“สมศักดิ์” ตอบกระทู้ ชี้ การติดประกาศจับผู้ร้ายชายแดนใต้ ได้รับการยกเว้นจาก พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จนท.ทำตามหลัก กม. แจงมีชุด กก.เจรจาเพื่อสันติ เผย ยุติธรรมทำ กม.2 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องทำสังคมปลอดภัยขึ้น
วันนี้ (3 พ.ย.) นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา พรรคพลังประชารัฐ ตั้งกระทู้ถามเรื่อง การติดประกาศภาพบุคคลที่มีหมายจับที่ทางราชการต้องการตัว ว่า จากเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดเวลา 18 ปี มีบุคคลที่ทางราชการสืบสวนและต้องการจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายหรือเพื่อเหตุผลอื่นเป็นจำนวนมาก ในการดำเนินการให้ได้ตัวบุคคลเป้าหมายดังกล่าวมีการติดตามตัวสืบสวนในหลายวิธีการ แต่วิธีการที่หน่วยงานกระทำโดยการจัดพิมพ์ป้ายไวนิลขนาดใหญ่ติดประกาศตามข้างถนนใกล้ด่านตรวจหรือจุดแยกของถนนสายหลักทั่ว จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ยังเป็นข้อถกเถียงถึงความเหมาะสมและสมควรหรือไม่ เมื่อเทียบกับความสูญเสียด้านความรู้สึกของผู้คนที่พบเห็นทั่วไป ทั้งด้านความรู้สึกอับอาย เป็นการประจานสกุลของบุคคลตามหมายที่ปรากฏ ที่มีอยู่ในชุมชนในสังคมเป็นการละเมิดทำให้ครอบครัว ญาติพี่น้องต้องได้รับความอับอาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากสังคมเพียงใด
นายอาดิลัน กล่าวว่า ขอถามว่า 1. รัฐบาลมีนโยบายในการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนที่ไม่ได้มีส่วนกระทำความผิดเพียงแต่เป็นบุคคลที่มีนามสกุล หรือมีสถานะเป็นภรรยา หรือมีสถานะเป็นบุตร หรือมีสถานะเป็นบิดา หรือมีสถานะเป็นมารดาหรือไม่ อย่างไร ขอทราบรายละเอียด 2. รัฐบาลมีนโยบายสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในทุกมิติของภารกิจที่ปฏิบัติ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามเจตนารมณ์เพื่อหนุนเสริมกระบวนการเจรจาเพื่อสันติภาพหรือไม่อย่างไร
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ชี้แจงว่า เรามีความห่วงใยพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะครอบครัวของผู้ถูกติดประกาศจับ หรือผู้ที่มีนามสกุลเดียวกัน ซึ่งหมายจับดังกล่าวนั้น ไม่ได้ติดประกาศไปทุกโซน ในแต่ละหมายจะอยู่ในโซนใครโซนมัน โดยในขณะนี้มีภาพบุคคลอยู่ประมาณ 373 ภาพ และมี 1,704 หมายจับ เพราะบางคนอาจจะไม่ได้มีหมายจับเดียว และในการออกหมายจับต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง และมีหลักฐานชัดเจน รวมถึงคำขอการออกประกาศจับต้องชัดเจน ในสิ่งที่ปรากฎว่ามีรูปประกาศจับ ตามสถิติได้เห็นแล้วว่าทำให้การก่อความไม่สงบมีสถิติลดลง ประชาชนที่รู้ถึงหมายจับก็จะไม่ให้ความร่วมมือกับผู้กระทำผิด อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล ตามหมายจับที่ปรากฎเป็นรูป มีชื่อสกุล เป็นการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา มีข้อยกเว้นไม่ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพราะเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนสิทธิของบุคคลนั้นๆ ยังได้รับการคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการขับเคลื่อนการพูดคุยเพื่อสันติ รัฐบาลมีคณะกรรมการเพื่อพูดคุย มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และยังมีคณะกรรมการระดับพื้นที่ ที่มีแม่ทัพภาค 4 เป็นประธาน ส่วนการเสนอกฎหมายในสภามีกฎหมายสำคัญอยู่ 2 ฉบับที่กระทรวงยุติธรรมได้เสนอและประกาศใช้แล้ว ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปิดประกาศหมายจับ คือ พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งในฉบับนี้น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะมีการบัญญัติถึงการป้องกันทรมานและสูญหาย โดยหากเจ้าหน้าที่ภาครัฐและประชาชนประสานงาน เข้าใจกัน จะเกิดผลดีกับทุกฝ่าย ในอนาคตข้างหน้าคงจะมีทางออกที่ดีในเรื่องกฎหมายด้วย