xs
xsm
sm
md
lg

ปักธง "ภูมิใจไทย"120 ส.ส.ส่ง "อนุทิน" นายกรัฐมนตรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กับตัวเลข 120 ส.ส. ซึ่งเป็นเป้าหมายของพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตามคำประกาศของนายเนวิน ชิดชอบ “ครูใหญ่” ของพรรค ผู้มากบารมีจังหวัดบุรีรัมย์ ตัวเลขนี้ มีนัยยะทางการเมืองที่สำคัญ เพราะหากพรรคภูมิใจไทย ทำได้จริง จะขึ้นมาผงาดเป็นขั้วการเมืองใหม่ได้ทันที และไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่ยังสามารถทำให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแบบเต็มตัว

อันที่จริงพรรคภูมิใจไทย วางเกม จะเป็น “ขั้วหลัก” ทางการเมืองมาสักพักแล้ว เพราะอย่างที่รู้ว่า เมื่อถึงคราวเลือกตั้ง มันก็ต้องสู้กันสุดตัว

22 กันยายน 2565

“เราอยากเป็นต้นขั้วการเมืองอันนี้คือเป้าหมายเรา แต่มันต้องดูด้วยว่าถึงเวลาแล้ว เราจะได้รับความไว้วางใจขนาดไหน การเป็นต้นขั้วการเมือง เป็นพรรคหลักของขั้วการเมือง ถ้าเป็นรัฐบาล ก็สามารถผลักดันนโยบายได้มากขึ้นไปอีก แรงผลักดันมันสูงกว่า หรือถ้าเป็นฝ่ายค้าน การตรวจสอบก็มีความเข้มข้นขึ้น การทำงานเพื่อประชาชน มันจะมาผ่อนเครื่องกันไม่ได้ เหมือนกับเวลาลงพื้นที่หาเสียง เราก็ลุยเต็มสูบ”

นายอนุทิน เปิดเผยความรู้สึกในใจ ส่วนสำคัญ มาจากการที่ พ.ร.บ. กัญชา ถูกเตะตัดสกัดขา จึงเกิดความกระจ่างชัดว่า ถึงเวลาหนึ่ง ในการผลักดันนโยบาย การยืนด้วยขาของตัวเองนั้น “ดีที่สุด” เพราะแม้จะได้เข้าร่วมรัฐบาล แต่เอาเข้าจริง ก็กลับหวังพึ่งกันไม่ได้

กับการเป็นนายกฯ รัฐมนตรี นายอนุทิน มักพูดเสมอว่า “พร้อมจะเป็น ถ้าประชาชนวางใจ”

ทว่า การสื่อสารในครานั้น หลายฝ่ายตีความไปว่านายอนุทิน ไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้มากนัก น่าจะเป็นการสื่อสารเพื่อประกาศความพร้อมของพรรคเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง และเป็นการสื่อสาร เพื่อเรียกกระแสมากกว่า จนกระทั่ง เกิดการสื่อสารเมื่อวันที่ 22 กันยายนนี่เอง ที่ทุกฝ่ายชัดเจนแล้วว่า “นายอนุทิน” และ “พรรคภูมิใจไทย” เอาจริง

ยิ่งเมื่อมาบวกกับการสื่อสารของนายเนวิน ชิดชอบ ในวันเกิด4 ตค.ที่ผ่านมา

“ก็หวังว่าครูใหญ่จะมีโอกาสมีลูกศิษย์สักคนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี” ซึ่งหลังจากนั้น บรรดา ส.ส. และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ต่างจับมือนายอนุทิน ชูขึ้นฟ้า พร้อมเสียงเฮ

นายเนวิน กล่าวด้วยว่า

“ถ้าการรณรงค์เลือกตั้งครั้งหน้า ไม่สู้ให้อนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะลาออกจากครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย”

ยิ่งชัดเจนไปในระดับสูงว่าพรรคภูมิใจไทย และนายอนุทิน “ไม่ได้มาเล่นๆ”

กับตัวนายอนุทิน นักวิเคราะห์มองว่า เขามีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีสายพลเรือนแน่นอน เพราะได้ชื่อว่าสามารถประสานความร่วมมือได้ทั้ง 2 ฝ่ายความขัดแย้ง กล่าวคือ มีความโอนอ่อนผ่อนตาม และไม่สุดโต่งจนเกินไป เคารพทั้งพลเอกประยุทธ์ และนายทักษิณ ในฐานะของนายใหม่ และนายเก่า แต่ก็มีความเข้มแข็งอยู่ในตัว

โดยเฉพาะในกรณีที่ถูกกระทำก่อน นายอนุทิน ก็สู้กลับแบบไม่ถอยเช่นกัน อาทิ วิวาทีเรื่องท้าพนันวัคซีน 100 ล้านโดสขี้หมากองเดียว ที่เล่นเอานายทักษิณถึงกับไปไม่เป็น แต่ก็ต้องเข้าใจว่า เหตุการณ์นั้น นายอนุทิน ไม่ได้ก้าวร้าว เพียงแต่ต้องปกป้องทีมทำงานของตัวเอง นักการเมืองด้วยกันรู้ว่า นายอนุทินนั้น “ใจนักเลง” ไม่เป็นรองใคร นอกจากนั้น ยังมี “บารมี” ที่ทุกฝ่ายยอมรับ กว้างไกลไปถึงภาคเอกชนด้วย นอกจากนั้น ยังมีความคิดแบบนักบริหารมืออาชีพ เพราะเคยดูแลงานเอกชนมาก่อน และยังมีผลงานชูโรง เรื่องการดูแลสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จนทั่วโลกให้การยกย่อง

อย่างไรก็ตาม การที่นายอนุทิน จะขึ้นเป็นนายกฯได้นั้น พรรคภูมิใจไทย ต้องทำแต้ม ส.ส.ในการเลือกตั้งรอบหน้าให้แตะระดับ 120 ขึ้นไป เพื่อให้เป็นพรรคเบอร์ 1 เสียเอง หรือเป็นพรรคเบอร์ 2 ที่มีเสียงใกล้เคียงกับพรรคเบอร์ 1 ในระดับไม่เกิน 30-40 เสียง จึงจะพอมีโอกาสในการเดินหน้ารวมเสียงสู้

สำหรับพรรคภูมิใจไทยแล้ว เป็นพรรคที่เน้นเรื่องตัว ส.ส.เป็นสำคัญ แม้บางช่วงเวลาพรรคอาจจะดูเงียบๆ ไปบ้าง แต่นักการเมืองของพรรคต้องขยันลงพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่พรรคภูมิใจไทย มีโอกาสสูงมากที่จะไปเป็นรัฐบาล เพราะไม่ว่าจะเป็นสูตรไหน ใครก็ตามที่ต้องการรัฐบาล ก็ล้วนแต่ต้องการพรรคภูมิใจไทย เช่นนี้แล้ว จึงมี ส.ส.จำนวนไม่น้อยให้ความสนใจมาร่วมงานด้วย โดยคาดหวังโอกาสในการทำงานโชว์ฝีมือ

ล่าสุด เปิดตัว ส.ส.ต่างพรรคแล้ว ถึง 29คนที่จะมาร่วมงานกับพรรค ได้แก่

พรรคก้าวไกล 5 คน ประกอบด้วย นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย นายพีรเดช คําสมุทร ส.ส.เชียงราย นายคารม พลพรกลาง บัญชีรายชื่อ นายเกษมสันต์ มีทิพย์ บัญชีรายชื่อ

พรรคพลังประชารัฐ 8คน ประกอบด้วย นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม
นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก
นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี นายประทวน สุทธิอํานวยเดช ส.ส.ลพบุรี นายสมเกียรติ  วอนเพียร  ส.ส.กาญจนบุรี  พรรคพลังประชา

พรรคเพื่อไทย 9 คน ประกอบด้วย นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา นายนพ ชีวานันท์ สส.พระนครศรีอยุธยา นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก นางผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส. กทม. นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี

พรรคเศรษฐกิจไทย 3 คน นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์

พรรคเพื่อชาติ นายอารี ไกรนรา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ นางสาวนันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ (น้องสาวนายมณเฑียร สงฆ์ประชา)พรรคชาติพัฒนา นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร และพรรคประชาธิปัตย์ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี

และเชื่อกันว่า ยิ่งเข้าใกล้ช่วงเลือกตั้ง จำนวนของเชื่อข้างต้น ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น อันเป็นสัญญาณว่าพรรคภูมิใจไทย คือ พรรคการเมืองที่มีอนาคตสดใส และกลุ่ม ส.ส.ดาวฤกษ์ทั้งหลายนี่เอง ที่จะเป็นแรงผลักให้พรรคได้ ส.ส.ถึง 120 ที่นั่ง และสามารถดันให้นายอนุทิน เป็นนายกฯ ได้สำเร็จ

ทว่า …ในถนนการเมืองไม่มีคำว่าง่าย ยิ่งพรรคภูมิใจไทยมีความพร้อม ยิ่งนายอนุทิน มีออร่ามากเท่าไร กระบวนการเตะตัดสกัดขา ก็จะเกิดขึ้นเมื่อนั้น

ล่าสุด ฝ่ายค้านนำโดยพรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายกันอีกรอบ เป้าหมายชัดเจนว่าเป็นการโจมตีทางการเมือง ล็อกเป้าที่ 3 ป. และ พรรคภูมิใจไทย เป็นหลัก ไม่ต่างจากเรื่องกัญชา ที่ทั้งพรรคฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ต่างก็รวมหัวกันค้านทั้งที่ร่างกฎหมายมาด้วยกัน ขณะที่เรื่อง กยศ. ไร้ดอกเบี้ย ไม่มีเบี้ยปรับ ผู้ใหญ่ต่างพรรค ก็ส่งสัญญาณให้ สว.คว่ำเสียแล้ว

แต่ก็นั่นแหละ ยิ่งเดินหน้าเตะตัดขาพรรคภูมิใจไทยมากเท่าไร ก็ยิ่งสะท้อนว่า พรรคภูมิใจไทย มีความน่ากลัวมากเท่านั้น




กำลังโหลดความคิดเห็น