ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ฝ่ายแค้น” ล้มรัฐบาลไม่สำเร็จ “เถ้าแก่ดูไบ” ยึดสไตล์เอาแต่ได้
เปิดหัวไว้เปรี้ยงปร้าง แต่ลงท้ายไม่สมราคาคุย เวทีพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วาระแรก ที่ “ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น” โหมโรงว่า รอบนี้จะล้มคว่ำ “รัฐบาลลุงตู่” กันกลางสภา
ปรากฏ “เอวัง” ตั้งแต่ยังต้น เมื่อ “ส.ส.เอ๋ พระบาท” พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทรักธรรม ออกมายอมรับเสียงอ่อยว่า ยก “ทีมงานปัดเศษ” ไปพบ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อขอโควตา “กรรมาธิการงบประมาณ” ให้กับกลุ่มพรรคเล็ก ซึ่งนายกฯก็ “เซย์เยส” ตอบรับเป็นที่เรียบร้อย ทางกลุ่มพรรคเล็กก็เลยจะลงมติรับหลักการ ต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 66 ในวาระแรก
ไม่เท่านั้น ดีลล่วงหน้าไปถึง “ศึกซักฟอก” อภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะเน้นล่อเป้ารัฐมนตรีบางคน ไม่แตะต้องตัวนายกฯ อีกต่างหาก
ปัดโธ่! ที่แท้ที่ออกมาแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ ก็แค่สร้างราคาต่อรองเท่านั้น!!
ทำเอาฝ่ายรัฐบาลสบายใจเฉิบ ไม่ทันเบิก “กล้วย” ออกจากสวน เพราะหากไร้เสียงพรรคเล็ก-ส.ส.ปัดเศษ ยกมือให้ตาย ก็ไม่มีทางแพ้ฝ่ายค้าน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 66 คงผ่านฉลุย ไม่ต้องลุ้นให้เสียว แถมนี่มีดีลล่วงหน้าไปถึงศึกซักฟอกนู่น
กลับกัน “ฝ่ายแค้น-ฝ่ายค้าน” คงเซ็งไม่น้อย โดยเฉพาะฝ่ายแค้นอย่าง “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ที่หมายมั่นปั้นมือจะกลับมาแจ้งเกิดได้ หากล้ม “นายกฯตู่” สำเร็จ
ส่วนแกนนำฝ่ายค้านอย่าง “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย อุตส่าห์ “บ้าจี้” ออกมติพรรคร่วมฝ่ายค้านโหวต “คว่ำ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ตั้งแต่วาระแรก ทั้งที่ไม่เคยมีใครเขาทำกัน แต่ก็คงบ่นได้เต็มปาก เพราะไม่ได้ลงทุน-ลงแรง อะไรกับเขา
อารมณ์ “เผื่อฟลุ๊ก” หากโค่น “พี่น้อง 3 ป.” ได้ ก็มีสิทธิกลับมายึดคืนอำนาจรัฐ ด้วยความที่ได้เปรียบในสนามเลือกตั้งมากที่สุด
ตามคิวที่ห้อยโหนกระแส “จารย์ทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ชนะขาดสนามผู้ว่าฯ กทม. จน ส.ก.เพื่อไทย ได้อานิสงส์ มาตั้ง 20 ที่นั่ง กะว่าจะต่อยอดมาถึงการเมืองใหญ่ ไล่ถลุง “รัฐบาลประยุทธ์” ที่ตุปัดตุเป๋ ให้ร่วงคาสภา จนต้องตัดสินใจลาออกหรือยุบสภา
ฝันหวานว่า เลือกตั้งวันนี้วันพรุ่ง “เพื่อไทยแลนด์สไลด์” แน่นอน
ทว่า พรรคเพื่อไทย ก็เอาแต่ “กินแรงเพื่อน” นั่งบนภู ดูผู้กองเดินเกม รู้ทั้งรู้เสียงในสภา แค่ก๊วนเพื่อไทย-ก้าวไกล-เสรีรวมไทย สู้ไม่ได้ ต้องใช้กล้วยแลกเสียง แต่ก็ไม่คิดลงขัน “สวนกล้วย” ปล่อย “ธรรมนัส” เดินโดดเดี่ยว โร่หากล้วย ปล่อยของคนเดียว
ซ้ำร้ายยังไม่ล้อมคอกบ้านตัวเองให้ดี จน “งูเห่าเพื่อไทย” เพ่นพ่านไปหมด ถึงจังหวะได้-เสีย มี ส.ส.เพื่อไทย 4-5 คน ไม่มาตามนัด พลิกข้างย้ายขั้ว โหวตสวนฝ่ายค้าน เกมก็พลิกเข้าทางรัฐบาลไปอีก
กลายเป็นว่า การเมืองเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่พรรคใหญ่อย่าง “เพื่อไทย” ทำตัวไม่สมเป็น “พี่ใหญ่” ปล่อยให้ “ธรรมนัส-พรรคเล็ก” ร้องแรกแหกกระเฌอ แต่หน่วยเหนือไม่ส่งกำลังไปสนับสนุน ทั้งๆ ที่หากเข้าเป้า แจ็กพอตแตก ตัวเองได้ประโยชน์มากที่สุดแท้ๆ
ใครก็รู้ว่า “เถ้าแก่ดูไบ” อู้ฟู่เงินถุงเงินถังแค่ไหน ล่าสุด โฉบมากินลูกชิ้นปลาที่สิงคโปร์ ตามประสาเศรษฐีมีกะตังค์ มี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็ก หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จับเครื่องไปโซ้ยเป็นเพื่อน
หันไปดูในพรรค ส.ส.หัวหงอกหัวดำ อยู่ตามมีตามเกิด อดอยากปากแห้ง ไม่แปลกที่กลายเป็น “ตลาดผู้แทนฯ” ให้คนอื่นมาไล่ชอป-ไล่ดูด แล้ว “นายใหญ่” ก็คอยด้อยค่า ตลบหลังด่า “หมาในบ้าน-โสเภณีขายตัว” เท่านั้น
หลงลืมเรื่อง “ศักดิ์ศรีความเป็นคน” ตราหน้าทุกคนเป็น “ลูกจ้าง” สั่งหันซ้าย-หันขวา ใครไม่ทำตาม ก็สาปส่ง ไม่เห็นความดีความงามในอดีต
อย่างหมาดๆ “เก่ง” การุณ โหสกุล ส.ส.ดอนเมือง เป็นตัวอย่าง โดนกดดันบีบคั้นแทบไม่มีที่เดินในพรรค ทั้งที่ออกตัวเพื่อต้นสังกัด-เจ้านาย จนโดนตราหน้า “ส.ส.อันธพาล” ติดตัวมาตลอด
พอไประบายผ่านเฟซบุ๊ก ปรากฏแทนที่จะจับเข่าคุย ถามเรื่องอึดอัดใจ หาทางออก แต่กลับยัดข้อหาใกล้ชิด “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ไล่ตะเพิดกันซึ่งหน้า
อีกหลายรายโดนหนักกว่า “เสี่ยเก่ง” ชะตากรรมต้องติดคุก ติดตาราง ไร้คนเหลียวแล เห็นชัดกับรายของ “บุญทรง เตริยาภิรมย์ - ภูมิ สาระพล” เหยื่อคดีโกงจำนำข้าว ขณะที่เจ้านายอย่าง “นายกฯปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีไปเสวยสุขอยู่เมืองนอก
บรรดาแกนนำเสื้อแดงรู้ดี “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ - “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ - นพ.เหวง โตจิราการ - จรัล ดิษฐาอภิชัย - นิสิต สินธุไพร ต่างติดคุกกันมาหลายรอบ อีกหลายคนก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุน กลับไม่เคยได้เครดิต หรือน้ำใจจาก “นายใหญ่เสื้อแดง” แม้แต่น้อย
พอเห็นว่าใกล้เลือกตั้ง เห็นว่า คนเสื้อแดงเริ่มแตกระแหง ไปคนละทางสองทาง ก็เลยเอาสีแดงมาฉาบเคลือบพรรคเพื่อไทย “อุ๊งอิ๊ง” ขึ้นเวทีไปอ้อนหาเสียง ทั้งที่ไม่เคยร่วมต่อสู้ หรือมีหัวจิตหัวใจคนเสื้อแดงมาก่อน
ยามนี้หนักสุด ไม่พ้น “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.คุณภาพที่ทุกฝ่ายยอมรับ ได้โอกาสขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ผู้นำฝ่ายค้านในสภา ก็นึกว่าอุ้มชูหนุนส่งไปตลอดรอดฝั่ง กลับเอา “ลูกอิ๊ง” ขึ้นมาปาดหน้า สวมตอ รอเป็นแคนดิเดตนายกฯ ลงเลือกตั้งหน้า ที่ตั้งเป้าจะแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน
คนอื่นเหนื่อยกันไป ลูกน้องสู้ให้ตาย ส่วนตัวเอาแต่ได้ ตามสไตล์ “เถ้าแก่ดูไบ”
**เปิดตัวทีมงาน “ชัชชาติ” พร้อมคำมั่นสัญญา จะทำงานให้ดีที่สุด ไม่ทำให้ผิดหวัง
เมื่อได้รับการรับรองผลการเลือกตั้งจาก กกต.เป็นที่เรียบร้อย “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าฯ กทม.คนที่ 17 ก็ได้ฤกษ์ เข้าศาลาว่าการ กทม. เพื่อรับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.อย่างเป็นทางการ เมื่อเวลา 13.19 น. วานนี้ (1 มิ.ย.) ... แค่ไปถึงก็มีแต่เสียงเฮต้อนรับกันอย่างคึกคัก
อันดับแรก ก็ทำการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการ กทม. เอาฤกษ์เอาชัย ช่วงเข้าศาลาว่าการ ยังถือเคล็ดด้วยการก้าวเท้าขวาขึ้นบนบันได นัยว่าจะทำให้การทำงานราบรื่น ประสบผลสำเร็จ
หลังมีพิธีส่งมอบงานจาก “ขจิต ชัชวานิชย” ปลัด กทม. เรียบร้อยแล้ว “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ก็เริ่มงานด้วยการเซ็นคำสั่งตั้ง 4 รองผู้ว่าฯ กทม. และคณะที่ปรึกษา...โดยรองผู้ว่าฯ กทม. ประกอบด้วย
1. “รศ. ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล” อดีตรองอธิการบดี จุฬาฯ และอาจารย์ภาควิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ เคยดำรงตำแหน่ง ผอ.สถาบันทรัพย์สินทางปัญญาแห่งจุฬาฯ, ผู้ช่วยอธิการบดี ด้านบริหารระบบกายภาพ จุฬาฯ, ผู้ช่วยอธิการบดีด้านพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จุฬาฯ
2 .“จักกพันธุ์ ผิวงาม” อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ของ “อดีตผู้ว่าฯ อัศวิน ขวัญเมือง” ที่ถือว่าเป็น “ลูกหม้อ กทม.” เริ่มรับราชการจากการเป็นนักสถิติ 3-5 งานวิจัยทางผังเมือง ไต่ระดับเรื่อยมา ได้เป็นหัวหน้าสำนักงานเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. เป็น ผอ.เขตบางกอกใหญ่ เขตจอมทอง จตุจักร ทวีวัฒนา และเกษียณอายุราชการในตำแหน่งรองปลัด แล้วถูก “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯ กทม. จาก ม.44 ทาบทามให้มาดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ
ส่วนที่ตัดสินใจมาเป็น รองผู้ว่าฯในยุค “ชัชชาติ” เพราะเห็นว่า ถ้ากรุงเทพมหานคร การบริหารมีความอิสระ ก็มั่นใจว่าการทำงานจะก่อให้เกิดการพัฒนาขึ้นอีกมากมาย... อีกอย่างเห็นว่า “ชัชชาติ” เป็นคนเก่ง คนดี มีความสามารถที่มั่นใจได้ว่า จะสามารถพัฒนากรุงเทพฯได้ จึงมาร่วมงานด้วยความยินดี
3. “ดร.ทวิดา กมลเวชช” คณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ผู้มีดีกรีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติ และภาวะฉุกเฉิน เป็นอาจารย์ประจำสาขาบริหารรัฐกิจ คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ มาตั้งแต่ปี 2541 นอกจากนั้น ยังเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการความเสี่ยง รวมถึงการจัดการภัยพิบัติ ทั้งไทย และองค์กรระหว่างประเทศทั่วโลก ...ครั้งนี้จะมาดูแลงานด้านภัยพิบัติให้คนกรุง
4. “ศานนท์ หวังสร้างบุญ” คนหนุ่มที่ปัจจุบันอายุเพียง 33 ปี จบวิศวกรรมอุตสาหการ จากจุฬาฯ เคยเป็นอดีตนายกสโมสรนิสิต พ.ศ. 2553 เคยเป็นวิศวกรประจำภายในโรงงานประมาณ 5 ปี มีบทบาทในการเคลื่อนไหวเพื่อสังคมมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะการต่อสู่เพื่อคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนเมือง ประสบชะตากรรมจากแนวนโยบายภาครัฐ อาทิ ‘ชุมชนป้อมมหากาฬ’
เป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Trawell และเจ้าของกิจการ Once Again Hostel ย่านประตูผี และ Luk Hostel ย่านเยาวราช และ Locall.bkk แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ร้านอาหารบริเวณ 3 ย่านเสาชิงช้า-ประตูผี ย่านเยาวราช ย่านนางลิ้นจี่ เป็นต้น ซึ่งรองผู้ว่าฯคนนี้จะมาดูแลงานด้านสังคม และการศึกษา
นอกจากนี้ ทีมงานของ “ชัชชาติ” ยังมีคณะที่ปรึกษา ประกอบด้วย “ต่อศักดิ์ โชติมงคล” เป็นประธานที่ปรึกษา, ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์, พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก, พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์, พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี, ดร.วิลาวัลย์ ธรรมชาติ, นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี, นายภาณุมาศ สุขอัมพร และ นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์
โดยมี “ภิมุข สิมะโรจน์” เป็นเลขานุการ ผู้ว่าฯ กทม. และ “เอกวรัญญู อัมระปาล” เป็นโฆษก กทม.
สำหรับงานเร่งด่วนที่จะต้องทำทันที คือ 1. แก้ปัญหาน้ำท่วม 2. ความปลอดภัยทางถนนและทางม้าลาย 3. หาบเร่แผงลอยที่ยังคงนโยบายเดิม เพียงต้องหาข้อสรุปจุดที่สมดุล และ 4. สัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว จะเชิญบริษัท กรุงเทพธนาคม (เคที) มาชี้แจงในวันนี้ (2 มิ.ย.)
สุดท้าย “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” สัญญากับคนกรุงเทพฯ จะทำงานให้ดีที่สุด ไม่ทำให้ผิดหวัง!!