เมืองไทย 360 องศา
เวลานี้ หากพิจารณากันอย่างละเอียดแล้ว ต้องบอกว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความปลอดโปร่งทางการเมืองมากที่สุด หลังจากผ่านสถานการณ์ที่ถูกทำให้ “ต้องลุ้น” มาหลายเรื่อง ต่อเนื่องกันมาตลอด โดยเฉพาะในช่วงปีนี้
ขณะเดียวกัน เมื่อมีความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้ชัดออกมาแล้วว่า เขาสามารถมีวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ได้จนถึงปี 2568 นับจากวันนี้ยังเหลืออีกสองปีกว่า หรือหากหลังเลือกตั้งครั้งใหม่ก็น่าจะไม่เกินอีกสองปีเท่านั้น
ดังนั้น หากนับจากวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นปลายทางสุดท้ายในปี 2568 ก็เท่ากับว่า เหลือเวลาอีกไม่นาน และยังไม่นานในลักษณะที่ไม่ได้ต่อเนื่องกัน เพราะราวสองปีเต็มที่เหลือนั้น ยังต้องมาลุ้นกันหลังเลือกตั้งเสียอีก ซึ่งก็ยังไม่แน่อีกว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่ ดังนั้น หากมองแบบทะลุหัวใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชื่อว่า คงต้องการทำวันนี้ให้ดีที่สุด หรือทำหน้าที่ในวาระนายกรัฐมนตรี ที่เหลืออยู่อีกประมาณ 5-6 เดือนนี้ให้ดีที่สุดเท่านั้น ส่วนหลังจากนั้นค่อยมาว่ากันอีกที อะไรประมาณนั้นมากกว่า
เท่าที่สังเกตจะเห็นว่า พล.ประยุทธ์ มีลักษณะ “นิ่ง” เป็นพิเศษ พยายามเลี่ยงตอบคำถามในเรื่องการเมือง รวมไปถึงให้ความเห็นน้อยมาก โดยเฉพาะความเห็นเรื่องอนาคตทางการเมือง รวมไปถึงทายาททางการเมือง เขาก็จะนิ่งไม่ตอบคำถาม มีเพียงเรื่องเดียวที่ตอบคำถามแบบสั้นๆ ก็คือ เรื่อง “ปรับคณะรัฐมนตรี” ที่มีแนวโน้มออกมาแบบกระชับ นั่นคือ น่าจะปรับในโควตาของพรรคประชาธิปัตย์เพียงตำแหน่งเดียว คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แทน นายนิพนธ์ บุญญามณี ที่ลาออกไปสู้คดีก่อนหน้านี้
แม้ว่าจะมีตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลงอีก 3 ตำแหน่ง แต่เป็นระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการ นั่นคือ ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ ที่ว่างเว้นมานานนับปีหลังจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ถูกปลดพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ตามลำดับ ส่วนที่เหลือก็คือ ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ จากพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังจากถูกดำเนินคดีในกรณีรุกป่าสงวนฯ
ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีท่าทีชัดเจนแล้วว่า “ไม่ปรับ” ในสัดส่วนของพรรค เนื่องจากความเป็นรัฐมนตรีของ นางกนกวรรณ ยังอยู่ เพียงแต่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวเท่านั้น อีกทั้งที่ผ่านมาการบริหารงานในกระทรวงก็ยังเดินหน้าไปได้ ไม่มีสะดุด
วกกลับมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังจากพ้นบ่วงเรื่องวาระ 8 ปี ไปแล้ว อย่างน้อยก็มีความชัดเจนทำให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหากให้ประเมินจากความน่าจะเป็นมากที่สุดยังเชื่อว่า เขาน่าจะโฟกัสไปที่วาระของรัฐบาลที่เหลืออยู่อีกไม่กี่เดือนนับจากนี้มากกว่า โดยเฉพาะภารกิจที่สำคัญที่รออยู่ข้างหน้านั่นคือ การเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปกในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ที่ถือว่าเป็นงานใหญ่ระดับโลก มีผู้นำประเทศมหาอำนาจ และผู้นำเขตเศรษฐกิจชั้นนำ มากระทบไหล่พร้อมกันหลายสิบคน
ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้เตรียมการสำหรับงานใหญ่แบบนี้มานานหลายปีแล้ว และหากมองในมุมการเมืองก็ต้องถือว่า งานนี้เขามีความคาดหวังมาก เพราะหากทำสำเร็จด้วยดีมันก็ยังส่งผลดีในการ “อัปเกรด” ตัวเอง ยิ่งหากสามารถเป็นผู้ประสานงาน หรืออำนวยความสะดวกให้ผู้นำมหาอำนาจได้ใช้เวทีในกรุงเทพฯ ถกหาทางออกในปัญหาสำคัญของโลก เช่น กรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาจีนกับสหรัฐฯ เป็นต้น
อีกทั้งสำหรับการเมืองภายในประเทศ ยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องหมายมั่นปั้นมือทำให้สำเร็จ อย่างน้อยก็ไม่ให้น้อยหน้าในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่เคยจัดประชุมเอเปก ในปี 2546 ที่ผ่านมาแล้ว อย่างน้อยก็เป็นเกียรติประวัติก่อนจบวาระรัฐบาลชุดนี้ ส่วนหลังจากนั้นค่อยมาว่ากันอีกที ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
สำหรับในทางการเมืองอื่นๆ เวลานี้ถือว่า “บิ๊กตู่” อยู่ในสภาวะ “ลอยตัว” แทบจะไร้แรงกดดันใดๆ เลย โดยเฉพาะจากในสภา เพราะเวลานี้กำลังเข้าโหมด 180 วัน และทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ออกมาตรการและคำสั่งรองรับแล้ว ทั้งในเรื่องการไม่มีเลือกตั้งซ่อม และอีกไม่กี่วันก็จะนับถอยหลัง 90 วัน เปิดทางให้ ส.ส.ย้ายพรรคได้โดยสะดวก
ขณะเดียวกัน นับจากนี้ จะไม่มีเรื่องกวนใจจากการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติอีกแล้ว อย่างมากทำได้แค่การซักฟอกแบบไม่ลงมติ หรือขอเปิดสภาสมัยวิสามัญ อย่างมากก็สร้างความรำคาญ เปลืองน้ำ เปลืองไฟ แทบจะหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย
ถึงได้บอกว่าเวลานี้ถือว่า “อำนาจเต็มมือ” นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะในความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องสนใจเสียง ส.ส.ในสภาอีกแล้ว สามารถลดแรงกดดันลงไปได้อักโข ขณะเดียวกัน สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลก็เชื่อขนมกินได้เลยว่าอยากเป็นรัฐบาลให้นานที่สุด อย่างน้อยก็เกือบครบวาระ สามารถใช้ตำแหน่งรัฐมนตรี ควบคุมงบประมาณหาเสียงได้อย่างเนียนๆ ตีกินไปเรื่อยๆ ดีกว่า
ดังนั้น หากประเมินสถานการณ์ตั้งแต่ต้น ก็ต้องมองว่าเวลานี้ถือว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำลังอยู่ในสภาวะ “ลอยตัว” ไร้แรงกดดันใดๆ ที่หนักหน่วงอีกแล้ว ลักษณะการเดินเกมจะออกในแบบ “เดินทีก้าว” มองไปที่เป้าหมายเฉพาะหน้า ไปจนถึงการประชุมเอเปก หลังจากนั้น ค่อยมาประเมินกันใหม่ว่าจะเอาอย่างไร แต่หากให้เดาล่วงหน้าน่าจะออกมาแบบ “จบเกมแล้วกลับบ้าน” มากกว่า
เพราะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรวมเบ็ดเสร็จแล้วถือว่าเกิน 8 ปี สร้างสถิติเทียบเท่า หรืออาจจะมากกว่า “ป๋าเปรม” ด้วยซ้ำไป !!