xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ตอบคำถาม “สุทิน” ชี้พูดไม่หมดกฎหมายกัญชากัญชง ย้ำคุมเข้มห้ามขายกลุ่มเปราะบาง ไม่ส่งเสริมเยาวชนเสพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปานเทพ” ตอบคำถาม “สุทิน คลังแสง” ชี้พูดไม่หมดกฎหมาย กัญชา กัญชง ย้ำ มีการคุมเข้มห้ามขายให้กลุ่มเปราะบาง ไม่ได้ส่งเสริมให้เยาวชนเสพแต่อย่างใด ลั่นหากกลับไปเป็นยาเสพติดอีก ผู้ป่วยที่ใช้กัญชาทางการแพทย์จะได้รับความเสียหายหนัก

วันที่ 17 ก.ย. 2565 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกและกรรมาธิการคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง พ.ศ…. สภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ...

กรณีที่ นายสุทิน คลังแสง แสดงความไม่เห็นด้วยต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง พ.ศ. ….อีกทั้งยังมีการกล่าวหาที่มีการตัดตอนไม่อ่านบทบัญญัติที่มีการเชื่อมโยงให้ครบ หรือตีความเอาเอง แต่ทำให้คณะกรรมาธิการ ได้รับความเสียหาย เพราะขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของคณะกรรมาธิการ จึงเห็นว่า จำเป็นต้องชี้แจงเพื่อความเข้าใจต่อสังคมดังต่อไปนี้

ประการแรก นายสุทิน คลังแสง พรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่า กฎหมายฉบับนี้สนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนสูบกัญชา ซึ่งเป็นความเท็จ [1]

สำหรับเรื่องเด็ก เยาวชน สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร เป็นกลุ่มเปราะบางที่คณะกรรมาธิการฯให้ความสำคัญมากที่สุด จึงมีการกำหนดโทษห้ามขายให้กับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างเด็ดขาดตามบทบัญญัติมาตรา 37 หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษตามมาตรา 40 ให้จำคุกสูงสุดไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และยังมีบทบัญญัติว่าหากได้มีการกระทำผิดและมีบทลงโทษอื่นๆ แล้วนำมาขายกับเด็ก เยาวชน สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร “บทลงโทษนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากอัตราโทษเดิม” อีกด้วย ปรากฏตามบทบัญญัติมาตรา 40/7

และด้วยการบังคับให้มีการตรวจสอบอายุ กฎหมายฉบับนี้ในมาตรา 37/1 จึงห้ามขายออนไลน์ หรือขายผ่านเครื่องขาย และการโฆษณาช่อดอก รวมถึงการโฆษณาเครื่องมือหรืออุปกรณ์การสูบกัญชา ตามบทบัญญัติมาตรา 28 เพื่อเป็นหลักประกันว่าการขายจะถูกควบคุมมิให้ไปกระทบต่อเด็ก เยาวชน สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร

นอกจากนั้น ผู้รับอนุญาต (ทำธุรกิจกัญชา กัญชง) รวมทั้งผู้จดแจ้ง (ปลูกเพื่อใช้ในครัวเรือน) ยังมี “หน้าที่” ตามบทบัญญัติมาตรา 20/5(6) และมาตรา 20/6(6) คือจะต้องมีหน้าที่ในการคุ้มครองบุคคลซึ่งอาจได้รับอันตรายจากการบริโภค กัญชา กัญชง หรือสารสกัด ซึ่งรวมถึงการคุ้มครองเยาวชน สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตรด้วย

และผู้จดแจ้งยังมีหน้าที่ตามมาตรา 20/5(2) ในการปลูกใช้ในครัวเรือนจะต้องจัดสถานที่เพาะปลูกให้มีมาตรการป้องกันมิให้เด็ก เยาวชน สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร เข้าถึงกัญชา กัญชง หากไม่ดำเนินการย่อมสามารถถูกเพิกถอนการจดแจ้งและการอนุญาตได้ทันที และหากมีการให้เด็ก เยาวชน สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตรใช้กัญชา ย่อมมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับเช่นกัน

นอกจากนั้น ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะปลูกได้ทั้งการขอจดแจ้งและการขออนุญาต และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีหากปลูกและขาย (รวมทั้งมีการจัดเก็บไว้)หรือให้โดยไม่ได้รับอนุญาตย่อมมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตามบทบัญญัติมาตรา 37/14

เป็นอันว่าข้อกล่าวหาที่ว่าเป็นกฎหมายดังกล่าวเป็นไปเพื่อส่งเสริมการนันทนาการของเยาวชนนั้นจึงเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น
ประการที่สอง นายสุทิน คลังแสง ยังยึดติดว่ากัญชาเป็นยาเสพติดร้ายแรง และคิดว่าการสูบคือความผิด [1]

งานวิจัยในปี 2554 เสนอผ่านวารสารการเสพติดยาและแอลกอฮอล์ Drug and Alcohol dependence เป็นงานวิจัยที่ศึกษากลุ่มประชากรขนาดใหญ่ โดยมีการสำรวจตัวอย่างผู้สูบบุหรี่ 15,918 คน, แอลกอฮอล์ 28,907 คน และกัญชาก็มีการสำรวจมากถึง 7,389 คน พบว่า นับตั้งแต่ใช้ครั้งแรกที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสจะเสพติดบุหรี่สูงสุด 67.5%, ครั้งแรกที่ดื่มเหล้ามีโอกาสติดเหล้าสูงสุด 22.7% และหากเสพกัญชาครั้งแรกจะมีโอกาสติดกัญชาสูงสุดเพียง 8.9% [2]


และเมื่อกัญชาเสพติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่ แต่ประเทศไทยกลับปล่อยให้เหล้าและบุหรี่สามารถขายได้ตามร้านค้าทั่วไปรวมถึงร้านสะดวกซื้อ ในขณะที่กัญชามีสรรพคุณทางยามหาศาล การตรากฎหมายทั้งการควบคุมและและบทลงโทษผู้ที่ให้กัญชาเป็นยาเสพติดที่รุนแรงกว่าเหล้าและบุหรี่จึงเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง

นอกจากนั้น คำว่า “นันทนาการ” แปลว่า กิจกรรมที่ทำในยามว่างเพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินและผ่อนคลายความตึงเครียด ไม่มีข้อความใดที่บ่งบอกถึงการกระทำความผิดหรือความเลวร้าย และไม่มีใครตั้งคำถามว่าดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่เพื่อนันทนาการนั้นเป็นความผิดหรือเลวร้ายอย่างไร

เมื่อประกอบกับเหตุผลที่ว่ากัญชาเสพติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่ หลายมลรัฐในสหรัฐอเมริกา แคนาดา เนเธอร์แลนด์ อุรุกวัย ออสเตรเลีย ฯลฯ ไม่เห็นว่าการนันทนาการเป็นความผิดหรือความเลวร้าย แต่ต้องมีการควบคุมให้เหมาะสมเท่านั้น

ประกอบกับความจริงที่ว่าในปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ใช้กัญชาทางการแพทย์ในการรักษาตัวเองจำนวนมากอย่างผิดกฎหมาย เนื่องด้วยแพทย์แผนปัจจุบันมีความคิดในการจ่ายยาให้กับผู้ป่วย ไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ป่วยที่ต้องการใช้กัญชา เช่น การบังคับให้ผู้ป่วยต้องใช้ยาอย่างอื่นก่อน การไม่จ่ายกัญชาเพราะมีการขัดกันแห่งผลประโยชน์กับบริษัทยาอีกหลายแห่ง ฯลฯ แต่ถึงกระนั้นการสำรวจของกระทรวงสาธารณสุขพบว่าผู้ป่วยที่ใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างผิดกฎหมาย (ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ที่ใช้กัญชาทางการแพทย์) มีความเห็นว่าได้รับประโยชน์ในคุณภาพชีวิตดีขึ้นจำนวนมาก


แต่การปล่อยให้ใช้กัญชาใต้ดินจำนวนมากนั้นก่อให้เกิดผลเสียหลายประการ เช่น การปนเปื้อนยาฆ่าแมลง การปนเปื้อนโลหะหนัก ดังนั้น การปลูกในครัวเรือนให้ประชาชนเป็นเจ้าของกัญชา คือ หนทางเดียวที่จะมีหลักประกันในการดูแลคุณภาพมิให้มีการปนเปื้อนสารพิษ ให้ดีกว่าพ่อค้ากัญชาตลาดมืด และสามารถมีกัญชาเป็นสมุนไพรรักษาตัวเองที่บ้านได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความจริงแล้วการสูบ เป็นกรรมวิธีหนึ่งของการแพทย์แผนไทย ดังปรากฏมาแล้วในตำรับยาสุดท้ายในพระคัมภีร์ชวดาร ในตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ [3], [4] และ ยังมีปรากฏในสำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ยืนยันว่า ยังมีสมุนไพรอื่นๆ ที่ใช้วิธีการสูบเป็นสมุนไพรเดี่ยว โดยไม่ต้องเป็นตำรับยาด้วย เช่น ลำโพง[3], [5], [6] ดอกปีบ[3], [7] ฯลฯ




โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “กัญชา” มีสรรพคุณตามการแพทย์แผนไทยที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนในพระคัมภีร์สรรพคุณเภสัช ว่า “กันชา แก้ไขผอมเหลือง หากำลังมิไ้ด้ ทำให้ตัวสั่นเสียงสั่น เป็นด้วยวาโยธาตุกำเริบ แก้นอนมิหลับ…” [8]

สำหรับผู้ที่ใช้การสูบกัญชาในการบำบัดรักษานั้นมีความแตกต่างจากการกิน คือ สามารถกะปริมาณยาที่เหมาะสมกับตัวเองเพราะออกฤทธิ์ภายใน 10 นาทีได้ ส่งผลทำให้บรรเทาอาการป่วยได้เร็วกว่า และรู้ตัวในการหยุดปริมาณการใช้ได้ดีกว่า ต่างจากการรับประทานที่ต้องรอการย่อยอีก 1 ชั่วโมง แต่ออกฤทธิ์ยาแรงกว่าการสูบ จึงเสี่ยงต่อรับยาเกินขนาดได้โดยไม่รู้ตัวกว่า การสูบกัญชาจึงไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป

หลักฐานประการหนึ่งที่ยืนยันได้ว่า การใช้กัญชาสามารถเป็นสมุนไพรในครัวเรือนได้ ใช้เป็นยาเดี่ยวได้และมีความปลอดภัย โดยไม่ต้องรอแพทย์หรือแพทย์แผนไทยนั้น ปรากฏตัวอย่างหลักฐานสำคัญตั้งแต่ 107 ปีที่แล้ว โดยพระยาแพทย์พงศาพิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) แพทย์ประจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ที่ได้เขียนตำรา “แพทย์ประจำบ้าน” พิมพ์ครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2458 สำหรับให้ชาวบ้านปลูกสมุนไพรและใช้ยาได้เองในส่วนของกัญชาในบ้าน ในตำราสรรพคุณยา ความว่า

“Tincture Cannabis Indica ทิงเจอร์ แคนนาบิส อินดิคา, เป็นน้ำยาสีเขียว ทำจากยอดกันชาโดยใช้แอลกอฮอล์กัด รับประทานได้ ๕ ถึง ๑๕ หยด เป็นยาสงบประสาท แก้ปวดและแก้เนื้อกระตุก แก้ลงท้องและปวดท้อง ใช้ในโรคสมองพิการ คลั่งเพ้อและโรคบิด ใช้ใบหั่นสูบในการรักษาหืดด้วย” [9]




จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมาธิการฯเสียงข้างมากจึงเลือกแนวทางในการให้ประชาชนได้มีโอกาสสามารถพึ่งพาตัวเองได้ด้วยการปลูกในครัวเรือน ลดการผูกขาดเอาไว้เฉพาะกลุ่มทุนแพทย์และกลุ่มทุนยา โดยมติเสียงข้างมากของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากเห็นว่าควรให้มีกัญชาปลูกในครัวเรือนได้ 15 ต้น เพื่อการพึ่งพาตัวเองในครัวเรือน

อีกทั้งยังมีการการควบคุมดูแลโดยการนำกฎหมายการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การควบคุมยาสูบ และพืชกระท่อม ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบในระดับการควบคุมจากสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาแล้ว จึงเพิ่มการควบคุมในระดับเดียวและไม่ต่ำกว่าการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และพืชกระท่อม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมาธิการฯหลายท่านได้เห็นกรณีศึกษาที่จังหวัดขอนแก่นและในต่างประเทศที่เลิกยาบ้าและกลับมาเป็นพลเมืองดีได้ด้วยกัญชา [10] และยังพบว่า หากมีการประยุกต์ใช้กัญชาอย่างเหมาะสม กัญชาจะเป็นสมุนไพรที่ช่วยลดการติดยาบ้าและการติดเหล้าในสังคมได้ด้วย ซึ่งจะนำไปสู่การลดอาชญากรรมดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในประเทศเนเธอร์แลนด์ [11]

ประการที่สาม นายสุทิน คลังแสง พรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่า กฎหมายเอื้อประโยชน์นายทุน เพราะชาวบ้านปลูกในบ้าน 15 ต้น แต่กลับขายไม่ได้จึงเป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนสูบ และมีค่าธรรมเนียมการปลูกแพงมากถึง 50,000 บาท จึงเป็นการเอื้อประโยชน์นายทุน ซึ่งเป็นความเท็จ [1]

สำหรับประเด็นนี้กรรมาธิการไม่เคยปิดกั้นเกษตรกรรายย่อย เพียงแต่แบ่งแยกการจดแจ้งสำหรับการปลูกเพื่อการพึ่งพาตัวเองในครัวเรือนไม่เกิน 15 ต้น แต่สำหรับการปลูกเพื่อการพาณิชย์หรือเพื่อเศรษฐกิจสามารถทำได้จะต้องมีการขออนุญาตทุกกรณี ส่วนค่าธรรมเนียม 50,000 บาท ดังที่ระบุในบัญชีแนบท้าย คือ “อัตราสูงสุด” สำหรับรายใหญ่ และสำหรับเกษตรกรรายย่อยสามารถปลูกกัญชา กัญชงไม่เกิน 5 ไร่ จะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม ซึ่งคณะกรรมาธิการได้บันทึกในเจตนารมณ์เอาไว้แล้วอย่างชัดเจน

การที่ระบุว่า เป็นการเอื้อประโยชน์นายทุนนั้นจึงเป็นเรื่องเท็จ เพราะถ้าเป็นการเอื้อประโยชน์นายทุนนั้นจะไม่มีทางให้ประชาชนสามารถปลูกได้ในครัวเรือนเพื่อการพึ่งพาตัวเองอย่างแน่นอน

ประการที่สี่ นายสุทิน คลังแสง กล่าวหาว่าการทำให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดจะไม่กระทบต่อเกษตรกรที่ปลูกกัญชา กัญชงไปแล้ว เพราะกฎหมายที่ให้โทษไม่สามารถย้อนหลังเอาผิดได้นั้น น่าจะไม่เป็นความจริงเพราะที่ปลูกกัญชากัญชงทั้งหมด จะมีโทษฐานครอบครองกัญชาทันที กัญชาในบ้านจะต้องถูกถอนทำลายทิ้ง ที่ปลูกเพื่อการขายก็ต้องถูกเผาทำลายให้หมดเช่นกัน ซึ่งจะสร้างความเสียหายอันใหญ่หลวงให้กับประชาชนและเกษตรกรอย่างไม่เป็นธรรม

ประการที่ห้า การที่ นายสุทิน คลังแสง อ้างว่า กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ยังคงใช้ในทางการแพทย์ได้เป็นตรรกะที่ย้อนแย้งกับพรรคเพื่อไทยเอง เพราะถ้าทำได้อย่างดี พรรคเพื่อไทยก็ไม่ควรเห็นชอบกับประมวลกฎหมายาเสพติดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 และ 24 สิงหาคม 2564 และไม่ควรเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2564 หากกัญชาใช้ทางการแพทย์ได้อยู่แล้ว

อีกทั้งการทำให้กัญชาเป็นยาเสพติด ก็ยังเป็นผลทำให้ผู้ที่ใช้กัญชาทางการแพทย์ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใต้ดินก็จะกลับมาเป็นอาชญากรเหมือนเดิม ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากสภาพความเป็นจริงได้

การกลับไปเป็นยาเสพติดอีกจึงเป็นข้อเสนอที่ไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริง ไม่เห็นใจในความเดือดร้อนของผู้ป่วยที่ใช้กัญชาทางการแพทย์ใต้ดินจำนวนมาก และยังมีผู้ปลูกกัญชา กัญชงเพื่อพึ่งพาตัวเองแล้ว หรือลงทุนกัญชา กัญชงไปแล้ว จะได้รับความเสียหายจากการตัดสินใจที่ไม่รอบด้านของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ประการที่เจ็ด คณะกรรมาธิการ ย่อมต้องน้อมรับความเห็นในเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร แต่สภาผู้แทนราษฎรก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเสียงข้างมากในกรรมาธิการเช่นกัน (ซึ่งขอย้ำว่าในกรรมาธิการไม่ใช่มีแต่พรรคภูมิใจไทย แต่มีทุกพรรคการเมืองและภาคประชาสังคม) แต่สุดท้ายทุกประเด็นที่มีความเห็นต่างโดยนายสุทิน คลังแสง และพรรคเพื่อไทยนั้นได้มีผู้แปรญัตติเอาไว้แล้วแทบทุกมาตรา (แม้แต่โฆษกก็ยังสงวนคำแปรญัตติบางมาตรา)

ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้ปลูกกัญชาในบ้านแม้แต่ต้นเดียว หรือต้องการให้กลับไปเป็นยาเสพติดอีก หรือต้องการให้กัญชาถูกผูกขาดเอาไว้เฉพาะกลุ่มทุนแพทย์และบริษัทยานั้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามารถลงมติเสียงข้างมากให้เป็นไปตามคณะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยได้ทันที ไม่มีความจำเป็นต้องประวิงเวลาใดๆ เลย

ขอแสดงความนับถือ
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
โฆษกและกรรมาธิการ
คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง พ.ศ….
สภาผู้แทนราษฎร
17 กันยายน 2565
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=626578792169158&id=100044511276276

[1] Voice TV, LIVE!, ส.ส.สุทิน คลังแสง แถลงข่าวข้อสงสัย ความสับสน และยืนยันจุดยืนพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับประเด็นกัญชา, 16 กันยายน 2565
https://youtu.be/a4hDZ8U_Hro

[2] Catalina Lopez-Quintero, et al, Probability and predictors of transition from first use to dependence on nicotine, alcohol, cannabis, and cocaine: Results of the National Epidemiologic Survey on Alcohol and Related Conditions (NESARC),Drug and Alcohol dependence, Volume 115, Issues 1-2, May 2011, Pages 120-130
https://www.sciencedirect.com/.../pii/S0376871610003753...

[3] ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, เปิดหลักฐาน “การสูบ” เป็นกรรมวิธีในการแพทย์แผนไทย, ผู้จัดการออนไลน์, เผยแพร่: 2 ก.ย. 2565 17:01 ปรับปรุง: 2 ก.ย. 2565 17:01
https://mgronline.com/daily/detail/9650000084430

[4] สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรม หายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ : ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, ๑,๐๒๕ หน้า องค์การค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๔, จำนวน ๓,๐๐๐ เล่ม, ISBN: ๙๗๘-๙๗๔-๐๑-๙๗๔๒-๓, หน้า ๕๖๕

[5] สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ลำโพงดอกขาว”
http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_08_11.htm

[6] มูลนิธิสุขภาพไทย, ลำโพง ยาบ้าที่ใช้เป็นยาดีแก้หอบหืด และริดสีดวงจมูก, เว็บไซต์มูลนิธิสุขภาพไทย เผยแพร่เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
https://www.thaihof.org/ลำโพง-ยาบ้าที่ใช้เป็นยา/

[7] สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ปีบ”
http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_08_2.htm

[8] คัมภีร์สรรพลักษณะสรรพคุณเล่ม ๒ เลขที่เอกสารตามหอสมุดแห่งชาติ ๑๐๔๖ ประเภทเอกสารโบราณ หนังสือสมุดไทยดำ, บันทึกผ่าน ชุดตำราภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ฉบับอนุรักษ์: ตำรับยาแผนไทยของชาติที่เข้าด้วยกัญชา, ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข, ๒๕๖๔ ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๑๑-๔๗๕๕-๖, หน้า ๓๔๐

[9] พระยาแพทย์พงศาพิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช), แพทย์ประจำบ้าน, พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๕๘ หน้า ๑๗๒

[10] ผศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์, บรรยายเสวนาเรื่อง การใช้กัญชาตามภูมิปัญญาไทย, ในงานมหกรรม “เดินหน้า…กัญชาเสรี แก้เจ็บแก้จน” และการอบรมเรื่อง การเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดีของพืชกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการส่งออก, ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพ, วันที่ 15 มิถุนายน 2565, Facebook กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข, คลิปวีดีโอชั่วโมงที่ 1:11:42 -1:12:60
https://www.facebook.com/dtam.moph/videos/760289735130337

[11] ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, กัญชา” กับ “เนเธอร์แลนด์โมเดล” ลดปัญหาอาชญากรรม “เรือนจำร้าง”จนต้องนำเข้านักโทษจากต่างประเทศ!?, ผู้จัดการออนไลน์, เผยแพร่: 1 ก.ค. 2565 17:15 ปรับปรุง: 1 ก.ค. 2565 17:15 น.
https://mgronline.com/daily/detail/9650000062568




กำลังโหลดความคิดเห็น