหรับ นายไพจิต ศรีวรขาน ถือว่าเป็น “บิ๊กเนม” ในภาคอีสานทีเดียว โดยเฉพาะในจังหวัดนครพนม ที่ผูกขาด ส.ส.ในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เป็นระดับ “บ้านใหญ่” ในทางการเมืองระดับจังหวัด แต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีเลยสักครั้ง และยังมีข่าวว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า อาจถูกผลักดันขึ้นเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อีกด้วย รวมไปถึงระดับความสำคัญกับแกนนำในพรรคเพื่อไทย ที่ระยะหลังดูเหมือนไม่ราบรื่นเหมือนเดิม โดยเฉพาะหากพูดกันในภาษานักกีฬาอาจเรียกว่า “ไม่อยู่ในแผนการทำทีม” ก็ได้
หากกรณีที่จังหวัดนครพนมเป็นจริง มันก็คล้ายกับที่จังหวัดศรีสะเกษ ที่ครอบครัว “แซ่จึง” ยกขบวนมาทั้งจังหวัด ย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย ด้วยคำสัญญามีความหวังมีตัวแทนเป็น “รัฐมนตรี” สักครั้งในชีวิต รวมไปถึงที่จังหวัดขอนแก่น ที่ล่าสุดครอบครัว “ช่างเหลา” ยกทีมกันไปแล้ว เช่นกัน แม้ว่ารายหลังจะแยกจากทีมของ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พรรคเศรษฐกิจไทย ไปภูมิใจไทยก็ตาม แต่ต้องการสะท้อนให้เห็นว่า “พลังดูด” พร้อมด้วยเงื่อนไขจูงใจ ทำให้ยากที่จะปฏิเสธ
และแน่นอนว่า หากเชื่อมโยงไปถึงยุทธศาสตร์เดิม คือ “แลนด์สไลด์” ของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการกวาด ส.ส.ในภาคอีสานมาให้มากที่สุดเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายดังกล่าวให้ได้ ก็ต้องได้ชัยชนะถล่มทลายในพื้นที่แห่งนี้เสียก่อน เพราะถือว่าเป็นจุดชี้ขาด สำหรับพวกเขาด้วย แต่อย่างที่รู้กันสำหรับคอการเมือง ก็คือ การเติบโตของพรรคภูมิใจไทยมากขึ้นเท่าใด มันก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทย เช่นเดียวกัน ความหมายคือ อีกฝ่ายโต มันก็ส่งผลให้อีกฝ่ายลดจำนวนลง
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของบรรดา “บ้านใหญ่” หลายจังหวัดต่างตบเท้าย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทย อย่างน้อยก็ได้เห็นภายในงานวันเกิดของนายเนวิน ชิดชอบ อดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคที่เรียกว่า “ครูใหญ่” ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อไม่กี่วันก่อน ก็เห็นได้ชัดกันอยู่แล้ว และยิ่งมีการประกาศเป้าหมาย 120 ที่นั่ง มันก็ยิ่งสะเทือนเข้าไปใหญ่ เพราะในจำนวนดังกล่าวย่อมหมายถึงต้องรวมเอา ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานเข้าไปด้วย ซึ่งในความเป็นจริงก็คือ เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ทับซ้อนกันอยู่แล้ว
แม้ว่านาทีนี้ไม่ว่าผลสำรวจจะออกมากี่สำนักล้วนตรงกันว่า พรรคเพื่อไทย จะชนะการเลือกตั้ง แต่ก็เชื่อว่าคงไม่ชนะถล่มทลายเหมือนกับในยุคพรรคไทยรักไทย เมื่อหลายปีก่อน ด้วยเงื่อนไขที่ต่างกัน คู่แข่งที่ต่างกัน ประกอบการที่ห่างหายไปจากอำนาจรัฐนานเกือบยี่สิบปี บารมีของครอบครัวชินวัตร ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จัก แถมมวลชนก็แยกย้าย ฐานเสียงกระจาย บางส่วนก็ไปหนุนพรรคก้าวไกล เหมือนกับเวลานี้ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาวคนเล็ก ที่เป็นทายาทการเมือง มีการเปิดตัวมาพักใหญ่ กระแสก็ไม่ได้ปังอย่างที่คาด
ดังนั้น หากพิจารณาจากอาการเท่าที่สังเกต เท่าที่เห็นเวลานี้ ที่บรรดา “บ้านใหญ่” ที่เคยอยู่ร่วมชายคาเพื่อไทยมานาน โดยเฉพาะเคยอยู่กันมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย เป็น ส.ส.ผูกขาดในหลายจังหวัดแห่ตบเท้าย้ายคอก มันก็เป็นสัญญาณอันตราย เพราะเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาก็จะมีการ “ไหลออก” ตามมาเรื่อยๆ หากสกัดหรือเอาไม่อยู่มันก็ยิ่งส่งผลสะเทือนต่อเป้าหมายหลักในวันข้างหน้าแน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น