มีเหตุผลมากมายที่ทำให้ผู้คนมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ บางคนต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับอดีต บรรพบุรุษ หรือรากเหง้าของตัวเอง ขณะที่คนอื่นๆ อยากรู้เกี่ยวกับประเทศซึ่งพวกเขากำลังไปเยือน หรือต้องการเพลิดเพลินกับศิลปะและวัฒนธรรม
สำหรับบางคน พิพิธภัณฑ์เป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจที่เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ด้วยตาตนเองซึ่งจะสร้างความทรงจำตลอดชีวิต เป็นประสบการณ์ซึ่งหาที่อื่นไม่ได้ ทั้งยังเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาคนรุ่นใหม่ ไม่เพียงเท่านั้นพิพิธภัณฑ์ยังเป็นวิธีที่ดีในการใช้เวลาร่วมกันกับเพื่อนและครอบครัว
และถ้าพูดถึงพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยที่ควรค่าแก่การไปเยือนที่สุด แน่นอนว่าจะต้องมี “พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” จัดอยู่ในอันดับต้น ๆ
ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิมานเทเวศร์กับประตูวิเศษไชยศรี เป็นเวลา 10 ปีมาแล้วที่ พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ เปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือน
นับตั้งแต่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชดำริให้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ขึ้นเพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับผ้าไทยและประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายของคนไทย ทั้งยังเป็นสถานที่รวบรวมจัดเก็บรักษาผ้าไทยและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดแสดงงานหัตถศิลป์จากผ้าอันทรงคุณค่าของราชสำนักและผ้าพื้นเมืองต่าง ๆ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์การทอผ้าของไทยให้คงอยู่เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ
ประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ เริ่มต้นหน้าแรกเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2555 และเนื่องในวาระที่ดำเนินการมาครบ 10 ปี ในปีนี้ได้จัดให้มีกิจกรรมมากมายเพื่อเฉลิมฉลอง
ปิยวรา ทีขะระ เนตรน้อย ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ กล่าวว่า “พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ เปิดให้เข้าชมฟรี และจัดกิจกรรมนำชมนิทรรศการ โดยเจ้าหน้าที่บริการวิชาการ โดยเฉพาะในวันที่ 9 พฤษภาคม เปิดรอบนำชมพิเศษโดยภัณฑารักษ์ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมออนไลน์ ทั้งเกมตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ และเกมทายภาพฉลองพระองค์ของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเคยจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ
มีกิจกรรมบอกเล่าความรู้สึกที่มีต่อพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ รวมไปถึงสิ่งที่อยากให้พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ทำในอนาคตพร้อมลุ้นรับของรางวัลพิเศษ รวมทั้งโปรโมชั่นลดราคาสินค้าที่ผลิตโดยพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ และในเดือนสิงหาคมนี้ พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ จะมีกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 90 พรรษา รวมทั้งกิจกรรมส่งท้ายนิทรรศการ ด้วยพลังแห่งรัก และการเปิดห้องกิจกรรมปรับปรุงใหม่อย่างไม่เป็นทางการ ก่อนจัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการพร้อมกับนิทรรศการใหม่ในช่วงปลายปีนี้”
นิทรรศการ ด้วยพลังแห่งรัก (The Power of Love) ซึ่งจัดแสดงอยู่ในห้องจัดแสดง 1-2 ของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ที่กำลังจะบอกลาไปในเดือนสิงหาคมนี้ เป็นนิทรรศการที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 87 พรรษา เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจในด้านต่าง ๆ นับตั้งแต่ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมราชินี จัดแสดงฉลองพระองค์ พระกระเป๋าทรงถือ พระมาลา และพระพัชนี
ในขณะที่ ห้องจัดแสดง 3-4 จัดให้มีนิทรรศการ ผ้าบาติกในพระปิยมหาราช:สายสัมพันธ์สยามและชวา (A Royal Treasure: The Javanese Batik Collection of King Chulalongkorn of Siam) นิทรรศการนี้จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ในการเสด็จเยือนชวาทั้ง 3 ครั้ง และจัดแสดงผ้าบาติกสะสม ที่มีความโดดเด่นทั้งในแง่ความงดงามของศิลปะและองค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์การแต่งกายของชวา ทั้งยังมีวีดิทัศน์และภาพอธิบายขั้นตอนการทำผ้าบาติก นิทรรศการนี้มีการเปลี่ยนวัตถุจัดแสดงแล้วถึง 3 ครั้ง และยังเปิดให้เข้าชมจนถึงปีพ.ศ. 2566
นิทรรศการผ้าบาติกในสมเด็จพระปิยมหาราชที่เราจัดอยู่ในปัจจุบันเป็นที่พูดถึงเยอะ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ผ้าบาติกสะสมในรัชกาลที่ 5 เป็นผ้าหายาก แม้กระทั่งที่อินโดนีเซียเองก็ตามหาไม่ได้ เป็นคอลเลคชั่นที่พิเศษมาก หายากมาก สวยมาก ทั้งหมดที่พระองค์ท่านสะสมมีประมาณ 300 กว่าผืน เรานำมาจัดแสดงประมาณ 100 กว่าผืน นอกจากนี้เรายังมีหนังสือประกอบนิทรรศการซึ่งเป็นภาพถ่ายทั้งคอลเลคชั่นอีกด้วย”
ทุกนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ เป็นนิทรรศการหมุนเวียน “จะไม่มีนิทรรศการถาวร เพราะว่าผ้าต่าง ๆ มีระยะเวลาจำกัดในการนำมาจัดแสดง เพราะฉะนั้นเราเลยจะมีการเปลี่ยนเนื้อหาของนิทรรศการไปเรื่อย ๆ เพื่อเชิญชวนให้คนกลับมาชมพิพิธภัณฑ์อีก เราเปลี่ยนนิทรรศการเกือบทุกปี บางปีอาจจะเว้นไปบ้าง แต่จะมีการหมุนเวียนวัตถุจัดแสดงภายใจนิทรรศการแทน”
ตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมา นิทรรศการของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ได้การต้อนรับและประสบความสำเร็จอย่างมาก อาทิ นิทรรศการ งามสมบรมราชินีนาถ (Fit For a Queen: Her Majesty Queen Sirikit’s Creations by Balmain) ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 จัดแสดงฉลองพระองค์ที่ออกแบบโดย ปิแอร์ บัลแมง นักออกแบบชาวฝรั่งเศสผู้ดูแลการตัดเย็บฉลองพระองค์เป็นเวลากว่า 22 ปี ฉลองพระองค์ที่แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพในการเผยแพร่ความงามอันมีเอกลักษณ์ของผ้าจากภูมิปัญญาคนไทยและส่งเสริมผ้าไทยให้ชาวโลกรู้จัก ทำให้เกิดความนิยมสวมใส่ผ้าไทยอย่างกว้างขวางมาจนถึงปัจจุบัน
อีกหนึ่งนิทรรศการที่ตราตรึงในความทรงจำของคนจำนวนไม่น้อยคือ นิทรรศการ ของขวัญแห่งมิตรภาพ: ราชอาณาจักรไทยและสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2361-2561 เนื่องในโอกาสครบรอบ 200 ปีแห่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา รวบรวมวัตถุซึ่งไม่เคยจัดแสดงที่ใดมาก่อนจากสถาบันชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ของขวัญพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่จัดเก็บในสถาบันสมิธโซเนียน รวมถึงพระราชสาส์นที่จัดเก็บในองค์การบริหารจดหมายเหตุและบันทึกแห่งชาติ จดหมายของพระยาสุริยวงศ์มนตรี (ดิศ บุนนาค) และของขวัญพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงให้แก่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่นำมาจากหอสมุดประธานาธิบดี
งานของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ไม่ได้มีแค่การจัดนิทรรศการ ทว่ายังมีงานเบื้องหลังซึ่งคนส่วนใหญ่อาจไม่ได้รับรู้มากนัก อย่างเช่น การทำหน้าที่ของภัณฑารักษ์และงานด้านการศึกษา การจัดการและดูแลงานพิพิธภัณฑ์ เช่น การสืบค้นข้อมูล ทำการศึกษาเกี่ยวกับวัตถุ รวมถึงการสรรหาและคัดเลือกวัตถุเพื่อนำมาจัดแสดงและเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์ วางรูปแบบนิทรรศการและเรียบเรียงเนื้อหาเพื่อสื่อความหมายแก่ผู้เข้าชม ให้รับรู้และเข้าใจในคุณค่าของวัตถุและเรื่องราวที่นำมาจัดแสดง ทั้งนี้ยังมีส่วนในการวางแผนและจัดกิจกรรมด้านการศึกษาเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์และความรู้แก่ผู้เข้าชม
รวมไปถึงงานอนุรักษ์และงานทะเบียนซึ่งเป็นอีกหนึ่งพันธกิจของพิพิธภัณฑ์ โดยเจ้าหน้าที่อนุรักษ์และเจ้าหน้าที่ทะเบียนมีหน้าที่สงวนรักษาและจัดเก็บวัตถุในครอบครองของพิพิธภัณฑ์ โดยดูแลและจัดระบบการจัดเก็บวัตถุ ตั้งแต่การตรวจบันทึกสภาพและให้เลขทะเบียนวัตถุ ศึกษาประวัติและโครงสร้างของวัตถุร่วมกับภัณฑารักษ์ วางแผนกำหนดแนวทางในการจัดเก็บและป้องกันไม่ให้วัตถุเกิดการเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ตลอดจนอนุรักษ์ซ่อมแซมวัตถุที่ได้รับความเสียหาย
และวัตถุในครอบครองของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ทั้งหมดจัดเก็บรักษาไว้ในห้องคลัง โดยต้องผ่านการทำความสะอาดและกำจัดแมลงภายใต้อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส ให้เลขทะเบียนวัตถุ ตรวจสภาพ บันทึกภาพ และซ่อมแซมรักษาในกรณีที่มีการเสื่อมสภาพ โดยภายในห้องคลังมีระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้มีสภาพคงที่และเหมาะสมสำหรับการจัดเก็บวัตถุเพื่อรักษาสภาพ สำหรับวัตถุประเภทผ้า อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมอยู่ระหว่างร้อยละ 50-60
เป้าหมายของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ คือ การเป็นสถานที่สำหรับทุกคนในครอบครัว “บุคคลทุกเพศทุกวัยเข้ามาชมได้ เราฝันอยากให้พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ เป็นที่ ๆ พ่อแม่พาลูกมาหรือลูกพาพ่อแม่มา เราพยายามตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย ทั้งห้องนิทรรศการที่เหมาะสมกับคนทุกช่วงวัยแล้ว เรายังมีห้องกิจกรรมไว้สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่จะมาเรียนรู้กระบวนการทอผ้า อยากให้ทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วมกับพิพิธภัณฑ์ในทุกช่วงอายุ นอกเหนือจากนี้ ที่ผ่านมาเราพยายามพัฒนาคอนเทนต์ออนไลน์ให้เข้าถึงได้มากขึ้น
ตลอด 10 ปีที่ได้เปิดดำเนินการมา พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เป็นสถานที่ทำให้ผู้มาเยือนกลับไปพร้อมกับความทรงจำ ความรู้ และความเข้าใจที่ดีขึ้นในหลากหลายแง่มุม โดยทั้งหมดมี “ผ้า” เป็นสิ่งเชื่อมโยง และจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปในอนาคต
พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถตั้งอยู่ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิมานเทเวศร์กับประตูวิเศษไชยศรี เปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.30 น. ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมเวลา 15.30 น. อัตราค่าเข้าชมผู้ใหญ่: 150 บาท *ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป): 80 บาท *นักเรียน/นักศึกษา: 50 บาท *เด็กอายุ 12-18 ปี: 50 บาท *เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าชมฟรี (*โปรดแสดงบัตรประจำตัว) โทรศัพท์ 0 2225 9420 และ 0 2225 9530 โทรสาร 0 2225 9431 เว็บไซต์ www.qsmtthailand.org และ www.facebook.com/qsmtthailand