ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เฉลย “แม๊” เองส่งมือถือ “แตงโม” ให้ “บังแจ็ค” ป่วนโซเชียลฯ งานนี้ตัวใครตัวมัน!
กรณีที่มี “มือดี” สวมเฟซบุ๊กของดาราสาว “แตงโม นิดา” โพสต์ให้เคลื่อนไหวเหมือนเจ้าตัวยังมีชีวิต จนชาวเน็ตที่ติดตามคดี และอาลัยรักแตงโม มึนงง และสงสัยกันมาหลายวันว่า ฝีมือใคร? ต้องการอะไรกันแน่
สืบกันไปสืบกันมาจนพอเดากันได้ว่า ภาพและข้อมูลที่มือดีเอามาโพสต์นั้น น่าจะนำออกมาจากมือถือของดาราสาวเอง ซึ่งคนที่สวมรอยต้องสงสัยที่สุดชี้เป้าไปที่ “บังแจ็ค” ผู้อื้อฉาว
“บังแจ็ค” เป็นใคร มาจากไหน ก็ต้องบอกว่า ประวัติไม่ธรรมดา เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีแตงโมตั้งแต่ช่วงแรกๆ โดยเป็นคนออกมาอ้างเป็นแชตลับ ที่ “กระติก” คุยกับ “แตงโม” จากนั้นก็เข้าร่วมกับ “เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และ “อดีตทนายแม๊” กฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย
“บังแจ็ค” หรือ “แจ็ค-ราชา ไฮเดอร์” เป็นอดีตสมาชิกแก๊งรถซิ่ง “เบนซ์ เรซซิ่ง“ เคยถูกจับเมื่อปี 2559 ในคดีเข้าเมืองผิดกฎหมาย จนถูกผลักดันออกประเทศ ตามด้วยถูกกล่าวหาว่า พัวพันเครือข่าย “ไซซะนะ” แก๊งค้ายาข้ามชาติ เคยมีคดีฉ้อโกง ขายไอโฟนแล้วไม่ยอมส่งของให้ลูกค้า และขู่ “หนุ่ม กรรชัย” เมื่อเร็วๆ นี้
คำถามจึงมีว่าแล้ว “บังแจ็ค” ได้มือถือแตงโมไปอย่างไร? คำตอบเรื่องนี้เล่นเอาชาวเน็ต “หัวร่อมิออก ร่ำไห้ไม่ได้” เมื่อผู้ที่ส่งมือถือแตงโมให้บังจอมอื้อฉาวไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “แม๊” นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน “แม่แตงโม” เองคร้าา
“ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ทนายความของแม่แตงโม ตั้งโต๊ะแถลงคอนเฟิร์มเองว่า
“แม่แตงโม” ยอมรับว่า เป็นคนส่งมือถือของลูกสาวให้ “บังแจ็ค” โดยส่งไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทางไปรษณีย์ ดำเนินการส่งด้วยตัวเอง เสียเงินค่าส่งไปประมาณ 2 พันกว่าบาท เพราะเธอเชื่อบังแจ็ค จะสามารถสืบหาปมเหตุการณ์เสียชีวิตของลูกสาวได้ ส่วนเหตุผลอื่นๆ ขอเวลาแม๊ อีก 2 วัน จะมาพูดเปิดใจเองทั้งหมด
เบื้องต้น ระหว่าง “แม่แตงโม” กับ “บังแจ็ค” มาโยงใยกันอย่างไรนั้น “ทนายเดชา” เล่าว่า “บังแจ็ค” ติดต่อมาหาแม่แตงโม พูดคุยกันบ่อยครั้ง จนกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน คุยแล้วสบายใจ ประกอบกับแม่กำลังทุกข์ใจเรื่องการตายของลูก โดยขณะนั้น ยังไม่รู้สาเหตุการตายที่แน่นอน
จากนั้น “บังแจ็ค” โน้มน้าวแม่แตงโม ว่า มีหลักฐานสำคัญที่พิสูจน์ได้ว่า “แตงโม” ถูกฆาตกรรม และเชื่อว่า ในโทรศัพท์มือถืออาจมีข้อมูลสำคัญ โดยว่ากันว่า หลังแม่ส่งมือถือให้บังแจ็คแล้ว ปรากฏมีเงินโอนเข้าบัญชี แม่รับเงิน 3 แสนบาท “ทนายเดชา” ระบุว่า ไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่มีการพูดถึง
“ทนายเดชา” งานนี้ออกตัวด้วยว่า ไม่ได้รับรู้เรื่องการกระทำของ “แม๊” ในเรื่องนี้แม้แต่น้อย โดยว่าปกติแม่จะทำอะไร จะทำคนเดียวตลอด ฉะนั้น ความลับจะไม่ค่อยรั่วไหล ยกเว้นคนที่คุยกับเขา และกรณีนี้แม่ไม่เคยปรึกษาทนาย
วิธีการที่แม่ทำ อาจคิดน้อยหรือเปล่า ซึ่งแม่ต้องรับผิดชอบเอง ไม่เกี่ยวกับทนาย
ภายหลังจากที่มีคำสารภาพดังกล่าวออกมา ดรามาความไม่พอใจ “แม๊” และคนเกี่ยวข้องถึงกับเดือดปุดๆ ชาวเน็ตเปิด “เครื่องด่า” กันอย่างรุนแรง
“ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ถึงเรื่องนี้อย่างเผ็ดร้อน ว่า
“แม่แบบไหนกันครับ ที่สามารถขายมือถือของลูกสาวให้กับมิจฉาชีพที่มีคดีมากมายในไทย โดยให้เครดิตคนๆ นั้น
บอกสังคมว่าอย่าไปว่าเลย แม่เห็นเขาเป็นคนดี เพราะเขาพูดเพราะ จนทำให้ข้อมูลส่วนตัว ของลูกสาวที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมแสนเศร้า ต้องหลุดออกไปอย่างไม่น่าให้อภัย ชาตินี้ก็พอนะครับ อย่าขอไปถึงชาติหน้าเลย สงสารน้องแตงโม”
งานนี้มีกระแสเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับ “บังแจ็ค” โทษฐานสวมรอยเฟซบุ๊กแตงโม และคนเกี่ยวข้อง
เรื่องมันชักจะวุ่นๆ อีกทั้งปฏิกิริยาของสังคมต่อ “แม่แตงโม-ทนายเดชา” ที่คนรักแตงโมรับไม่ไหว ที่ส่งมือถือลูกให้คนอื่น จะเกิดอะไรขึ้นตามมาจากนี้ก็โปรดติดตามกันต่อไป
ตอนนี้บอกได้คำเดียวตัวใครตัวมัน!!
**นาทีทองฝ่ายค้าน-พรรคเล็ก ได้ทีบีบรัฐบาลลุงตู่ หลังก๊วนธรรมนัส ยึด ศท.
หลังปฏิบัติการยึดพรรค “เศรษฐกิจไทย” ของ “ก๊วนธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ด้วยการยกทีมลาออกจากกรรมการบริหารพรรคเกินครึ่ง เพื่อให้กรรมการบริหารพรรคทั้งคณะสิ้นสภาพ หมายถึง เป็นการบีบให้ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ส่งมาเป็นหัวหน้าพรรคต้องสิ้นสภาพไปด้วย จน “บิ๊กน้อย” ต้องออกมาประกาศลาออกเอง
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ “ธรรมนัส” อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ และเมื่อเขากลับมาก็ประกาศว่าจะมีการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ ... และไม่ปฏิเสธหากสมาชิกพรรคจะเลือกเขาขึ้นนั่งเป็นหัวหน้าพรรค
ในทางการเมืองย่อมตีความว่า “ธรรมนัส” ประกาศอิสรภาพจาก “บิ๊กป้อม” ที่ก่อนหน้านี้ ตอกย้ำอยู่เสมอว่า พรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นเหมือนสาขาของพรรคพลังประชารัฐนั้น พร้อมโหวตหนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ... ทั้งที่ในใจของ “ธรรมนัส” นั้นยังแค้นฝังหุ่นจากการถูกปลดพ้น รมช.เกษตรและสหกรณ์ เพียงรอโอกาสชำระสะสางเท่านั้น
สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้บรรยากาศการเมืองคึกคักขึ้นมาทันที โดยเฉพาะบรรดาพรรคเล็ก และพรรคเพื่อไทย แกนนำฝ่ายค้าน
“พิเชษฐ สถิรชวาล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แกนนำกลุ่ม16 ที่มีบรรดาพรรคเล็กเป็นแนวร่วม สุมหัวหารือกันทันที เพราะถือว่านี่เป็นโอกาสทองในการเจรจาเสนอเงื่อนไข
แม้หน้าฉากจะยกเอาเรื่องกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ที่ กมธ.สรุปว่า สูตรในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น ใช้ 100 หาร ส่วนบรรดาพรรคเล็กต้องการใช้ 500 หาร จึงยกมาเป็นหัวข้อเจรจา ...แต่หลังฉากใครๆ ล้วนคิดถึงการ “เจรจาต่อรองแลกกล้วย”
ขณะที่ “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และผู้นำฝ่ายค้านในสภา ก็ยกเรื่องการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 66 ที่จะเข้าสภาในช่วงสิ้นเดือนนี้ขึ้นมาข่มขู่ทันที
ก่อนหน้านี้ ใครก็คิดว่าเรื่องงบประมาณ และเรื่องกฎหมายเลือกตั้งนั้น ฝ่ายค้านจะให้ความร่วมมือยอม ให้ผ่านเพราะต่างสมประโยชน์ แล้วค่อยไปชี้เป็นชี้ตายกันที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ
แต่เมื่อ “ธรรมนัส” เขี่ยลูกมาเข้าทางเช่นนี้ “หมอชลน่าน” บอกทันทีว่า หากร่าง พ.ร.บ.งบฯ 66 ไม่ผ่านสภา รัฐธรรมนูญบอกว่าสามารถใช้งบประมาณเดิม คือ พ.ร.บ.งบฯ 65 ไปพลางก่อนได้ เว้นแต่เป็นเรื่องงบลงทุนที่จะสร้างใหม่ ... นี่จึงเป็นทางเลือกที่ฝ่ายค้านจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะการไม่ให้ผ่าน อาจจะเกิดประโยชน์กับประชาชนมากกว่า แล้วปล่อยให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาจัดสรรงบฯแทน
เป็นการบอกว่าฝ่ายค้านพร้อมระดมเสียงในสภาคว่ำ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 66 โดยไม่รอถึงศึกซักฟอก และหากร่าง พ.ร.บ.งบฯ ถูกคว่ำจริง “ลุงตู่” ก็มีทางเลือกแค่สองทาง คือ ยุบสภา หรือ ลาออก ...ส่วนจะต้องเปิดดีลกับ “ผู้กองธรรมนัส” หรือไม่นั้น “หมอชลน่าน” บอกว่าไม่ต้องดีล เดี๋ยวเขาก็มาเอง!!
เป็นความมั่นใจเหมือนคนถือไพ่แต้มต่อ
ขณะที่ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ซึ่งตอนนี้ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย ก็ออกมากระทุ้งว่า ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 66 ที่จะเข้าสภา ในวันที่ 31 พ.ค. และ 1 มิ.ย.นี้ ดูท่าจะเป็นการประลองกำลังกันแล้ว เมื่อ “หมอชลน่าน” ออกมาประกาศคว่ำแบบ “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ในขณะที่พรรคเศรษฐกิจไทย เป็นพรรคที่สั่งไม่ได้ ขอไม่ให้
นับตอนนี้ ความต่างของฝ่ายรัฐบาลอยู่แค่ 14 เสียง ในทางคณิตศาสตร์ คือ เปลี่ยนเกิน 7 ก็จบ เพราะลบฝ่ายหนึ่ง ต้องไปบวกให้อีกฝ่ายหนึ่ง
...ตีเหล็ก ต้องตีตอนร้อน เป็นสุภาษิตที่ยังใช้ได้ เหมือนกับสำนวนฝ่ายซ้ายที่ว่า.. เอ็งแย่ ข้าตี เอ็งหนี ข้าตาม!!
ส่วนฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งเฉย “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.พรรคพลังประชารัฐ ที่รับบทเจ้าของสวนกล้วย ก็วิ่งโร่ไปหารือกับบรรดาพรรคเล็กทันที อ้อนวอนว่าอย่าได้ตีจาก “ลุงตู่” ไปอยู่กับ “ธรรมนัส” และช่วยเป็นองค์ประชุมสภา โหวตหนุน ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 66 และศึกซักฟอกด้วย
ดังนั้น ก่อนจะไปถึงศึกซักฟอก ต้องจับตาการโหวต ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 66 ในต้นเดือน มิ.ย.นี้ จากนั้นดูว่า การโหวตร่างกฎหมายลูกใน วาระ 2 และ 3 จะพลิกจากหาร 100 เป็นหาร 500 หรือไม่ ก็จะเห็นท่าทีของบรรดาพรรคเล็ก
ส่วน ส.ส.เศรษฐกิจไทย ที่อยู่ในมือ “ธรรมนัส” นั้น พร้อมจะแตกหักกับรัฐบาล เพื่อถอนแค้นอยู่แล้ว แต่จะอ้างคำพูดที่สวยหรูว่า... ยึดผลประโยชน์ชาติ และประชาชน !!