โดนครั้งแรก! “ปิยบุตร” โพสต์ได้รับหมายเรียกคดี ม.112 ไม่หวั่น ลั่นเดินหน้า “ปฏิรูปสถาบันฯ” ต่อ “ดร.อานนท์” หัวเราะหนักมาก “ถูกปิดปาก” “สมศักดิ์ เจียม” เหน็บ ไหนว่าไม่ห้ามเสนอ “สร้างสรรค์” เอาจริงห้ามหมด
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (16 มิ.ย. 65) เว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย โดย เมลอน โพสต์ประเด็น ถึงคิวปิยบุตร! โดนหมายเรียกคดี ม.112 ครั้งแรก อ้างถูกปิดปาก จะเดินหน้า “ปฏิรูปสถาบันฯ” ต่อ!
โดยระบุว่า วันนี้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความ หัวข้อ เมื่อผมกลายเป็นผู้ต้องหาในความผิด 112
เนื้อหาระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ให้ผมไปพบ “คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน” เนื่องจากผมเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐาน “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์”
กรณีนี้ ร้องทุกข์กล่าวโทษโดย นายเทพมนตรี ลิมปพยอม ลงนามออกหมายเรียกโดย พ.ต.ท.พิชัย มีอัฐมั่น รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สน.ดุสิต หมายเรียกให้ผมไปพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในวันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน แต่เนื่องจากผมและทนายความติดภารกิจ จึงขอเลื่อนไปเป็นวันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน เวลา 10.00 น.
ผมนำเสนอความเห็นทางวิชาการ เขียน อภิปราย เกี่ยวกับประเด็นการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์และเสนอให้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ทั้งในระดับรัฐธรรมนูญและระดับพระราชบัญญัติมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ตั้งแต่สมัยยังเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนกระทั่งเข้าสู่แวดวงการเมือง ตลอดเวลามากกว่า 10 ปี จนถึงปัจจุบัน ไม่มีการแสดงความเห็น การเขียน การพูดของผมครั้งใดที่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างแน่นอน
ผมแสดงความเห็นในเรื่องเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ก็ด้วยจิตสำนึกและเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย เพื่อรักษาประชาธิปไตย และรักษาสถาบันกษัตริย์ให้ดำรงอยู่รอดปลอดภัยภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปกำลังเผชิญกับความท้าทายของยุคสมัย ไม่มีความเห็นใดของผมที่ต้องการเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ ไม่มีความเห็นใดของผมที่หมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ มีแต่ความเห็นที่ปรารถนาดีต่อสังคมไทย ต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่ทำให้ทุกคนทุกรุ่นทุกวัย ทุกความคิดเห็นที่แตกต่างกัน สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ โดยยังคงรักษาสถาบันกษัตริย์ไว้ได้ต่อไป
ตลอดชีวิตของผม ไม่เคยเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา จนกระทั่งเข้าสู่แวดวงการเมือง ก่อตั้งพรรคการเมือง ผมจึงได้เป็นผู้ต้องหาครั้งแรกในคดีดูหมิ่นศาล และความผิดอาญาทางคอมพิวเตอร์ และเป็นจำเลยครั้งแรกในคดีความผิดตาม พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะและความผิดฐาน “ยุยงปลุกปั่น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
ในส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นี่เป็นครั้งแรกที่ผมถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ กลายเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานนี้
ไม่ต้องคิดอย่างสลับซับซ้อนก็คงตอบได้ว่า สถานะผู้ต้องหาและจำเลยในคดีเหล่านี้ ผมได้มาก็เพราะสัมพันธ์กับบทบาททางการเมือง บรรดา “นักร้อง” Hyper Royalist/Ultra Royalist ฟ้องผมในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพราะต้องการหยุดไม่ให้ผมพูด แต่หยุดผมไม่ได้หรอกครับ ผมจะเดินหน้าแสดงความเห็นทางวิชาการ รณรงค์ข้อเสนอต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบ้นกษัตริย์ต่อไป เพื่อพิสูจน์ว่าความเห็นและข้อเสนอแบบผมต่างหากที่จะช่วยรักษาสถาบันกษัตริย์ให้อยู่รอดปลอดภัยในยุคปัจจุบัน
พฤติกรรมของพวกเขาต่างหากที่จะผลักดันสังคมไทยไปถึงทางตัน และไม่เป็นคุณต่อสถาบันกษัตริย์ ผมจะไปพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่ สน. ดุสิต ในวันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน นี้ เวลา 10.00 น. แล้วพบกันครับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ได้โพสต์ข้อความภายหลังเดินทางไปแจ้งความเอาผิดกับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่ สน.ดุสิต ระบุว่า “บันทึกการไปโรงพัก แจ้งความอาจารย์ปิยบุตร วันนี้ (17 พ.ย.) เวลา 11.00 น. ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต อันที่จริงเคยแจ้งมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้นำเอกสารและหลักฐานไปมอบให้พนักงานสอบสวน
ทั้งนี้ เมื่อได้อ่านบทบัญญัติมาตรา 50 ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุว่า บุคคลมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข บุคคลอย่างเราๆ จึงมีสิทธิกล่าวโทษผู้ที่ไม่รู้จักหน้าที่ความเป็นคนไทยที่ตราไว้ในบทบัญัติของรัฐธรรมนูญ
ผมได้รวบรวมหลักฐานอันเป็นหลักฐานชั้นต้นของอาจารย์ปิยบุตรที่เขียนขึ้นในทวิตเตอร์ ใน Facebook และในบล็อกคณะก้าวหน้า แม้ผมไม่ใช่นักกฎหมายเพราะเรียนมาทางประวัติศาสตร์ แต่ก็มีผู้รู้ทางกฎหมายได้เสนอแนวทางมาบ้างผมอ้างข้อบทในรัฐธรรมนูญที่ มาตรา 3-4 ที่ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพ ยกเว้นการละเมิดเรื่องความมั่นคง เมื่อเข้าไปดู ป.อาญา มาตรา 108 และ 112 มันน่าจะเข้าข่าย
มาตรา ๑๐๘ ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน ถ้าการกระทำนั้นมีลักษณะอันน่าจะเป็นอันตรายแก่พระชนม์ ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต ผู้ใดกระทำการใดอันเป็นการตระเตรียมเพื่อประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ หรือรู้ว่ามีผู้จะกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ กระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี (เสรีภาพตามมาตรา ๔ แห่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ได้รับความคุ้มครองและเสมอภาพกัน)
มาตรา ๑๑๒ ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี ดังนั้นครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกของอาจารย์ปิยบุตรที่จะโดนคดีจริง ๆ เสียที หวังว่าการกระทำของเขาจะได้รับการสนอง ผมขอไม่บอกอะไรมาก เพราะสั้นๆ กระชับๆ ครับ”
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ข้อความ พร้อมภาพข้อความที่ “ปิยบุตร” ระบุถูกฟ้องปิดปาก ว่า
“555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ลี้ภัย ม.112 ในฝรั่งเศส โพสต์ข้อความ พร้อมภาพประกอบเป็นโพสต์ของ “ปิยบุตร” ระบุว่า
“พวกรอยัลลิสต์คุยนักคุยหนาว่า 112 ไม่ได้ห้ามการอภิปราย นำเสนออย่างสร้างสรรค์ เอาเข้าจริง อะไรที่เสนอเกี่ยวกับ 112 ก็ห้ามหมด
https://www.facebook.com/100044282026811/posts/pfbid02juyGARQgeMT7ks1XpWTeeKNF3stTdWygYYBiBQ5Gj9Xbfc56AhvngVVAtzd8yjMcl”
แน่นอน, สิ่งที่น่าจับตามองก็คือ “หมอกฎหมาย จะตายเพราะ ม.112” หรือไม่ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า นายปิยบุตร เป็นอาจารย์กฎหมายชื่อดังจาก ม.ธรรมศาสตร์ และเป็นนักกฎหมายมือดีของอดีตพรรคอนาคตใหม่ และคณะก้าวหน้าในปัจจุบัน
แต่ที่ผ่านมา นายปิยบุตร ถูกมองว่า ในทางปฏิบัติไม่เก่งจริง เพราะเขาอาจมีส่วนในการทำให้อดีตพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ในฐานะที่เขาเป็นเลขาธิการพรรคในขณะนั้น ซึ่งเรื่องนี้ถือว่า ยังเป็นแค่เครื่องหมายคำถาม “?”
อย่างไรก็ตาม อย่างที่เจ้าตัวบอก เขานำเสนอผลงานทางวิชาการมานานกว่า 10 ปี ด้วยลีลาวาทกรรมที่ “หมิ่นเหม่” อย่างมากต่อการ “หมิ่นเบื้องสูง” แต่ก็เอาตัวรอดด้วยไหวพริบทางภาษา และการเล่นคำให้หลุดลอดช่องโหว่ของกฎหมายมาตลอด แม้เรื่องที่นำเสนอมีเป้าหมายอย่างไร รับรู้ได้ไม่ยากก็ตาม
จนกล่าวกันว่า เขาคือ ผู้นำทางความคิดที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของ ขบวนการ “3 นิ้ว” ผ่านงานวิชาการที่เขานำเสนอมาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ครั้งนี้จึงเป็นบทพิสูจน์อย่างสำคัญ ว่าเขาจะยังเอาตัวรอดไปได้ด้วยการต่อสู้ผ่านกระบวนการยุติธรรมหรือไม่
หรืออาจเป็นครั้งแรก ที่โดน ม.112 แล้วไม่รอด ก็นับว่าน่าติดตามอย่างยิ่ง