เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่านาทีนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังคงอุบไต๋ ไม่เผยท่าทีถึงอนาคตทางการเมืองของตัวเองว่าจะเป็นแบบไหน โดยให้รอความชัดเจนหลังการประชุมเอเปกในกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ก่อน อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์กันไปหลายทาง ทั้งเรื่องไม่ไปต่อ เนื่องจากเขายังเหลือเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ อีกแค่ 2 ปี หรืออีกทางหนึ่ง ไปต่อในช่วงเวลาที่เหลือในแบบ “นายกฯ คนละครึ่ง” ส่วนจะ “ครึ่งกับใคร” ค่อยมาว่ากันอีกที
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในเวลานี้ทุกอย่างยังนิ่ง มีแต่การคาดเดากันไปต่างๆ นานา ซึ่งหากมาชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบกันก็ยัง “เหลื่อม” ไปทางไปต่อมากกว่าไม่ไปต่อ ส่วนจะมี “วิธีการไปต่อ” อย่างไร เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมีวิธีการรองรับอยู่แล้ว เพราะคนอย่างเขาย่อม “ไม่ธรรมดา” อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่อยู่ยาวมานานต่อเนื่องกันกว่าแปดปีเป็นแน่
สิ่งแรกที่น่าจะเป็นเหตุผลสนับสนุนว่าทำไม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไปต่อ ก็ต้องย้อนกลับไปพิจารณาจากคำพูดของเขา เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่เคยออกแถลงการณ์ “กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต แก้ปากท้อง ความยากจน” ที่เขาระบุว่าจะผลิดอกออกผลใน 2 ปี
กลยุทธ์ภาพใหญ่ที่มี 3 แกนหลัก ที่จะมายกระดับความรุ่งเรืองของประเทศ เป็น 3 แกนหลัก ที่กำลังจะเสร็จ และกำลังจะพร้อมที่จะช่วยเราทุกคนได้ในอนาคตอันใกล้
แกนที่ 1 : คือ โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ที่ใหญ่ที่สุด และบูรณาการมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ประเทศไทย โครงการสร้างทางรถไฟ ถนน สนามบิน หรือท่าเรือ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับความรุ่งเรืองมั่งคั่งของทุกคน โครงการที่ต้องใช้เวลาก่อสร้างยาวนานหลายปี และตอนนี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
แกนที่ 2 : ของกลยุทธ์ภาพใหญ่ของผม เพื่อที่จะสร้างความมั่งคั่งรุ่งเรืองให้กับคนไทย คือ แกนที่เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงต่างๆ เป็นภาคอุตสาหกรรมที่หล่อเลี้ยงเชื่อมต่อไปถึงธุรกิจขนาดใหญ่ และธุรกิจขนาดเล็กอีกมากมาย ตลอดจนดึงเงินมหาศาลให้ไหลเข้าประเทศไทย ผ่านการส่งออกต่างๆ เป็นตัวขับเคลื่อนความมั่งคั่งรุ่งเรืองของไทย เพราะฉะนั้นผมได้ขับเคลื่อน และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่สำคัญของโลก เราต้องล็อกผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลก ให้อยู่ในประเทศไทย และเราต้องช่วยให้เรื่องต่างๆ ง่ายขึ้นสำหรับเขา ในการที่เขาจะลงทุนเพิ่ม และขยายธุรกิจของเขาในประเทศไทย ถ้าเราทำสำเร็จ เส้นทางนี้จะเป็นรากฐานที่สำคัญที่เกื้อหนุนหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมต่างๆ และประเทศไทยให้มั่งคั่งต่อไปได้ อีกเป็น 20-30 ปีข้างหน้า
แกนที่ 3 : ของกลยุทธ์ภาพใหญ่ของผมในการสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงให้กับประเทศ เพื่อที่จะช่วยทุกคนให้สามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้อย่างยั่งยืน คือ เรื่องเกี่ยวกับภาคการธนาคารของเรา และวิธีการทำงานของธนาคาร เพื่อให้ประชาชนเข้าถึง เอื้อต่อธุรกิจรายเล็กรายน้อย เพื่อกระตุ้นความมั่งคั่งรุ่งเรืองเป็นการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคใหม่
หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม เขาก็ได้เน้นย้ำถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ในระหว่างการปาฐกถาในงานบางกอกโพสต์ฟอรั่ม 2022 “เร่งเครื่องประเทศไทย” ที่เร่งทำโครงสร้างพื้นฐาน ระบบราง ที่เทียบเท่ากรุงโตเกียว และใกล้เคียงกับกรุงลอนดอน และศูนย์รถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค
ดังนั้น หากพิจารณาจากระยะเวลาอีกราว 2 ปี ที่นโยบายสำคัญดังกล่าวจะผลิดดอกออกผล มันก็บังเอิญว่าตรงกับเวลาที่เหลืออีก 2 ปี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถดำรงตำแหน่งนายกฯได้ อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องคาดเดากันว่าเมื่อแนวโน้มออกมาในแบบ “คนละครึ่ง” แล้ว จะคนละครึ่งกับใคร และจะสังกัดพรรคไหน ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ ที่เวลานี้สนับสนุนให้เขายังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ กับ พรรครวมไทยสร้างชาติ ของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่สนับสนุนเขาเช่นเดียวกัน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ นายพีระพันธุ์ เดินเคียงคู่มากับ พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนกับจงใจให้เห็นภาพ และ นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวเปิดทางสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเต็มที่
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเข้าร่วมงานกับพรรครทสช. ว่า ไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้พูดคุย เพราะตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมประชุมเอเปก เรื่องแบบนี้ต้องให้นายกฯเป็นคนพูดเอง แต่ข่าวออกไปอย่างไร ตนไม่ทราบ เพราะนายกฯไม่เคยพูดกับตน และที่ผ่านมาก็พูดคุยกันแต่เรื่องงาน
เมื่อถามว่า หาก พล.อ. ประยุทธ์ มาร่วมกับพรรค รทสช.จะถือเป็นเรื่องดีหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ที่ไหนก็ดีกับที่นั่น ส่วนกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ ดีทุกภูมิภาคใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ได้สนใจเรื่องกระแส กระแสเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่การที่คนดีๆ มาทำงานให้กับบ้านเมืองถือว่าดีทั้งนั้น และถ้านายกฯ อยากมาทำงานการเมืองกับพรรค ก็พร้อมที่จะต้อนรับ แต่ถ้าท่านเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เราจะไปพูดได้อย่างไร
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบคำถามเรื่องการย้ายพรรคว่า “ยังไม่ย้ายพรรคอะไรทั้งนั้น” ความหมายก็คือยังไม่มีการเคลื่อนไหวหรือตัดสินใจในตอนนี้ รอให้ผ่านการประชุมเอเปกไปก่อน ตามที่ระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้ ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ตอบคำถาม หลังจากก่อนหน้านี้ได้ให้สัมภาษณ์ค่อนข้างยาวเกี่ยวกับเรื่องการย้ายพรรคไปร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ
ดังนั้น แม้ว่านาทีนี้ยังไม่มีท่าทีชัดเจนจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องรอหลังการประชุมเอเปก แต่หากพิจารณาจากคำพูดเจตนารมณ์ก่อนหน้านี้จากการชู “กลยุทธ์ 3 แกน” ที่เขามุ่งเน้นในการพัฒนาและสร้างโอกาสให้กับประเทศที่ระบุว่าแม้จะมาไกลแล้ว แต่จะผลิดอกออกผลในอีก 2 ปีข้างหน้า ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่เขาต้องการ “สานต่อ” งานที่เหลือให้สำเร็จ ส่วน “อีกครึ่ง” ที่เหลือ จะ “ครึ่งกับใคร” ค่อยมาว่าในรายละเอียดอีกที!!