เมืองไทย 360 องศา
เป็นเรื่องที่ต้องจับตากันอีกครั้ง สำหรับคำพูดล่าสุดของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ถือว่าทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในเวลานี้ ที่กล่าวเป็นนัย “แสดงความยินดี” กับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในทำนองว่าจะได้กลับมา หลังวันที่ 30 กันยายนนี้
แม้ว่าในการให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล จะเป็นการพูดในลักษณะ “ตามน้ำ” แต่เมื่อฟังน้ำเสียง และท่าทีแล้วเหมือนกับว่าเขาเชื่อแบบนั้นจริงๆ
ถามว่า ได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม บ้างหรือไม่ พล.อ.ประวิตร บอกว่า คุยทุกวัน เมื่อถามอีกว่า ตอนนี้ท่านกังวลเรื่องอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่กังวลทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า วันที่ 30 ก.ย. จะนั่งรอฟังการวินิจฉัย วาระ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไหน พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ตนก็ทำงานตามปกติ ท่านนายกฯก็ทำงานของท่านตามปกติ
ถามถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร รัฐบาลยังสามารถทำงานต่อไปได้ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีอะไร เมื่อถามย้ำว่า หลัง 30 ก.ย. รัฐบาลยังเดินหน้าทำงานต่อไปอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็เดินหน้า มันมีอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
“ก็ผ่านไปด้วยดี ทุกอย่างปกติ ไม่มีอะไร เลือกตั้งเลือกเติ้ง ก็ปกติทุกอย่างแล้วไปเอาที่ไหนมา ว่าจะไม่มี”
ส่วนคำถามที่ว่าถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กลับมาท่านดีใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ดีใจ ผมดีใจทั้งนั้นแหละ” เมื่อถามว่าไม่กังวลอะไรใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ส่ายหัวพร้อมร้อง “วู้ จะกังวลอะไร”
ฟังจากคำพูดดังกล่าวของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจจะยังไม่ชัดเต็มร้อย แต่อย่างน้อยก็มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กลับมา ซึ่งสอดคล้องกับหลายคนที่เชื่อว่า น่าจะได้กลับมา หรือ “ไปต่อ” ส่วนจะเป็นแบบไหน สองปี หรือ สี่ปี ก็ต้องรอลุ้นกันในวันที่ 30 กันยายนนี้ พร้อมๆ กัน
แต่หากย้อนกลับไปพิจารณาคำพูดของ พล.อ.ประวิตร จันทร์โอชา ก่อนหน้านี้ เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน หากจำกันได้ว่า เขาเคยหลุดปากออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกสองปี และจะมีการ “ยุบสภาปลายปี” แล้วมีการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งหากพิจารณาในประเด็นแรกที่เกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ หากเหลือเวลาอีกสองปี ก็ต้องครบ 8 ปี ในปี 67 ส่วนประเด็นถัดมาในเรื่องการยุบสภาปลายปี ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าน่าจะเกิดขึ้นหลังการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ในเดือนพฤศจิกายนผ่านไปแล้ว อีกทั้งยังเชื่อว่า ในช่วงเวลานั้นร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง น่าจะมีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว ก็น่าจะมีการยุบสภาในช่วงปลายปี แล้วมีการเลือกตั้งใหม่ตอนต้นปี ที่คาดว่าน่าจะหลังปีใหม่ไม่นาน
แน่นอนว่า นั่นเป็นคำพูดและความเชื่อของคนๆ หนึ่ง แต่เมื่อเป็นคำพูดของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเวลานี้ถือว่าเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลสูงสุดคนหนึ่งในยุคนี้ มันทำให้มองเห็นถึงความเป็นไปได้ ประกอบกับเมื่อประเมินตามหลักการในทางกฎหมาย และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ในแง่มุมและความเชื่อแบบนี้ มันก็น่าคล้อยตามได้เหมือนกัน
เพราะหากแยกแยะพิจารณากันทีละประเด็น ทีละเรื่อง มันก็มีแนวโน้มไปทางนั้น ทั้งเรื่องปมวาระ 8 ปี การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเรื่องการยุบสภา เพราะแม้ว่าคนที่มีอำนาจยุบสภาจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ “บิ๊กตู่” แต่สำหรับ พล.อ.ประวิตร ก็ยังเชื่อว่าต้องรับรู้อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน สำหรับการยุบสภาที่เชื่อว่าน่าจะเกิดในช่วงปลายปีนั้น หากย้อนกลับไปทบทวนคำพูดของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ก็เคยระบุในทำนองว่าหากกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งผ่านสภามีผลบังคับใช้ มันก็จะทำให้เกิดแรงกดดันหรือเสียงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว และแม้ว่าที่ผ่านมาร่างพระราชบัญญัติ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสองฉบับ คือ กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง และการเลือกตั้ง ส.ส. อาจจะสะดุดไปบ้าง เนื่องจากมีการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และเรื่องก็ยังค้างเติ่ง และล่าสุดศาลก็กำหนดนัดพิจารณาออกมาแล้ว ถือว่ามีความคืบหน้า คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานนัก
ทุกอย่างจึงเชื่อมโยงสอดรับกันเป็นอย่างดี เป็นไทม์ไลน์ที่เหมาะเจาะลงตัวแทบจะทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาลและพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคใหญ่ที่ต้องการรอให้กฎหมายการเลือกตั้งที่กำหนดกติกาใหม่ในเรื่อง “สูตรหารร้อย” ที่มั่นใจว่าตัวเองได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง ทำให้มองเห็นอาการเคลื่อนไหวของพวกเขาที่มักออกมาในลักษณะ แค่ดิสเครดิต หรือมีเจตนา “ขับไล่คู่แข่ง” ให้พ้นไป ซึ่งในที่นี้ก็คงหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหลัก เนื่องจากยังต้องรอให้กฎหมายสำคัญออกมาใช้ได้เสียก่อน
หากประมวลตามสถานการณ์และความเชื่อแบบนี้ มันก็ทำให้คำพูดของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีน้ำหนักและมีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะพอจะคาดเดาได้ว่าในวันที่ 30 กันยายนนี้ ผลน่าจะออกมาในแนวทางที่ว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้ไปต่อ ส่วนจะไปต่อได้กี่ปี 2 ปี หรือ 4 ปี ค่อยมาว่ากัน เพราะต้องมองกันทีละช็อต เดินกันทีละก้าว
ดังนั้น ในวันที่ 30 กันยายน นอกจากจะเป็นการชี้ชะตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว ยังเป็นการชี้ให้เห็นถึงอนาคตทางการเมืองของประเทศ ว่า จะเกิดการเปลี่ยนไปแค่ไหนอีกด้วย แต่ไม่ว่าจะออกมาหน้าไป ไม่ได้ไปต่อ หรือได้ไปต่อ และแบบไหน สองปีหรือสี่ปี แต่ไม่ว่าจะแบบไหน ทุกอย่างก็ต้องเข้าสู่โหมดเลือกตั้งอยู่ดี เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็วกว่าเดิมเท่านั้นเอง ไม่มีทางฝืนไปได้นานนัก !!