เมืองไทย 360 องศา
มีรายงานข่าวต่างประเทศชิ้นหนึ่ง ที่แม้ว่าสำหรับหลายคนอาจมองว่าไม่ใช่เรื่องน่าสนใจอะไรนัก แต่หากมองอีกมุมหนึ่งมันก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างภายในพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะความเชื่อมโยงกับ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่” กับรายงานที่ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย จับเครื่องบินไป “ดูไบ”
แอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชลล์ นักข่าวชาวสกอตแลนด์ หนึ่งในสมาชิกขบวนการล้มล้างสถาบันฯ ซึ่งมีภรรยาเป็นคนไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยลงภาพ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งกำลังตกเป็นข่าวว่าอาจจะย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พร้อมระบุข้อความบางส่วนว่า ร.อ.ธรรมนัส บินจากกรุงเทพฯ ไปยังดูไบ วันนี้ (31 ต.ค.) บนเที่ยวบินเอมิเรตส์ EK375
นี่คือ ภาพของเขาในห้องรับรอง ของ Emirates ที่สุวรรณภูมิ เหตุผลของการเดินทางของเขาไม่ทราบสาเหตุ แต่เราทุกคนรู้ว่า ใครอาศัยอยู่ในดูไบ…(เป็นภาพที่ ร.อ.ธรรมนัส ใช้โทรศัพท์มือถือ พูดคุยกับใครคนหนึ่ง)
แน่นอนว่า หากพิจารณาจากไทม์ไลน์แล้ว ก็ถือว่าใกล้นับถอยหลังสู่การเลือกตั้งกันแล้ว เพราะยังเหลือเวลาอีกประมาณ 4 เดือนเท่านั้น ที่สภาชุดนี้จะครบวาระ ในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ทำให้ ส.ส.หลายคนเริ่มเร่งรัดในเรื่องการย้ายพรรค เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องสังกัดพรรค 90 วัน หากสภาครบวาระ แต่หากมีการยุบสภา ก็ลดลงมาเหลือสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 30 วัน แต่เอาเป็นว่าสำหรับคนที่ต้องการย้ายพรรค ต้องรีบตัดสินใจกันแล้วว่า จะไปทางไหน
และเชื่อว่า หนึ่งในนั้นก็ต้องมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พร้อมทีมงานรวมอยู่ด้วยแน่นอน เพราะหากย้อนกลับไปตั้งแต่ยกขบวนแยกออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ มาอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย โดยตัวเองเป็นหัวหน้าพรรค และมี ส.ส.ที่ตามมาอีกกว่าสิบคน แต่ล่าสุด ก็มีบางคนก็เดินแยกทางออกไปสังกัดพรรคอื่นกันแล้ว แม้ว่ายังไม่ถึงเวลา เนื่องจากยังติดเงื่อนไขทางกฎหมายพ้นสภาพ ส.ส.ก่อนกำหนด แต่ถือว่ารับรู้กันอยู่แล้วว่าใครไปพรรคไหน
ทำให้เวลานี้ยังมี ร.อ.ธรรมนัส พร้อมทีมงานใกล้ชิดอีกจำนวนหนึ่งที่เชื่อว่าเหลือแค่ไม่กี่คนแล้วยัง “เคว้ง” หาสังกัดพรรคใหม่ได้ไม่ลงตัว เพราะหลังจากที่ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ แล้วมาอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย ก็หวัง “เล่นใหญ่” ประกาศเป็นตัวแปรทางการเมือง แต่เอาเข้าจริงกลับไปได้ไม่ไกลอย่างที่คาด การเคลื่อนไหวในนามพรรคดังกล่าวกลับไม่ปังอย่างที่คิด ไม่ปรากฏกลุ่มทุนหลักๆ ให้การสนับสนุน ไม่ปรากฏข่าวระดับ “บิ๊กเนม” เข้ามาร่วม มิหนำซ้ำการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดลำปาง ผู้สมัครของพรรค กลับพ่ายแพ้ให้กับผู้สมัครโนเนมจากพรรคเสรีรวมไทย อย่างหมดรูป
นับตั้งแต่นั้น ชื่อชั้นและเครดิต ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ลดระดับลงไปจนแทบไม่พบความเคลื่อนไหวในทางสาธารณะแบบเป็นชิ้นเป็นอันอีกเลย ในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าช่วงเดือนที่แล้วมีรายงานข่าวว่า เขาและทีมงานในส่วนที่เหลืออยู่ไม่กี่คนอาจย้ายกลับมาสู่พรรคพลังประชารัฐอีกรอบหนึ่ง โดยมีการอ้างอิงถึงความสัมพันธ์และความเคารพนับถือกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคก็ตาม
แต่ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานในเรื่อง “กระแสต้าน” อย่างรุนแรงจากคนในพรรคอีกกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะ “กลุ่มสามมิตร” ที่นำโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นต้น หรือแม้แต่กลุ่มของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคคนปัจจุบัน และยังมีอีกหลายกลุ่มที่ขัดขวาง
ในช่วงเวลาเดียวกัน ก็มีรายงานว่า เขากำลังขอกลับเข้าไปสังกัดพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง เหมือนกับที่เคยสังกัดพรรคนี้และเคยเป็นผู้สมัครของพรรคมาแล้ว อย่างไรก็ดี ความพยายามในการกลับมาย่อมไม่ง่าย เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่างเป็นอุปสรรคชิ้นโต ทั้งในเรื่องภาพลักษณ์ที่ก่อนหน้านี้เขาถูกพรรคเพื่อไทยอภิปราย “ซักฟอก” ในประเด็นที่สร้างภาพจำในเรื่อง “ผู้กองแป้ง” ซึ่งหากกลับมาจริง ไม่รู้ว่าจะได้ไม่คุ้มเสียหรือเปล่า
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะสำคัญที่สุด ก็คือ การ “ทับซ้อน” กันของผู้สมัครของพรรคระดับ ส.ส.เขตของพรรคเพื่อไทย ที่มีการประกาศเปิดตัวไปแล้ว หรือแม้กระทั่งการเรียงลำดับของผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ก็น่าจะลงตัวยากเหมือนกัน ทำให้ที่ผ่านมามี ส.ส.ที่มีบทบาทในพรรคมีท่าทีต่อต้านอย่างชัดเจน เช่น นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค และประธานวิปฝ่ายค้าน เป็นต้น
โดยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เคยกล่าวถึงกระแสข่าว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่จะย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทย ว่า ทำไมเราไม่คิดกลับไปว่า ร.อ.ธรรมนัส จะย้ายกลับไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ กลับไปช่วย พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร. กอบกู้พรรคขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตอนนี้ ส.ส.ก็ย้ายออกไปอยู่พรรคอื่นมากพอสมควร อย่าลืมว่าทั้งคู่ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่
อย่างไรก็ดี สำหรับพรรคนี้ คนที่เชื่อว่า เป็นคนชี้ขาดย่อมต้องมีชื่อของ ทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่” เกี่ยวข้องด้วยแน่นอน และที่ผ่านมาเขาก็เคยแบะท่ารับมาแล้ว
โดยครั้งนั้นเขากล่าวถึงกระแสข่าวการดีลกับ ร.อ.ธรรมนัส ให้เข้ามาอยู่พรรคเพื่อไทย ว่า ไม่มีดีลนี้แน่นอน ไม่เกี่ยว เพราะไม่มีหน้าที่อะไรต้องไปดีล ถามว่ารู้จักไหม รู้จัก เพราะเป็นคนเหนือ เคยอยู่พรรคเพื่อไทยมาก่อน เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นน้อง
“ที่ผ่านมา เคยพูดไว้ว่า ศิษย์เก่าไทยรักไทยทั้งหลาย มีเยอะอยู่ในวงการเมือง ถ้าคนไหนออกไป ไม่เป็นปฏิปักษ์กับพรรค และเขาอยากกลับมา ก็ไม่น่าเสียหายอะไร แต่คนที่ออกไปเป็นปฏิปักษ์กับพรรคก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
แม้คำพูดดังกล่าวอาจจะไม่ชัดเต็มร้อย แต่ก็ถือว่าไม่ได้ปิดกั้น เพียงแต่เมื่อฟังจากน้ำเสียงดูแล้วไม่ค่อยให้ราคาเท่าใดนัก เพียงแต่หากคิดจะมาก็มาได้ แต่อาจต้องอยู่ในระดับ “แถวหลังๆ” อะไรประมาณนั้น
แต่สำหรับนาทีนี้ อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ เพราะทุกอย่างย่อมไม่เหมือนเดิม เหมือนกับเป้าหมายที่เคยมั่นใจว่าต้อง “แลนด์สไลด์” ไม่ต้องง้อใคร ทุกอย่างเริ่มไม่ชัวร์ “นอมินี” ที่ชูกันเอาไว้ทั้งคนเดิมที่เป็น “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็ก หรือแม้แต่คนใหม่อย่าง นายเศรษฐา ทวีศิลป์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีรายงานข่าวก็ยังเงียบๆ กันอยู่ ไม่ปังอย่างที่คาด มันอาจทำให้ต้องปรับท่าทีใหม่ ต้องการหาพันธมิตรใหม่เพิ่มเติม ดีกว่าสร้างศัตรูเพิ่ม
นั่นทำให้ได้เห็นการเคลื่อนไหวล่าสุดที่ “ดูไบ” จากข่าวดังกล่าวข้างต้นหรือเปล่า และน่าเป็นไปได้ก็คือ เป็นข่าวที่ออกมาจากเครือข่าย “สามนิ้ว” เสียด้วย มันทำให้เข้าเค้า
และเมื่อย้อนกลับไปดูการประชุมพรรคเศรษฐกิจไทยเมื่อเดือนที่แล้ว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ยกทีมลาออกจากคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด เหลือเพียงแค่สมาชิกพรรค เพื่อเลี้ยงสถานะเอาไว้เท่านั้น ตอนนั้นเข้าใจกันว่าเพื่อรอจังหวะย้ายสังกัดว่าจะไปพลังประชารัฐ หรือเพื่อไทย แต่เมื่อไปในลักษณะยกไปเป็นคณะ มันจึงหาจุดลงตัวยาก แต่ล่าสุด หากข่าวดีลที่ดูไบเป็นจริง นั่นก็แสดงว่า “ลงตัว” และนั่นหมายความว่า พรรคเพื่อไทยลดระดับแตะมือหาพันธมิตรรอบทิศเอาตัวรอดกันตั้งแต่เริ่มออกสตาร์ทแล้ว !!