xs
xsm
sm
md
lg

ภท.ตีท้ายครัวอีสาน โทนี่เดือดปุด !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

หากจะให้กล่าวย้ำอีกทีเพื่อให้เห็นภาพก็ต้องบอกว่า “มัวแต่ไล่ลุงๆ จนเพลิน มารู้ตัวอีกที ที่ไหนได้โดนแอบตีท้ายครัวเกือบเรียบวุธ” ไปแล้ว เป็นคำเปรียบเปรยที่ใช้ได้ดีกับพรรคเพื่อไทย และเครือข่าย “ครอบครัวเพื่อไทย” ของ “พี่โทนี่ วู้ดซั่ม” นายทักษิณ ชินวัตร เป็นที่สุด

เพราะที่ผ่านมามัวแต่มุ่งสกัดกั้น โหมโจมตีบรรดา “ลุง” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กันจนเพลิน พอมารู้ตัวอีกทีก็ต้องตบอกผาง เมื่อโดน “ตาอยู่” อย่างพรรคภูมิใจไทย กวาดไปกินเรียบ

เพื่อให้เห็นภาพจำก็ต้องย้อนกลับไปพิจารณางานฉลองวันเกิดของ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคภูมิใจไทยครบรอบ 64 ปี เมื่อสองสามวันก่อน ที่ได้เห็นภาพนักการเมือง ทั้ง ส.ส.และอดีต ส.ส.กลุ่มทุนที่ตบเท้าเข้าไปอวยพรเขา ซึ่งนอกเหนือจากบรรดาสมาชิกพรรคภูมิใจไทยแล้ว ที่ต้องจับตาก็คือ มี ส.ส.ต่างพรรคหลายสิบคน ที่แห่มาร่วมอวยพร ซึ่งแม้ว่าจะมาจากหลากหลายพรรคทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่นาทีนี้ต้องโฟกัสไปที่ ส.ส.ในภาคอีสาน และโดยเฉพาะ ส.ส.ที่มาจากพรรคเพื่อไทย เพราะถือว่ามีนัยทางการเมือง ที่จะส่งผลต่อยุทธศาสตร์การเลือกตั้งคราวหน้าอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมี ส.ส.ต่างพรรคทั้งในซีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน นอกจาก ส.ส.เพื่อไทย 7 คน รวมถึง ส.ส.พรรคก้าวไกล จำนวน 5 คน ที่เคยแสดงตัวแล้ว

ล่าสุดที่ปรากฏตัวภายในงาน เช่น นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ นายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัยส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเศรษฐกิจไทย นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเศรษฐกิจไทย เป็นต้น

นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่า ยังมี ส.ส.มาอวยพรนายเนวินเป็นการส่วนตัวและไม่ได้มาปรากฏตัวในพิธีปะกำช้าง ซึ่ง ส.ส.กลุ่มนี้ เพิ่งมีการพูดคุยล่าสุดให้มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย เช่น นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม พรรคพลังประชารัฐ นายประทวน สุทธิอำนวยเดช ส.ส.ลพบุรี พรรคพลังประชารัฐ นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ นายสมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ นางนันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาภิวัฒน์ นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคชาติพัฒนา เป็นต้น

แน่นอนว่า จากรายชื่อ ส.ส.ที่มาร่วมงานซึ่งไม่ต้องเน้นย้ำกันมาก เพราะรับรู้กันอยู่แล้วว่าคนพวกนี้ “ย้ายพรรคแน่” เพียงแต่ว่ายังติดเงื่อนไขทางกฎหมายบางอย่างเท่านั้น และแม้ว่าภายในงานดังกล่าวจะมี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐมาร่วมหลายคน รวมไปถึงพรรคเศรษฐกิจใหม่ (พลังประชารัฐเดิม) ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้ามาหลายคนก็ตาม แต่ในภาพรวมอยากให้โฟกัส มุ่งเน้นไปที่พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานเป็นหลัก

เพราะหากสังเกตจะเห็นว่า ส.ส.ที่ตบเท้ามาในงานเลี้ยงวันเกิด “ขาใหญ่” ของพรรคภูมิใจไทยเที่ยวนี้ ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ในภาคอีสาน แม้จะต่างพรรคกันก็ตาม เมื่อต่างไหลมารวมกันที่พรรคภูมิใจไทย แน่นอนว่ามันก็ย่อมส่งผลกระทบต่อยุทธศาสตร์ “แลนด์สไลด์” ของ “พี่โทนี่” และพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศเน้นย้ำเอาไว้ในทุกเวทีที่ไปเดินสายก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากเป้าหมาย ส.ส.จากการเลือกตั้งคราวหน้าที่ทั้ง นายเนวิน ชิดชอบ และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยมาเน้นย้ำว่า “ของจริง” ไม่ได้พูดเล่นๆ มันก็ย่อมสร้างความสั่นสะเทือนในใจให้ฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นความคาดหวังของพรรคในการเลือกตั้งรอบหน้า ที่จะต้องได้ ส.ส.มาอย่างน้อย 120 เสียง ว่า เป็นพรจากผู้ใหญ่ และเป็นเป้าหมายของพรรค ท่านพูด ก็แปลว่าพรรคภูมิใจไทยมีศักยภาพที่จะทำได้ เรื่องแบบนี้เราไม่ล้อเล่น มันต้องพยายามเต็มที่ จะผ่อนเครื่องไม่ได้

ส่วนจะมาจากไหน ก็ต้องมาจากการทำงานหนักของพรรคภูมิใจไทย ที่หมายถึง ส.ส.ของพรรค และสมาชิกพรรคทุกคนต้องลงพื้นที่ เข้าชาร์จปัญหาเลย

การทำนโยบาย อย่าไปมองว่าต้องทำเฉพาะที่หาเสียงไว้ แต่อะไรที่เป็นประโยชน์ก็ต้องทำด้วย ยกตัวอย่างเรื่องฟอกไตฟรี นี่ไม่เคยเป็นนโยบายของพรรค แต่ด้วยความเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พบว่าผู้ป่วยฟอกไต จ่ายครั้งละ 1.5 พันบาท อาทิตย์หนึ่งฟอก 2 ครั้ง จ่าย 3 พันบาท ไหนจะค่าเดินทางอีก ภาระของประชาชนก็ต้องหาทางช่วย ประเทศไทยมีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ต้องทำให้ได้แบบนั้นจริงๆ มีความสามารถจะช่วยได้ ก็ต้องหาทาง ตอนนี้ทำสำเร็จ
แล้ว

ถามว่า แต่การมาเป็นนายกฯ คือตำแหน่งที่ “ทุกขลาภ” นายอนุทินกล่าวว่า มาทำงานการเมืองมีเรื่องให้เจ็บตัวอยู่แล้ว ส่วนตัวมีพร้อมแล้ว ทั้งการศึกษา และประสบการณ์ ก็อยากนำมาช่วยบ้านช่วยเมือง แน่นอนว่าเข้ามาตรงนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่เข้าใจได้ เพราะงานของเรามันเกี่ยวพันกับคนทั้งประเทศ เสียงสะท้อนเข้ามาจึงมากมายหลากหลาย สิ่งที่เป็นประโยชน์ ตนพร้อมรับฟังและปรับใช้ เพื่อพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้น

ส่วนเรื่องความกังวลที่มี ส.ส.เตรียมย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทยจำนวนมาก ซึ่งอาจสร้างความไม่พอใจให้พรรคการเมืองอื่น นายอนุทินตอบว่า “การย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติ ผมก็เคยย้ายพรรค ก่อนจะมาอยู่ไทยรักไทย ก็อยู่พรรคชาติพัฒนามาก่อน แล้วก็ย้ายจากไทยรักไทยมาอยู่ภูมิใจไทย เรื่องนี้มันธรรมดามาก

มันอยู่ที่ว่าย้ายมาแล้วทำงานได้หรือเปล่า ซึ่งผมอยู่ตรงนี้ ผมทำงานได้เต็มที่” นั่นเป็นคำยืนยันจากปากของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่า 120 เสียงไม่ได้มาเล่นๆ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากยอดจำนวน ส.ส.ที่เชื่อว่าส่วนใหญ่ต้องมาจากพื้นที่ในภาคอีสาน เพราะที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยก็มีการรุกคืบกินแดนเข้ามาเรื่อยๆ ประกอบกับการบริหารงานในกระทรวงเกรดเอ สามารถสร้างผลงานและนำไปหาเสียงต่อยอดได้อย่างดี

ขณะเดียวกัน ที่ต้องเน้นย้ำกันก็คือ หากพิจารณาจากจำนวนเป้าหมายของพรรคภูมิใจไทย และเมื่อพิจารณาจาก “พลังดูด” มีบรรดา ส.ส.บ้านเล็ก “บ้านใหญ่” แห่ตบเท้าเข้าไปมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นระดับ “ดาวฤกษ์” ในหลายจังหวัดภาคอีสาน มันก็ย่อมส่งผลกระทบต่อยุทธศาตร์ของพรรคเพื่อไทย โดยที่ไม่ต้องอธิบายกันให้มากความ เพราะรับรู้กันอยู่แล้ว เพราะยิ่งภูมิใจไทยได้ ส.ส.มากเท่าไหร่ มันก็จะส่งผลกระทบไปที่ครอบครัวเพื่อไทยทันที

ประกอบกับ “แบ็กกราวนด์” ที่สองพรรคนี้มีแนวทางเดิน “เป็นเส้นขนาน” ที่บรรจบกันยาก จากความแค้นที่ฝังใจกันมาจนเป็นที่มาของวลีที่ว่า “มันจบแล้วครับนาย” แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าการเมืองไม่มีศัตรูถาวร แต่กรณีที่ว่านี้มันฝังใจ ลืมยาก เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เคยหลุดปากตอบโต้ นายทักษิณ ชินวัตร ทำนองว่า “ไม่อยากไปร่วมด้วย” มันก็พอเห็นแนวโน้มได้ดี

ดังนั้น หากให้สรุปนาทีนี้เหมือนกับว่า ขณะที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทย และ “ครอบครัวพี่โทนี่” มัวแต่ “ไล่ลุง” กันเพลิน กลายเป็นว่ารู้ตัวอีกทีถูกพรรคภูมิใจไทยดอดตีท้ายครัวกวาดไปเกือบเรียบแล้ว และที่สำคัญยังกวาดของมีค่าไปเพียบ เมื่อเป็นแบบนี้ จะไม่ให้กระอักเลือดได้อย่างไร!!


กำลังโหลดความคิดเห็น