ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
สาขาวิชาปัญญาและการวิเคราะห์ธุรกิจ
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
นายปิยบุตร แสงกนกกุลได้หมิ่นเหม่ และสุ่มเสี่ยงว่าจะ หมิ่นประมาทและดูหมิ่นพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยการบิดเบือนกฎหมาย ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
หนึ่ง ไม่ทรงทำตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
สอง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเข้ามาทรงใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน อันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
สาม นายปิยบุตรพยายามตั้งคำถามให้บุคคลทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดว่าพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปกครองประเทศไทยด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือไม่
ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งสามประการ เป็นข้อความอันเป็นเท็จ และนายปิยบุตรได้นำเสนอคลิปวีดีโอบรรยายและบทความในต่างกรรมต่างวาระดังนี้
1. สนามกฎหมาย EP14: การลงพระปรมาภิไธยและการลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ กรณีโครงการราชฑัณฑ์ปันสุข นายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้ไลฟ์สดผ่านแอปพลิเคชั่นเฟชบุ๊ก (Facebook live) ณ วันที่ 21 มกราคม 2564 https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/videos/902009270553522/
2. พระบรมราชโองการแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข 3 ฉบับไม่มีรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ https://www.facebook.com/2259969334286937/posts/2924138627870001/
3. สนามกฎหมาย EP.15 : 9 ปัญหาในทางกฎหมาย และ 1 คำถามสำคัญกรณีการลงพระปรมาภิไธยโดยไม่มีผู้รับสนองฯ โครงการราชทัณฑ์ปันสุข นายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้ไลฟ์สดผ่านแอปพลิเคชั่นเฟชบุ๊ก (Facebook live) ณ วันที่ 22 มกราคม 2564
https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/videos/253783179450745/
4. ประเทศไทยปกครองในระบอบใด? สมบูรณาญาสิทธิราชย์? หรือกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ? ณ วันที่ 25 มกราคม 2564
https://www.facebook.com/2259969334286937/posts/2926989124251618/
ทั้งนี้การไลฟ์สดของนายปิยบุตร แสงกนกกุล พยายามพูดโน้มน้าวให้คนฟังเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่เป็นความจริง
ความจริงแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งทรงสำเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับสอง จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จึงต้องถือว่าพระองค์ทรงเป็นนักกฎหมายโดยการศึกษา การที่นายปิยบุตร พูดดังกล่าวเป็นการใส่ความ ดูหมิ่น พระองค์ท่าน เพื่อให้ประชาชนหรือบุคคลอื่นที่ได้รับฟังเกลียดชัง จึงเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างร้ายแรง โดยขัดกับข้อเท็จจริงในรัฐธรรมนูญ 2560 ที่แยกราชการแผ่นดิน (Government Affair) ออกจากราชการในพระองค์ (Royal affair) อันเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 15 ซึ่งได้บัญญัติไว้ว่า
###########
การแต่งตั้งและการให้ข้าราชการในพระองค์พ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตาม พระราชอัธยาศัย
การจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ ให้เป็นไปตาม พระราชอัธยาศัยตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกา
###########
ในส่วนของราชการแผ่นดินต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการตามหลัก The king can do no wrong. ส่วนราชการในพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการอันเป็นพระราชอำนาจเต็มสมบูรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 182 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า
###########
บทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการอันเกี่ยวกับราชการแผนดิน ต้องมีรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ เว้นแต่ที่มีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในรัฐธรรมนูญ
###########
ข้อนี้เห็นได้ชัดว่าพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเข้าใจรัฐธรรมนูญอย่างถ่องแท้และทรงปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด จึงไม่โปรดให้มีผู้รับสนองพระบรมราชการในราชการในพระองค์
ทั้งนี้โครงการราชฑัณฑ์ปันสุข ไม่ได้เข้าไปจัดการในการบริหารราชการแผ่นดิน/ราชการปกครองแต่อย่างใด เป็นเพียงโครงการในพระองค์อันถือว่าเป็นราชการในพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวต้องการพระราชทานเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อช่วยชีวิตและยกระดับคุณภาพชีวิตของนักโทษในเรือนจำให้ดีขึ้นเท่านั้น ไม่ได้ทรงเข้าไปจัดการสิ่งอื่นใดอันเป็นราชการโดยปกติของกรมราชฑัณฑ์แม้แต่ประการเดียว
สิ่งที่นายปิยบุตรพยายามพูดและเขียนโน้มน้าวให้คนอ่านประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดว่าทรงเข้ามาใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงเป็นการไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง
ปัญหาเก้าประการและการตั้งคำถามตบท้ายว่าประเทศไทยปกครองด้วยระบอบใดนั้นของนายปิยบุตร ไม่สมเหตุสมผล และมีเจตนาที่จะทำให้ผู้อ่านผู้ฟังเคลือบแคลงสงสัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และองค์พระมหากษัตริย์
ทั้งนี้โครงการราชฑัณฑ์ปันสุขเป็นเรื่องส่วนพระองค์ไม่ใช่การบริหารราชการแผ่นดิน/ราชการปกครองใดๆ ทั้งสิ้น มิได้แตกต่างจากการที่บุคคลธรรมดาทั่วไปที่จะมีตำแหน่งในหน้าที่ราชการหรือไม่มีก็ตามรวมกันจัดตั้งกองกฐิน/ผ้าป่าเพื่อร่วมทำบุญ มีคนมาช่วยมาด้วยจิตอาสาใจสมัครมากมาย มีการตั้งรองประธานกรรมการ และกรรมการ มากมายได้เช่นกัน อาจจะตั้งเป็นสิบ-ยี่สิบสายก็ยังได้ ไม่ได้เป็นการใช้อำนาจทางปกครอง/บริหารราชการแผ่นดินแต่อย่างใด
การตอบปัญหาทั้ง 9 ข้อของนายปิยบุตรนั้นจึงไม่มีความจำเป็นเพราะไม่ใช่ราชการแผ่นดิน/ราชการปกครองอย่างแน่นอน แต่เป็นเรื่องของการบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นการส่วนพระองค์เท่านั้น คำถามทั้งแปดข้อที่เหลือจึงเป็นอันพับไปเพราะไม่เข้าข่ายของราชการแผ่นดิน/ราชการปกครอง แต่หน่วยราชการต่างๆ จะช่วยอำนวยความสะดวก จะทำงานถวายก็ย่อมได้ เช่นเดียวกันกับที่เวลาคนธรรมดาจะร่วมทำบุญในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ หน่วยราชการนั้นๆ ก็ย่อมต้องอำนวยความสะดวกให้ อันเป็นเรื่องปกติ
ดังนั้น เมื่อนำเหตุผลทั้งหมดมาประกอบกัน จึงพบว่าการกระทำของนายปิยบุตร มิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ และมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือ ติชมโดยสุจริต ซึ่งประชาชนได้ฟังการไลฟ์สด หรือได้อ่านข้อความที่นายปิยบุตรโพสต์ลงในแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กแล้ว ย่อมทำให้พระมหากษัตริย์ เสื่อมเสียพระเกียรติ เสื่อมเสียชื่อเสียง ทรงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง โดยมีเจตนาให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพสักการะ จนถึงขนาดล่วงละเมิดกฎหมายบ้านเมือง กระด้างกระเดื่อง ต้องการล้มล้างการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีวินิจฉัยลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ไว้แล้วนั้นและมีชื่อของนายปิยบุตรอยู่ในสำนวนฟ้องและเอกสารประกอบการฟ้อง
ทั้งนี้การกระทำของนายปิยบุตร แสงกนกกุล จึงเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 6 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า
###########
องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้
###########
เป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 49 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า
###########
บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้
ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้
ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ หรือไม่ดำเนินการภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ผู้ร้องขอจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้
การดำเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการตามวรรคหนึ่ง
###########
เป็นการกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า
###########
ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
###########
และเป็นการกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า
###########
ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
(๑) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย
(๒) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ
(๓) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
###########
และเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 วรรคสองและสาม ซึ่งบัญญัติไว้ว่า
###########
มาตรา 14 ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
(1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
(2) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา