“ข่าวลึกปมลับ”เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ตอน เปิดขุนพลผู้ว่าฯ ชัชชาติ จุฬาฯ คอนเนกชั่น .
การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หลัง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” คว้าชัยชนะครั้งนี้ แม้จะไม่พลิกความคาดหมาย แต่เป็นการ “พลิกขั้ว” ทางการเมือง ชนิดที่สะเทือนแผงอำนาจ 3ป. ในรอบเกือบ 8 ปี
แม้ว่า “ชัชชาติ” จะลงในนามอิสระ แต่ก็ไม่พ้น “เงาเพื่อไทย” รวมทั้งปัจจัยเรื่อง “ขั้วการเมือง” ที่ “ชัชชาติ” ถูกผลักมาอยู่ “ขั้วตรงข้าม” กับรัฐบาล
แต่ปัจจัยในการเลือก “ชัชชาติ” มากกว่านั้น ด้วยการที่ “ชัชชาติ” ลงในนามอิสระ ลงพื้นที่มานานกว่า 2 ปี ทำให้ชื่อนี้มี “เงื่อนไขเฉพาะตัว” อื่นๆอีก เช่น การวางตัวในรูปแบบที่ใกล้ชิด เข้าถึงคนทุกช่วงวัย ไม่แสดงออกทางการเมืองเลือกข้างชัดเจน อันนำมาซึ่งชัยชนะชนิดถล่มทลายกว่า 1.38 ล้านคะแนน
เกือบ 10 วันหลังที่ได้ชัยชนะ “ชัชชาติ” ลงพื้นที่ต่อเนื่อง แม้ว่าจะยังไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. อย่างเป็นทางการ ทุกพื้นที่ที่ไปมีความหมายซ่อนอยู่เชื่อมโยงนโยบาย 200 กว่าโครงการที่หาเสียงไว้
ที่สำคัญการลงพื้นที่ของ “ชัชชาติ” เป็นรูปแบบ “จรยุทธ์-เคลื่อนที่เร็ว” ชนิดไม่แจ้งล่วงหน้า หรือวันหนึ่งลงพื้นที่เช้ายันค่ำ สมฉายา “แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี”
กระแสกดดันให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถูกกระพือขึ้นในโซเชียลฯ ลามไปถึงสายด่วน กกต. ที่สายแทบไหม้ หลังมีคนโทรเข้าไปจำนวนมาก
9 วัน หลังการเลือกตั้ง กกต. ได้รับรอง “ชัชชาติ” เป็น ผู้ว่าฯ กทม. แต่ไม่มีใครไวเท่าเจ้าหน้าที่ กทม. ที่เตรียมงาน เปลี่ยนป้ายชื่อผู้ว่าฯ กทม. หน้าห้อง รวมทั้งติดชื่อ “ชัชชาติ” ขึ้นทำเนียบผู้ว่าฯ กทม. เรียบร้อย ก่อนจะมีพิธีรับมอบงานเกิดขึ้น ที่ ศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้า ในบ่ายวันที่1มิ.ย.65
.
“ชัชชาติ” กลับมาศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้าอีกครั้ง หลังเข้ามาล่าสุดในการหาเสียงเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ช่วงโค้งสุดท้าย เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ในครั้งนั้นได้พบกับ “บิ๊กวิน”พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้สมัครคู่แข่งด้วย แต่สุดท้ายเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ตกมาที่ “ชัชชาติ” แทน แน่นอนว่างาน กทม. ที่มีจำนวนมากลำพัง ผู้ว่าฯ กทม. ไม่สามารถบริหารจัดการได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องมี “ทีมชัชชาติ” ขึ้นมา
โดยตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. 4 ตำแหน่ง ที่ “ชัชชาติ” ทาบทามมาร่วมงาน ประกอบด้วย
.
“จักกพันธุ์ ผิวงาม” เติบโตในเส้นทางข้าราชการ กทม. จนขึ้นเป็นรองปลัด กทม. หลังเกษียณฯได้ไม่นาน พล.ต.อ.อัศวิน ได้ทาบทามมาเป็น รองผู้ว่าฯ กทม. แต่อยู่ในตำแหน่งได้ไม่นาน ได้ลาออกจากตำแหน่ง เหตุจากไม่อนุมัติโครงการเตาเผาขยะ มูลค่า 13,000 ล้านบาท
คนต่อมา คือ รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล อดีตรองอธิการบดี จุฬาฯ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กรรมการ บริษัท ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจามจุรี จำกัด กรรมการอิสระ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และกรรมการอิสระ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สำหรับ รศ.ดร.วิศณุ เรียนจบปริญญาตรีภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
คนต่อมา คือ ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช คณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ บุตรสาว “ทวีศักดิ์ กมลเวชช” อดีตผู้อำนวยการเขตพญาไท อดีต ส.ก.เขตบางพลัด ปี2544 ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของผู้ว่าฯ กทม. สำหรับ ผศ.ดร.ทวิดา มีความเชี่ยวชาญเรื่องการจัดการภัยพิบัติ จนได้ชื่อว่าเป็น “เจ้าแม่ภัยพิบัติ” รวมทั้งเชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณะ การจัดการความเสี่ยงต่างๆ
และ “ศานนท์ หวังสร้างบุญ” เป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม SATARANA (สาธารณะ) เครือข่ายภาคประชาสังคมที่ทำงานเรื่องการพัฒนาเมือง ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Trawell และผู้ก่อตั้ง Once Again Hostel ย่านประตูผี ที่มีแนวคิดการหาประโยชน์ร่วมกันระหว่างการทำธุรกิจกับชุมชน เคยมีบทบาทเคลื่อนไหวทางสังคมช่วงการไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ ที่เจ้าตัวได้เสนอโมเดล “ป้อมมหากาฬพิพิธภัณฑ์มีชีวิต” “
ซึ่ง ศานนท์” จบการศึกษาจาก ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ อดีตนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ
ส่วนตำแหน่ง “คณะที่ปรึกษา” ของ “ชัชชาติ” ประกอบด้วย “ต่อศักดิ์ โชติมงคล” อดีตผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ จบจากคณะวิศกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เป็นรุ่นพี่ของ “ชัชชาติ” สำหรับ “ต่อศักดิ์” ได้ชื่อว่าเป็นคีย์แมนคนสำคัญที่วางแผนสู้ศึกสนาม กทม. ของ “ชัชชาติ” ครั้งนี้
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ หรือ ดร.ยุ้ย กรรมการผู้จัดการบริษัทเสนาดีเวลลอปเมนท์ อดีตอาจารย์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ สำหรับ “ดร.ยุ้ย” ถือเป็นขุนพลคนสำคัญในการทำนโยบายและลงพื้นที่เคียงข้าง “ชัชชาติ” มาตลอด
นอกจากนี้ยังมี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกลาโหม ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จบเตรียมทหารรุ่น 14 นายร้อย จปร. รุ่น 25 เติบโตมาจากสายยุทธการ ประจำกองบัญชาการกองทัพไทยและกระทรวงกลาโหม
.
และ “วิลาวัลย์ ธรรมชาติ” อดีต ส.ก.เขตจตุจักร พรรคเพื่อไทย
ส่วนตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. คือ “ภิมุข สิมะโรจน์” ประธานกรรมการบริหารบริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า เติบโตมาจากนักวิเคราะห์การลงทุน บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมประเทศไทย
ภิมุข มีดีกรีอดีต ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางพลัด พรรคไทยรักไทย 2 สมัย และตำแหน่งการเมืองอื่นๆอีก ที่สำคัญเคยเป็น ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สำหรับ “ภิมุข” เป็นบุตรชายคนโตของ “มงคล สิมะโรจน์” อดีตนักการเมืองชื่อดัง
ทั้งหมดนี้ เป็นขุนพล “ทีมชัชชาติ” ที่จะช่วยขับเคลื่อนงาน กทม. หากดูจากโปล์ไฟล์จะพบว่าน้ำหนักส่วนใหญ่เป็น “วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ” คอนเนกชั่น และ 2 คนมีตำแหน่งใหญ่ใน “บอร์ดเอกชน” ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย ย่อมเกิดคำถามต่างๆตามมา ถึงการคัดเลือก “ทีม” เข้ามาบริหาร กทม. ครั้งนี้แน่นอน
-----------------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1