ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ขอบคุณ “พี่ศรี” ความใจกว้างของ “ชัชชาติ” สยบดรามา แต่งานนี้ชาวเน็ตไม่ขอเป็น “ไส้เดือน-กิ้งกือ” ไล่เช็กบิล
ในที่สุด คณะกรรมการเลือกตั้ง ก็มีมติรับรอง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เป็นผู้ว่าฯ กทม. คนที่ 17 หลังจากทำเอาแฟนคลับและกองเชียร์อึดอัดขัดข้องใจ ลุ้นมาระยะหนึ่ง โดยเมื่อทราบผลบรรดาชาวเน็ต แห่แหนแสดงความยินดีกับ “ชัชชาติ” ส่งผลผลักดันให้ แฮชแท็ก “#ผู้ว่า กทม.” เป็นกระแสร้อนในโลกออนไลน์
ขณะที่ในฟาก “นักร้อง” ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ผู้ยื่นร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบ “ชัชชาติ” จนกลายเป็นประเด็นให้ กกต.ต้องใช้เวลาตรวจสอบ ช่วงก่อนผลมติ กกต.จะออก ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า “บ่ายวันนี้ ได้ข่าวจะมีคน กทม. 1.38 ล้านคน ดิ้นชัก ดิ้นงอ เป็นไส้เดือนกิ้งกือบนกองขี้เถ้าไฟ ไม่รู้ว่าจะเฮ หรือ โฮ” ซึ่งแน่นอนว่า ได้กลายเป็นดรามา มีรถทัวร์แห่แหนมาลงที่นักร้องดังกันมากหน้าหลายตา
หนึ่งในนั้นมี “เฮียชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาโพสต์ฟาด “พี่ศรี” ว่า “เมื่อประชาชนคนกรุงเทพฯ 1.38 ล้านคน ลงคะแนนเลือกผู้ว่าฯ กทม. เพื่อสิ่งที่ดีกว่า แต่คนอย่างศรีสุวรรณ ดูถูกว่าเป็น “ไส้เดือนกิ้งกือ บนกองขี้เถ้าไฟ” สะใจเหลือเกินกับสิ่งที่ตัวเองทำไป ดี๊ด๊าเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ คิดว่า 1 เสียงร้องของตัวเอง จะเอาชนะเสียงของประชาชนได้ คุณดูถูกคนลงคะแนนเกินไปแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
ดรามานี้กระตุ้นให้เกิดกระแสเอาคืน “พี่ศรี” เรียกร้องให้ชาวโซเชียลฯ ลงชื่อถอดถอน ศรีสุวรรณ ออกจากตำแหน่งสมาคมฯของเขาบ้าง ฟังว่า มีชาวเน็ตไม่น้อยร่วมลงชื่อ
อย่ากระนั้นเลย นักร้องดังไม่ยอมให้ฟาดฝ่ายเดียว โดยได้ออกมาเคลื่อนไหวบอกว่า ที่โพสต์ว่า อาจมีคนออกมาดิ้นเป็นไส้เดือน กิ้งกือ เพื่อเตือนสติแฟนคลับของ “ชัชชาติ” เพราะมองว่า กกต. ปฏิบัติหน้าที่ไปตามระเบียบและกรอบระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งตอนนี้ผ่านไปไม่ถึง 10 วัน ก็อยากตั้งคำถามกับสังคม ว่า ทำไมต้องตีโพยตีพาย หรือชักดิ้นชักงอ จะมาเรียกร้องให้ กกต. รับรองได้อย่างไร ในเมื่อมีคำร้อง อย่างน้อย 2 คำร้อง ที่รอการตรวจสอบ
“พี่ศรี” ยังแซะ แฟนคลับชัชชาติ อีกว่า ไม่ได้เป็นแฟนคลับธรรมดา แต่ถึงขั้นลุ่มหลงจนสามารถทำอะไรก็ได้ หากลองดูจะพบว่า ชัชชาติ ก็ชนะเลือกตั้งอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องรอขั้นตอนของ กกต.ให้สมบูรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่การเลือกตั้งระดับชาติ หรือระดับท้องถิ่น จะมีกรอบระยะเวลาที่ต้องหารือถึงการรับรองผล
งานนี้ ต้องยอมรับว่า ต่างฝ่ายต่างแรง แต่เหตุและผลดรามาก่อนจะขยายไปกันใหญ่ ก็ถูกคลี่คลายดด้วยถ้อยคำของผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่
“ชัชชาติ” ให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่ย่านแฟลตดินแดง ภายหลัง กกต. ประกาศรับรอง ว่า ขอบพระคุณประชาชนทุกคนสำหรับทุกคะแนนเสียงที่ให้มา ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้สมัครทั้ง 31 คน เราพร้อมที่จะเริ่มก้าวเดินต่อไปแล้ว และจะเป็นผู้ว่าฯของทุกคน ดูแลทุกคนเหมือนกัน ไม่ว่าจะมีความคิดแตกต่างกันอย่างไร
ช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นบทพิสูจน์ที่ดีว่า กรุงเทพฯ มีความหวัง ประชาชนไม่ได้สนใจว่าอยู่พรรคไหน แต่เขาอยากได้ชีวิตที่ดีขึ้น เมืองที่มีความหวังขึ้นซึ่งเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญ เป็นนิมิตหมายที่ดีว่า ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน เชื่อว่า จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีและมีพลังจากการร่วมมือของทุกคน
“ขอบคุณทุกท่านที่ตรวจสอบ ทำให้เรายิ่งสง่างามขึ้นด้วยซ้ำ ไม่มีการซูเอี๋ยกัน ตรวจสอบเต็มที่ ขอบคุณ ศรีสุวรรณ ขอบคุณ กกต. ที่ดำเนินการตามขั้นตอน ขอให้กระบวนการดำเนินไปตามขั้นตอน ไม่มีการเร่งรัด ยิ่งตรวจสอบ เราก็ยิ่งมีความชอบธรรมมากขึ้น ผมว่านั่นคือความสวยงาม ดีกว่าไม่มีการตรวจสอบ”
นี่ก็เป็นความใจกว้างของ “ชัชชาติ” ที่น่าชื่นชม สยบไฟดรามา ได้ใจคน กทม.ไปอีกหนึ่งกระบุง
**ถกงบฯ 66 “บิ๊กตู่” รับหน้าที่ตอบโต้ในสภา งัดลีลาเชือดเฉือนจนคนแดนไกลสะดุ้งโหยง
การพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 1 เริ่มแล้ว โดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ชี้แจงหลักการ และกรอบการจัดทำ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ เพื่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ หลังเจอทั้งปัญหาโควิด และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ประสบปัญหาเงินเฟ้อ ราคาพลังงาน และอาหารสูงมาก แต่รัฐบาลก็ยึดตามกรอบ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และการใช้หนี้เงินกู้
หลัง “บิ๊กตู่” ชี้แจงเปิดหัว ทาง “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภา ก็เริ่มเปิดวาทกรรมโจมตี ว่า เป็นการจัดงบฯแบบ “สิ้นหวัง” ประเทศขาดโอกาส ประชาชนขาดความหวัง มีแต่เอื้อประโยชน์พวกพ้อง ฉะนั้น จะปล่อยนายกฯคนนี้ บริหารประเทศต่อไปไม่ได้... ต้องคว่ำงบฯ 66 ให้มันตกไปพร้อมกับรัฐบาล เพราะถ้างบฯไม่ผ่าน นายกฯต้องยุบสภา หรือลาออก แล้วเราจะได้เปลี่ยนรัฐบาลกันใหม่ ประชาชนจะได้มีความสุขอย่างแท้จริง
เจอโจมตีกันซึ่งหน้าแบบนี้ “บิ๊กตู่” ก็ใช้สิทธิพาดพิงตอบโต้ทันที ว่า รัฐบาลนี้จัดงบฯโดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชนในพื้นที่ มีการกระจายอย่างทั่วถึง ไม่ใช่นึกจะให้ใครก็ให้ ... ไม่เหมือนสมัยก่อนที่จัดให้เฉพาะพื้นที่ที่เลือกตนเอง แถมมีการประกาศว่า ถ้าไม่เลือก ก็ไม่ให้ !!
ส่วนเรื่องส่อโกงต่างๆ ก็ไปพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีหลักฐานก็ฟ้องร้องกันไป แล้วก็ขอให้ย้อนกลับไปดูด้วยว่า เกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลก่อนหน้านี้ มีติดคุก มีหนีคดีหรือไม่
แบบว่าฝนตกที่สภาเกียกกาย แต่หนาวไปถึงคนแดนไกลที่อยู่ดูไบ !!
ต่อมา “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ตั้งฉายางบฯ 66 ว่าเป็น “งบฯช้างป่วย” ไม่ตอบสนองวิกฤตชาติที่กำลังเผชิญอยู่ จากเรื่องรายได้ไม่พอกับรายจ่าย การเก็บภาษีไม่เป็นไปตามเป้า มีแต่ต้องกู้เพิ่ม ภาวะเงินเฟ้อที่สูง ทำให้ภาระเงินกู้สูงขึ้นด้วย แล้วงบฯส่วนใหญ่ก็ถูกเอาไปใช้เป็น เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ข้าราชการ ... นี่คือปัญหาของ “ช้างป่วย” ที่ปรับตัวไม่ได้ ขืนปล่อยไว้ แล้วประเทศจะพัฒนาได้อย่างไร
จากนั้นคนที่ลุกขึ้นมาตอบโต้ “พิธา” ก็คือ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า งบฯ 66 นั้น เปรียบเป็นสายฝน พร่างพรม โปรยปรายทั่วทั้งแผ่นดิน อำนวยความสดชื่นมีชีวิตชีวาให้กับประชาชนทั้งแผ่นดิน แต่ฝ่ายค้านก็พยายามสร้างวาทกรรม ขนานนามด้อยค่า หาว่าเป็น “งบฯขอทานจัดงานวันเกิด” บ้าง “งบฯช้างป่วย” บ้าง ทั้งที่เป็น “ช้างทรงพลัง”!!
... “ช้างนี้ไม่ได้ป่วย แม้จะพบสารพัดโรคกระหน่ำรุนแรง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ ยังดูแล ขับเคลื่อนประเทศไทยที่เสมือนช้างทรงพลัง เดินหน้าฝ่าวิกฤต ไปสู่ความมั่นคง ยั่งยืนได้”
ในช่วงที่ฝ่ายค้านอภิปรายถึงงบลงทุนที่มีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอต่อการพัฒนาประเทศ และงบใช้หนี้ก็สูง “บิ๊กตู่” ก็ชี้แจงตอบโต้ทันที แถมย้อนภาพในอดีตให้เห็นด้วยว่ามีการตามล้างตามเช็ดหนี้ยุค “ยิ่งลักษณ์” ที่ทำไว้มหาศาลแค่ไหน
“ถ้าพูดเรื่องข้าวที่ท่านพูดว่า งบฯ วันนี้เป็นงบฯในอดีต ไม่ใช่อนาคต ตั้งแต่ปี 54 เป็นต้นมา โครงการจำนำข้าว ขาดทุนกว่า 9.5 แสนล้านบาท รัฐบาลนี้ตั้งงบชำระหนี้ไปแล้ว 7.8 แสนล้านบาท คงเหลือเงินต้น และดอกเบี้ยอีก 3 แสนล้านบาท เงินตรงนี้ถ้าอยู่ เอามาทำอะไรได้อีกเยอะ ถามว่าใครทำเอาไว้ ผมก็ไม่อยากจะพูด”
นอกจากการตอบโต้ในสภาโดยตรงแล้ว “บิ๊กตู่” ยังชี้แจงผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” อีกทางหนึ่งด้วย อย่างเช่น การชี้แจงเรื่องจัดงบฯ เพื่อคุณภาพชีวิตด้านต่างๆ ก็มีการลงรายละเอียดทั้ง ... กลุ่มเด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ..กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ... กลุ่มพี่น้องเกษตรกร ...กลุ่มผู้ประกอบการ...กลุ่มแรงงาน ...การพัฒนาการศึกษา ...การยกระดับระบบสาธารณสุข ...โครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ...การท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้หลักของไทย เพื่อรองรับการเปิดประเทศ (1) พัฒนาเส้นทางชุมชนท่องเที่ยว ...การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เป็นต้น
เรียกได้ว่า การอภิปรายงบฯ 66 ครั้งนี้ “ลุงตู่” ลงมือคุมเองในเรื่องการแจงตอบโต้ในสภา ...ส่วนการคุมมือที่จะโหวตสนับสนุนนั้นเป็นหน้าที่ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ลงมากำกับเองอย่างใกล้ชิด เรียกบรรดาพรรคเล็ก กลุ่ม 16 รวมทั้งสายผู้กอง ไปเป่ากระหม่อมเรียบร้อย
เมื่อ “สองลุง” ประสานร่วมแรงเช่นนี้ เชื่อว่างบฯ 66 คงผ่านฉลุย