เมืองไทย 360 องศา
มองจากตารางเวลา เวลานี้ถือว่าทุกอย่างเริ่มงวดเข้ามาทุกทีแล้ว ยิ่งในทางการเมืองแล้ว ถือว่าเป็นช่วง “เข้าด้วยเข้าเข็ม” อย่างยิ่งยวด พลาดไม่ได้เป็นอันขาด สิ่งไหนที่ต้องทำแต้มก็ต้องเร่งมือ หรือหากได้จังหวะก็ต้องกระทืบฝ่ายตรงข้ามให้จมดินไม่ให้โงหัวขึ้นมาได้ง่ายๆ
สำหรับการเมืองตอนนี้ก็ถือว่ากำลังเข้าโหมดเลือกตั้งกันแล้ว หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดกฎกติกามารยาทในกรอบ 180 วัน ว่า สิ่งไหนที่นักการเมืองทำได้ ทำไม่ได้ นั่นก็หมายความว่า การแข่งขันแบบเป็นทางการเริ่มนับหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว
แน่นอนว่า คนอย่าง “โทนี่ วู้ดซัม” หรือ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เหมือนว่าเป็นคนวงนอก แต่ในวงการรู้กันดีว่าเขานี่แหละคือ “ตัวการ” สำคัญแทบจะทุกเรื่อง หากมองในกลุ่มเครือข่ายของพวกเขา ดังนั้น ในสถานการณ์ที่กำลังลุ้นได้เสียแบบนี้ เขาก็ย่อมไม่พลาดที่ต้องออกมาร่วมแจมด้วยทุกรายการ ล่าสุด ก็อุตส่าห์ออกมาผสมโรง “ขย่มกัญชา” อย่างออกรส โดยเฉพาะการออกอาการ “ดรามา” ด่า “ทุเรศที่สุด” จากคลิปที่เป็นไวรัลทั่วเมือง
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าว ถึงปมดรามา คลิปเด็กเสพกัญชา ระบุว่า อย่างที่เรียนทุกครั้ง ว่า พรรคภูมิใจไทย เร่งให้พิจารณา พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ซึ่งผ่านวาระแรกไปแล้ว รับหลักการ มีคณะกรรมาธิการมาร่วมแก้ไขจากทุกฝ่าย ทั้งพรรครัฐบาล ฝ่ายค้าน ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาชน พัฒนาการดูแลการใช้ จาก 45 มาตรา เป็น 95 มาตรา ฟังความกันทุกมิติ นำความกังวล มาปรับแก้กฎหมาย อยากให้ได้ใช้ควบคุมเรื่องกัญชา แต่เมื่อเข้าสู่สภา วาระ 2-3 ก็มีเกมการเมือง ทำให้กฎหมายดีๆ ไม่ได้รับการพิจารณา โชคดีที่มีประกาศของกระทรวงสาธารณสุขรองรับไว้แล้ว ส่วนคลิปที่ออกมา เป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
“เราห้ามให้เด็กเข้าถึง ประกาศของกระทรวงสาธารณสุขคุมเรื่องนี้อยู่ ประกาศ บังคับใช้เหมือนกฎหมาย แต่พระราชบัญญัติ จะเป็นกฎหมายที่สมบูรณ์ขึ้น แล้วใครไปหยุดกระบวนการพิจารณา คนนั้นต้องชี้แจง พรรคภูมิใจไทยนำกัญชาออกมาจากยาเสพติด เพื่อใช้ในทางการแพทย์ เราหาทางควบคุม มีการเสนอ ร่าง พ.ร.บ. เพื่อดูแลการใช้โดยเฉพาะ เป็นกฎหมายที่ปิดข้อกังวลทั้งหมด ไม่มีเรื่องสันทนาการ ซึ่งถ้า พ.ร.บ. ผ่านออกมาใช้ การควบคุมกัญชา จะมีประสิทธิภาพกว่าปัจจุบันแน่นอน แล้วมันต้องรู้ว่า ในโรงเรียน กินเหล้า สูบบุหรี่ไม่ได้ เรื่องกัญชา ก็ทำไม่ได้” นายอนุทิน กล่าว
ถามต่อถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาวิจารณ์คลิปดรามาข้างต้น ว่าทุเรศที่สุด นายอนุทิน ตอบว่า ท่านพูดแรงจัง เพื่อไทยก็รับหลักการ พ.ร.บ.กัญชาฯ แต่พอมาถึงชั้นอภิปรายในตัว พ.ร.บ. ปรากฏว่า ไม่ให้พิจารณา นายสุทิน คลังแสง จากพรรคเพื่อไทย พูดโดยที่มันเห็นชัดเจนว่า ท่านไม่ได้ศึกษากฎหมายเลย เพราะยังไปพูดเรื่องความห่วงใยต่อเยาวชน พูดเรื่องนันทนาการ ซึ่งกฎหมายปิดช่องไว้หมดแล้ว มันคิดอย่างอื่นไม่ได้
“สิ่งที่ทุเรศที่สุด คือ เรื่องของความพยายามทางการเมืองในการไปบล็อกพระราชบัญญัติกัญชาฯมากกว่า เข้าใจว่าเรื่องนี้ มันมีผู้เสียประโยชน์ แล้วการที่จะมาเร่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ขอย้ำว่า การเอาออกมา ก็เพราะทางคณะกรรมการ ป.ป.ส.เสนอขึ้นมาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เซ็นลงนาม อยู่ดีๆ รมว.สธ. จะปลดล็อกเองไม่ได้ เรื่องนี้คนพูดรู้อยู่แก่ใจ แต่มาทำให้เป็นประเด็น แล้วตอนที่พิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ตัวแทนของพรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ใช้นันทนาการได้ แต่ถูกที่ประชุมตีตก แล้ววันนี้ มี ส.ส.ก้าวไกล มาโจมตีเรื่องการใช้เพื่อนันทนาการ ขอย้ำว่า ในการร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ พรรคภูมิใจไทย ไม่เคยเสนอเรื่องการใช้เพื่อความบันเทิงเลย” นายอนุทิน กล่าว
นั่นคือ คำตอบโต้ย้อนศรกลับไปจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่รู้ทันเกมการเมือง ว่านี่คือ เกม “เตะตัดขา” พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเวลานี้กลายเป็น “กระดูกชิ้นโต” สำหรับพรรคการเมืองหลายพรรค อย่างไรก็ดี นาทีนี้ขอโฟกัสแยกออกมากันเฉพาะสองพรรค คือ ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ พรรคภูมิใจไทย กันก่อน และต้องจับตาคือ สนามเลือกตั้งในภาคอีสาน
ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวเพื่อไทย ต่างออกมาเน้นย้ำในเรื่องการ “กวาดที่นั่ง” ในภาคอีสานในแบบโหมโรง “แลนด์สไลด์” อยู่ตลอดเวลา เพราะอย่างที่รับรู้กันดีอยู่แล้วว่า ภาคอีสานถือว่าเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญที่สุด ซึ่งในการเลือกตั้งทุกครั้งก็มักทำสำเร็จ
อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งที่จะมาถึงดูเหมือนว่าสถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เพราะกำลังมีคู่แข่งที่สำคัญ นั่นคือ พรรคภูมิใจไทยที่เวลานี้กำลังรุกคืบกินพื้นที่แผ่วงกว้างออกไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดใหญ่ ในลักษณะที่ดึง “บ้านใหญ่” เข้ามาเกือบครบทุกจังหวัดแล้ว ล่าสุด เพิ่งมีการเปิดตัว “ทีมช่างเหลาขอนแก่น” มาหมาดๆ
สำหรับคอการเมืองในพื้นที่ก็ย่อมรู้ดีว่า พื้นที่ขอนแก่นในอดีตถือเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญเป็นลักษณะเหมือนกับ “น้องๆ เมืองหลวง” ทางการเมืองเลยก็ว่าได้ และกลุ่ม “ช่างเหลา” นี่แหละที่เคยเป็นฐานสำคัญ และแน่นปึ้กมานาน แม้ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาพวกเขาจะสังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่เมื่อมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลง ก็หันมาซบอก “เสี่ยหนู” ภูมิใจไทย มันก็ย่อมสั่นสะเทือนไปทั้งจังหวัด รวมไปถึงจังหวัดรอบๆ ใกล้เคียงอีกด้วย
แม้ว่าเพิ่งผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่นในระดับนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ที่คนในสังกัดพรรคเพื่อไทยชนะแบบถล่มทลาย แล้วเคลมกันว่า นี่คือ ตัวอย่างแลนด์สไลด์ ซึ่งก็อาจจะจริง เพราะพิจารณาจากจำนวน ส.ส.จากการเลือกตั้งคราวที่แล้ว พรรคเพื่อไทย กวาดเกือบยกจังหวัด เว้นไว้เขตเดียวให้กับพรรคชาติไทยพัฒนา ของ ตระกูล “จุรีมาศ” เท่านั้น หากมองแบบนี้ก็เข้าใจได้ และเป็นเพียงเฉพาะพื้นที่ หรือไม่ชนะนี่สิแปลกยิ่งกว่า
แต่เอาเป็นว่าเมื่อวกกลับมาที่ภาคอีสานโดยรวมที่เวลานี้กำลังขับเคี่ยวแย่งชิงระหว่างเพื่อไทย และ ภูมิใจไทย และเมื่อมองจากแนวโน้ม และการสร้างผลงานต่อเนื่อง มันก็เหมือนกับว่า พรรคเพื่อไทย “อยู่กับที่” เหมือนกับ “กินบุญเก่า” ที่นับวันเริ่มลบเลือนหาย เพราะทิ้งช่วงมานานนับสิบปี ขณะที่อีกฝ่ายกำลังคึกเต็มที่ หลายโครงการกำลับขับเคลื่อนทั้งโครงข่ายคมนาคม วางฐานเครือข่ายสาธารณสุขผ่าน อสม.นับแสนนับล้านคน ล่าสุด มาเจอทีเด็ดเรื่อง “กัญชา” เข้าไปอีก ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้มันเข้าถึงชาวบ้านจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งมันก็ย่อมกระทบกระเทือนเข้าอย่างจังกับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องมองให้ซับซ้อนย่อมหมายถึงพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว มันจึงถูกมองว่าต้องออกมา “เตะตัดขา” หรือเปล่า และงานนี้คนอย่าง “โทนี่” ถึงต้องออกโรงเองอีกรอบ และยังเชื่อว่ายังไม่จบง่ายๆ แค่นี้ เพราะมันเดิมพันอนาคตทางการเมืองและอำนาจรัฐในวันข้างหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ที่เวลานี้ถือว่ายังไม่ราบรื่น ก็ต้องป่วนไว้ก่อน !!