xs
xsm
sm
md
lg

“ส.ศิวรักษ์” โดน “เทพมนตรี” ฟาดกลับ ไม่น่าช่วยถวายฎีกา หลังอุ้ม “ปิยบุตร” “ดร.นิว” ยก 10 ข้อควรโดน 112

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ “ส.ศิวรักษ์” โดน “เทพมนตรี” ฟาดกลับ ไม่น่าช่วยถวายฎีกา ขอบคุณข้อมูล-ภาพ จากเว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย
ยังปากดี! “เทพมนตรี” ฟาดกลับ “ส.ศิวรักษ์” ตอนตัวเองโดน ม.112 ไม่สู้คดี โร่ถวายฎีกาขออภัยโทษ ลั่นไม่น่าช่วย หลังอุ้มปิยบุตร “ดร.นิว” ยก 10 ข้อ ควรโดนนานแล้ว “หมอวรงค์” ซัด ไม่จริง “ปฏิรูป” เพื่อรักษา “สถาบันฯ”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (17 มิ.ย. 65) เว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย โดย เมลอน โพสต์ประเด็น ส.ศิวรักษ์ โดดอุ้มปิยบุตร อ้างสถาบันฯต้องวิจารณ์ได้! โดน เทพมนตรี ฟาดกลับ ตอนตัวเองโดน ม.112 ไม่สู้คดี โร่ถวายฎีกาขออภัยโทษ

เนื้อหาระบุว่า จากกรณีที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ถูก สน.ดุสิต ออกหมายเรียกคดี ม.112 เผยเพิ่งโดนครั้งแรก ลั่นที่ผ่านมา ต้องการ “ปฏิรูปสถาบันฯ” ให้อยู่รอดปลอดภัย ท่ามกลางความท้าทายของยุคสมัย ไม่มีสักครั้งเดียวที่ต้องการเป็น “สาธารณรัฐ” ยันหยุดความคิดไม่ได้ จะเดินหน้ารณรงค์เรียกร้องต่อ ซึ่งกรณีนี้ ร้องทุกข์กล่าวโทษโดยนายเทพมนตรี ลิมปพยอม

ต่อมา นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ ได้โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า

“ถ้าคุณบอกว่า สถาบันกษัตริย์แตะต้องไม่ได้ ก็พังสิครับ ทุกอย่างต้องแตะได้ ต้องได้ ทุกอย่างต้องวิพากษ์วิจารณ์ได้

ทุกอย่างต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ เท่านั้นเอง

“พระมหากษัตริย์นั้น ถ้าเรายกย่องท่านเพียงไร ก็ต้องหาทางให้ท่านประกอบพระราชกรณียกิจ ทุกอย่างให้รัฐบาลรับผิดชอบแทน พระราชกรณียกิจต่างๆ ก็ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้”

ภาพ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ขอบคุณภาพ จากเว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย
จากนั้น นายเทพมนตรี ก็ได้แชร์โพสต์ดังกล่าว พร้อมกับระบุว่า แล้วเวลาที่ท่าน ส.โดน ทำไมโทร.มาขอร้องให้ผมช่วย ถ้าเก่งจริง ก็เดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแบบปิยบุตรเขาสิ หยุดพูดเถอะ ธรรมะไม่เคยช่วยขัดเกลาจิตใจ กลายเป็นตะแก่ขี้บ่นเสียเปล่า อุเบกขาครับ!

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 นายเทพมนตรี เคยออกมาแฉ กรณีที่เคยขอพระราชทานอภัยโทษ มาตรา 112 ให้กับ ส.ศิวรักษ์ โดยบอกว่า ส.ศิวรักษ์…. เนรคุณ อยากให้ทุกคนรู้ความจริง

ผมเป็นคนร่าง (ฎีกา) จดหมายขอพระราชทานอภัยโทษ มาตรา 112 ให้ ส.ศิวรักษ์ เอง ที่โดนคดีสมเด็จพระนเรศ เพราะปากดีที่ธรรมศาสตร์ ตอนแรกแกเขียนมาอ่านไม่รู้เรื่องใช้ราชาศัพท์ผิด เห็นคุยนักคุยหนาว่ารู้ขนบธรรมเนียม มันก็ขี้กรากตัวหนึ่ง ไม่รู้เรื่องอันใด

ผมเป็นคนแนะนำทุกขั้นตอนเสียด้วยซ้ำว่าจะปฏิบัติอย่างไร มหาดเล็กในพระที่เป็นพยานได้ จนให้มันหาโอกาสถวายฎีกาความทุกข์ส่วนตัวของมัน เมื่อเข้าเฝ้าฯ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ ที่พระที่นั่งอัมพร พระองค์ท่านมีเมตตามาก ถึงโปรดเกล้าฯให้เข้าเฝ้าฯเป็นการส่วนพระองค์ มีคนไทยสักกี่คนจะมีวาสนา ทรงให้พนักงานชาวที่นำเก้าอี้มาให้นั่งเกือบเสมอ เพราะเห็นว่าแก่ชรามากเดินเหินต้องใช้ไม้เท้า ทรงมีพระราชปฏิสันถารให้ความเป็นกันเอง และทรงให้งานสำคัญ 3 ชิ้น เพื่อถวายคำแนะนำพระองค์ท่าน

มันโคตรโชคดีเลยว่าไหม? ผมจึงสงสัยว่าทำไมมันถึงเนรคุณได้ถึงเพียงนี้ ใครจะนับถือมันก็นับถือไป แต่ผมไม่เอามันไว้ คนอกตัญญู โทร.มาหาผม แทบจะกราบเท้า อ้อนวอนขอความช่วยเหลือ ผมเห็นแก่ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ จึงช่วย แต่พอได้สมใจตนเองก็ไปอวดอ้างตน และไปเข้าข้างพวกที่ใส่ร้ายป้ายสี พวกที่จะล้มพระองค์ท่าน เป็นใครที่ได้เห็นได้รับรู้การกระทำแบบนี้จะเสียใจไหม ผมขอถามหน่อยเถอะ

มีความเป็นคนมากน้อยเพียงใดกัน มาวันนี้มันชัดแล้วไม่ต้องมาขอพระราชทานอภัยโทษอะไรอีก คนเยี่ยงนี้ตายไปก็มีแต่คนสาปแช่ง นรกขุมไหนเดาเอาเองครับ ขี้เกียจพูดแล้ว ผมเองรู้สึกผิดจริงๆ ที่ช่วยมันครับ

นอกจากนี้ วันนี้ นายเทพมนตรี ยังโพสต์เฟซบุ๊กว่า “ผมไม่ใช่นักร้อง แต่เอาจริง ยังมีอีกหลายตัว อย่าสะเออะมาลองดี สามกีบตั้งแต่แก่ใกล้ตาย มาจนถึงพวกอวดดีนมพึ่งตั้งพาน ต้องจบที่รุ่นเราครับ”

ภาพ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม ผู้ทุกข์กล่าวโทษ กรณีปิยบุตร โดน 112 ขอบคุณภาพ จากเว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย
“ข้ออ้างทางวิชาการ ถ้านำมาใช้กับผู้คนโดยส่วนรวม ควรคำนึงถึงคุณประโยชน์และคุณธรรม ข้อหลังนี้น้อยมากโดยเฉพาะหัวข้อวิทยานิพนธ์ทางประวัติศาสตร์และรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัย อันเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้เข้าโจมตีสถาบันฯได้”

“ข้าพเจ้าไม่ใช่นักกฎหมาย เป็นแต่ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ สังคมไทย ประเทศไทย มีสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่คู่แผ่นดินนี้เสมอ บรรพบุรุษ ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ ล้วนแล้วแต่รักในหลวง รักพระเจ้าแผ่นดิน สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”

ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ระบุว่า

ทำไมนายปิยบุตรสมควรโดน ม.112 ตั้งนานแล้ว?

1. นายปิยบุตร ถือแนวทางผิดของคณะราษฎร ซึ่งเป็นเผด็จการลัทธิรัฐธรรมนูญหลอกลวงประชาชน และได้ขัดขวางการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงมาโดยตลอด อีกทั้งคอยบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างบิดเบือน

2. นายปิยบุตร ถือแนวทางรุนแรง มีอนาธิปไตยเป็นข้อเสนอสูงสุด เพราะคอยชี้นำทางความคิดอย่างบิดเบือน สร้างแนวร่วมเพื่อปลุกระดมให้ลุกขึ้นสู้ มีแต่จะนำไปสู่ความแตกแยกและความรุนแรงในที่สุด

3. นายปิยบุตร แอบอ้างคำว่า “วิชาการ” ในการบิดเบือนให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื้อแท้ของเขาจึงไม่ใช่นักวิชาการแต่อย่างใด เพราะไม่เคารพหลักวิชา มีแต่การบิดเบือนตามอำเภอใจเท่านั้น

4. นายปิยบุตร ระมัดระวัง การแสดงความเห็น การเขียน การพูดของตัวเขาเอง เพื่อไม่ให้เข้าองค์ประกอบความผิด ม.112 แต่กลับคอยชี้นำทางความคิดให้คนอื่นออกหน้าทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเอง เป็นระยะเวลาเนิ่นนานมากกว่า 10 ปี

5. นายปิยบุตร ไม่ได้มีความปรารถนาดีต่อสังคมไทย เพราะชุดความคิดของเขาบิดเบือนสร้างความแตกแยก หากยังปล่อยให้คนอย่างนายปิยบุตรลอยนวลอยู่นอกคุกต่อไป ก็มีแต่จะยกระดับความรุนแรงไปสู่การก่อจลาจลและสงครามกลางเมืองในที่สุด

6. นายปิยบุตร ไม่ได้มีเจตนาที่ดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะคอยบิดเบือนให้ร้ายและปั่นกระแสชี้นำสร้างความเกลียดชังมาโดยตลอด

7. นายปิยบุตร เต็มไปด้วยความเห็นผิด จึงนำเสนอการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ของม็อบสามนิ้วที่ผิดหลักวิชา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2564 ว่า เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (Constitutional Monarchy)

8. นายปิยบุตร ไม่ได้แสดงความคิดเห็นที่ต้องการเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐโดยตรง แต่เขามักแสดงการฝักใฝ่ต่อความเป็นสาธารณรัฐ เขาจึงมักหยิบยกการปฏิวัติฝรั่งเศสที่ล้าหลังและป่าเถื่อนล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ขึ้นมาชี้นำในโอกาสต่างๆ อยู่เป็นประจำ

9. นายปิยบุตร ออกมาแก้ตัวด้วยการโกหกบิดเบือนว่า ไม่มีความเห็นใดของเขาที่หมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์

10. นายปิยบุตร เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของความเป็น #กบฏนิยมล้นเกิน ที่คอยแพร่พันธุ์เชื้อโรคทางความคิด อีกทั้งเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่ออำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ

ภาพ นพ.วรงค์ เดชกิจกรม จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นพ.วรงค์ เดชกิจกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า

#นายปิยบุตรเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า

นายปิยบุตร แถลงว่า ตนเองเป็นผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 และได้แถลงเรื่องนี้ ซึ่งมีประเด็นที่พวกเราควรทำความเข้าใจ

ประเด็นที่เขาบอกว่า สิ่งที่เขาเสนอ ไม่มีอะไร ที่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันนี้เราเข้าใจได้ เพราะแม้แต่คนฆ่าคนตาย ก็ยังปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่า

แต่มีประเด็นที่น่าสนใจ คล้ายกับว่า เราอยู่กันคนละมิติของความเป็นจริง นั่นคือประเด็น ที่เขาบอกว่า มีความจำเป็นต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เพื่อรักษาประชาธิปไตย และรักษาสถาบันกษัตริย์ให้ดำรงอยู่

ผมคิดว่าเรื่องนี้ มีรายละเอียดต้องพูดกันยาว เอาไว้ผมจะมาพูดในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ในโอกาสครบรอบ 90 ปี ที่คณะราษฎร ปล้นพระราชอำนาจ ชิงสุกก่อนห่าม

แต่สิ่งที่ต้องรีบทำความเข้าใจ นั่นคือ นายปิยบุตร ไปโยงได้อย่างไรว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ถึงต้องรีบปฏิรูปสถาบันฯ จึงจะรักษาประชาธิปไตย

ผมจึงอยากถามจริงๆ ว่า คำว่าประชาธิปไตย ที่เห็นพวกนักเลือกตั้ง เอามากอดแนบตัวเลย คืออะไรกันแน่ ผมเห็นมีแต่พวกอ้างว่า เป็นนักประชาธิปไตย แต่ชอบอ้างนั่นคือมาจากการเลือกตั้ง แล้วนำประชาชนมาอ้างในทุกเรื่อง

ทั้งๆ ที่มีการใช้เงินกันอย่างมากมาย มีการซื้อ ส.ส. บางครั้งก็ซื้อยกพรรค เข้ามาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ โกงแล้ว ถูกศาลตัดสินแล้วยังไม่สำนึก ยังกล้าออกกฎหมายนิรโทษ ให้ญาติตอนตีสามตีสี่ จนกลายเป็นเผด็จการรัฐสภา

มีการแจกกล้วยกันในสภา จนดูเป็นเรื่องปกติ พี่น้องชาวไร่ชาวนายังยากจน ถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่นักการเมือง นายทุนพรรคร่ำรวย ผมถึงอยากถามนายปิยบุตร ว่า ประชาธิปไตยที่คุณชอบอ้างมันคืออะไร ผลประโยชน์เป็นของนายทุนพรรค หรือของประชาชน

การที่นายปิยบุตรไปโยงเรื่อง ต้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อรักษาประชาธิปไตย จึงเป็นการเชื่อมโยง ที่ไม่มีแก่นสารทางวิชาการ นอกจากรับความคิดจากภรรยาชาวฝรั่งเศส จนเกิดอคติในจิต หรือฝักใฝ่ระบอบการปกครองแบบอื่น เพื่อไม่ต้องการให้มีสถาบัน

สิ่งที่นายปิยบุตรต้องเรียนรู้ วันนี้สังคมไทยและสังคมโลก เริ่มเรียนรู้แล้วว่า คำว่าประชาธิปไตย ที่พวกคุณเอามากอดไว้ฝ่ายเดียว มันกลายเป็นเครื่องมือ ของนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่สร้างหุ่นเชิด ที่หวังอำนาจและผลประโยชน์ ประเภทชังชาติขึ้นมาเป็นนอมินี และถูกครอบต่ออีกที

ระวังว่าพฤติกรรมของพวกท่านต่างหาก ที่จะผลักดันสังคมไทย จนไม่มีทางที่จะไปต่อ และวันนั้นประชาชน เขาจะลุกขึ้นมาจริงๆ จังๆ เพราะพิสูจน์แล้วว่า นักการเมืองก็พึ่งไม่ได้ ทหารก็พึ่งไม่ได้ เพราะถูกทุนสามานย์ และนักล่าต่างชาติครอบงำหมด เหลือแต่สถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น ที่เป็นที่พึ่งให้กับประชาชน

แน่นอน, สิ่งที่ “ปิยบุตร” จะต้องพิสูจน์ในศาล อาจไม่ใช่ สิ่งที่กำลังถกเถียงกันอยู่ก็เป็นได้ หากแต่เหนืออื่นใด คือ ปิยบุตร ทำผิด ม.112 จริงหรือไม่

เหมือนกับทุกคดี ไม่ว่า คดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า วิจารณ์วัคซีนรัฐบาล พาดพิงสถาบันฯ คดีแกนนำม็อบราษฎร และมวลชน จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯ ที่กำลังถูกฟ้องศาล

สิ่งที่จะต้องพิสูจน์กันในศาล ก็คือ ทำผิดจริงหรือไม่

ส่วนการนำเสนอเรื่อง “ปฏิรูปสถาบันฯ” เพื่อรักษาสถาบันฯ และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถ้าไม่ทำผิดกฎหมาย ป.อาญา ม.112 ต่อให้คดีขึ้นสู่ศาล ก็ทำอะไรไม่ได้

ดังนั้น การเอาเรื่องการทำผิด มาโยงกับ การคิดดีทำดีต่อสถาบันฯและประชาธิปไตย จึงทำให้มีข้อถกเถียงมากมายอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนี่คือ ความเห็นต่างของ “สองขั้วขัดแย้ง” ที่เป็นเส้นขนานอยู่ในเวลานี้


กำลังโหลดความคิดเห็น