ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“สมคิด” ยืนหนึ่ง แคนดิเดตนายกฯ “สร้างอนาคตไทย” ตัวจริงแก้วิกฤตประเทศ
สำรวจไทม์ไลน์ทางการเมืองหลังจากนี้ มีโอกาสที่จะ “ยุบสภา”ได้ทุกเมื่อ บรรดาพรรคการเมืองต่างเคลื่อนไหว เตรียมพร้อมรับการเลือกตั้งกันคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงโครงสร้าง วางตัวคณะกรรมการบริหารพรรค และผู้สมัครรับเลือกตั้ง
“พรรคสร้างอนาคตไทย” ที่เป็นพรรคน้องใหม่ ก็ได้ฤกษ์ประชุมใหญ่ เปิดตัวแกนนำ และเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคไปเมื่อวานนี้ ( 20 เม.ย.) โดย “อุตตม สาวนายน” อดีตรมว.คลัง นั่งหัวหน้าพรรค “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีต รมว.พลังงาน รั้งตำแหน่งเลขาธิการพรรค... ส่วนกรรมการบริหารพรรค ส่วนหนึ่งก็เป็นอดีตส.ส. บุคคลในแวดวงการเมืองที่มีชื่อเสียง คุ้นหน้าคุ้นตากันดี อาทิ สุพล ฟองงาม, นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ, วัชระ กรรณิการ์, สันติ กีระนันท์, วิเชียร ชวลิต, สุรนันทน์ เวชชาชีวะ เป็นต้น
โอกาสนี้ “อุตตม สาวนายน” ได้กล่าวเปิดใจ หลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคว่า ตนและคณะผู้ก่อตั้งพรรค ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะทำงานให้กับบ้านเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน คือ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับการพัฒนาประเทศ โดยรับฟังปัญหาจากทุกภาคส่วน และเปิดเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่ชุดความคิดใหม่ เพื่อรองรับนโยบาย และขับเคลื่อนนโยบายให้เป็นรูปธรรม โดยเป้าหมายสูงสุดอันดับแรก คือ การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งเศรษฐกิจ ปากท้อง ของแพง รายได้ประชาชนตกต่ำ ความเหลื่อมล้ำในสังคมสูง... แล้วในอนาคตลูกหลายไทยจะอยู่กันอย่างไร
“พรรคสร้างอนาคตไทย” จึงมาพร้อมกับนโยบาย “5 สร้าง” คือ 1. สร้างเศรษฐกิจฐานรากไทยให้เข้มแข็งและทันสมัย 2. การสร้างเศรษฐกิจใหม่ หรือโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต 3. สร้างคนและวิทยาการที่พร้อมที่จะก้าวสู่สังคมโลกแห่งอนาคต 4. สร้างสังคมที่เป็นธรรมและเกื้อกูล และ 5. สร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ ไม่อยู่ในวังวนของการแย่งชิงอำนาจ หรือพยายามพยายามสืบทอดอำนาจ จนก่อให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก สังคมร้าวฉาน
“จากนี้ไปเป็นการนับหนึ่งพรรคสร้างอนาคตไทย อย่างเต็มอัตราโดยเราจะเสนอนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เพราะสามารถเป็นผู้นำประเทศในอนาคตได้” ... “อุตตม” ถือโอกาสนี้ เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี “เบอร์1” ของพรรค ส่วนตัวเขานั้นจะรั้งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 2
ส่วนกรรมการบริหารพรรค ที่มีที่มาจากหลากหลายพรรค ก็เปิดใจถึงการมาร่วม “สร้างอนาคตไทย”ในครั้งนี้ ... โดย “สุพล ฟองงาม” บอกว่า ตนเองเป็นนักการเมืองอาชีพ มาจากเลือกตั้งท้องถิ่น สู่ระดับชาติ สวมเสื้อตัวแรกคือ พรรคความหวังใหม่ จากนั้นมาอยู่ “ไทยรักไทย” และได้รู้จักกับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกฯ เมื่อปี 43 จากนั้นได้เปลี่ยนมาเป็นพรรคเพื่อไทย และเสื้อตัวที่สามคือ มาอยู่พรรคพรรคพลังประชารัฐ ตามคำชวนของ สมคิด ให้มาช่วยสร้างพรรคพลังประชารัฐ
“วันนี้ตัดสินใจมาอยู่กับพรรคสร้างอนาคตไทย เพราะมีคนเก่ง คนกล้า เสียสละทำเพื่อบ้านเมือง โดยได้รับมอบหมายให้ดูโซนภาคอีสาน ผมมองว่าคนอีสานเข้าใจง่าย ถ้ารู้จักสื่อสาร หลายคนมองว่ายาก ที่จะไปแย่งพื้นที่กับพรรคเพื่อไทย แต่จากนโยบายและความตั้งใจที่จะทำงานแก้ปัญหา จึงมองว่าจะผ่านไปได้” สุพล ระบุ
ขณะที่ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ที่ลาออกจากประชาธิปัตย์ เพราะถูกคนในพรรคมองว่าเป็นสิ่งชำรุดทางการเมืองไปแล้ว... แต่ “สมคิด-อุตตม-สนธิรัตน์” มองว่ายังมีประโยชน์ทางการเมืองและ ได้เชิญมาร่วมงาน "ทำภาคใต้ให้หายจน" จึงตัดสินใจมาร่วมสร้างอนาคตไทย ...ครั้งนี้เป็นการทำสงครามครั้งสุดท้ายในชีวิต ไม่ว่าแพ้ ชนะ จะไม่เสียใจเลย เพราะถือว่ากำลังหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนภาคใต้ ...
ส่วน “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” ที่ทำตัวโลว์โปรไฟล์ในทางการเมืองไปนาน บอกว่า ตนเองมี 3 เหตุผล ที่กลับมาสู่สนามการเมืองอีกครั้ง คือ 1. รัฐบาลไม่สามารถจัดการระบบสาธารณสุขไทย ทำให้คนติดโควิด-19 ตายวันละ100 คน ทั้งที่สมัยก่อนมีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฮับของการรักษาพยาบาล 2. รัฐบาลบริหารเศรษฐกิจแบบลักปิดลักเปิด ไม่มีแผนสำหรับวันนี้และอนาคต อยู่ไปวันๆ และ 3. ความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงไม่สามารถที่จะให้อยู่ต่อได้อีก...
กับคำถามที่ว่า เมื่อกลับมาลงสนามการเมือง ทำไมไม่ไปอยู่พรรคเพื่อไทย... “สุรนันทน์” บอกว่า ตนเองยังให้ความเคารพ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ อยู่ แต่คิดว่าวันนี้เราต้องมาสร้างพาหนะใหม่ และองค์กรใหม่ร่วมกัน ที่มีความเป็นมืออาชีพ ผสมผสานทั้งความคิดใหม่ ... ที่ผ่านมาคู่ต่อสู้ของตนคือ พรรคประชาธิปัตย์ อย่างเช่น “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” เราเคยต่อสู้กันในเชิงความคิด และเหตุผล หรือคนที่เคยเป่านกหวีดไล่ตนเอง อย่าง “สันติ กีระนันทน์” ตอนนี้ก็มาทำงานร่วมกัน คือเราต้องลดอีโก้ของตัวเอง เพื่อประเทศชาติ...
“วันนี้ถึงเวลาสลายขั้วทางการเมือง สลายความขัดแย้ง เพื่อจับมือกัน รวมตัวคนดีและคนเก่ง มาช่วยเหลือประเทศ ผมเชื่อว่าถ้านายกฯประเทศไทยไม่ใช่ชื่อ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประเทศนี้ไปไม่รอดแน่” สุรนันทน์ ฟันธง
แน่นอนว่า พรรคการเมืองที่ตั้งใหม่ จะถูกตั้งคำถามว่า แล้วจะสู้พรรคการเมืองเก่าได้หรือไม่ ...เรื่องนี้ “อุตตม” ในฐานะหัวหน้าพรรคบอกว่า นั่นเป็นความคิดแบบการเมืองเก่า วันนี้ประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว สามารถแยกแยะได้ว่า นี่คือการยึดติดกับการเมืองไม่สร้างสรรค์มากกว่าที่จะมุ่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน จะทำให้ประเทศไทยไม่ไปไหน และการเมืองติดหล่มสังคมมีแต่ความขัดแย้ง วันนี้จึงเป็นหน้าที่ของ “พรรคสร้างอนาคตไทย” ที่จะเสนอชุดความคิดใหม่ และเสนอนโยบายเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อสร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชน โอกาสของประเทศไทย และคนที่จะมาถือธงนำคือ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”!!
**ชุดว่ายน้ำหวิวเป็นเหตุ ปารีณา vs ณวัฒน์ มิสแกรนด์ มวยถูกคู่ ศัตรูบนทางแคบ
เปิดศึกฟาดกันอีกยก สำหรับ “เอ๋”ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ราชบุรี ที่กำลังถูกยกให้เป็น "นักร้องดาวรุ่ง" กับ "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" เจ้าของมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ที่ขยันหาแสง ซึ่งงานนี้ “ปารีณา” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กปารีณา ไกรคุปต์ บอกว่าได้ไปร้องเรียนที่กระทรวงวัฒนธรรม ถึงการจัดการประกวดเวทีมิสแกรนด์ ที่ให้ผู้เข้าประกวดใส่ชุดว่ายน้ำที่ดูวาบหวิว และเห็นอวัยวะมากเกินไป ซึ่งขัดต่อจริยธรรมอันดีของไทย
“เอ๋” ทิ้งหมัดฮุกเข้าใส่ “ณวัฒน์” โดยเริ่มจาก #เวทีมิสแกรนด์ #ร้องกระทรวงวัฒนธรรม #กระทรวงฯต้องไม่เพิกเฉย เพื่อสังคมที่ดี เพื่อลูกหลานปลอดภัย
วันนี้มาร้องเรียนการจัดการประกวดมิสแกรนด์ ได้อาจมีการจัดเตรียมชุดว่ายน้ำ หรืออนุญาตให้ผู้เข้ากระกวดได้ใส่ชุดว่ายน้ำที่วาบหวิว ที่มีเนื้อผ้าบาง และเว้ามาก จนอาจสามารถเห็นอวัยวะที่สำคัญของผู้หญิง
การจัดการประกวดดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทย ไม่คำนึงถึงหน้าตาของประเทศ ผิดมาตรฐานจริยธรรม และศีลธรรมของประเทศ กระทรวงวัฒนธรรมมีหน้าที่ดูแล
กองประกวดถือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เด็กและเยาชน เป็นการกระทำอนาจารในที่สาธารณะ ขอเรียกร้องให้ กระทรวงวัฒนธรรมต้องไปแจ้งความกล่าวโทษร้องทุกข์ กับคนที่จัดการประกวด และควรมีการจัดมาตรฐานในการจัดการประกวดนางงาม
ขออนุญาตยกตัวอย่าง ในสหรัฐอเมริกา เมื่อ “เจเน็ต แจ๊คสัน” ที่ขึ้นแสดงแล้วนมหลุดออกมาระหว่างการแสดง ถูกกระทรวงวัฒนธรรมของอเมริกา ลงโทษไม่ให้จำหน่ายแผ่นเสียงเป็นเวลา 2 ปี ไม่ให้โฆษณาหรือวิทยุ 2 ปี
จนทำให้ “เจเน็ต แจ๊คสัน” หมดอนาคตถึงวันนี้ แสดงให้เห็นชัดว่าขนาดวัฒนธรรมตะวันตกยังยอมไม่ได้เลย ประเทศไทยยิ่งยอมไม่ได้ จึงขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ไม่เพิกเฉย ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะต้องมีดำเนินการทำโทษ ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ปล.ไปกระทรวงฯ ไม่เจอรัฐมนตรีท่านไปงานรัตนโกสินทร์ค่ะ ขอฝากความหวังกับกระทรวงฯด้วยนะคะ"
พอ “เอ๋” เคลื่อนไหว ชาวเน็ตก็แห่แหนมารับลูก จนกลายประเด็นถกเถียงดรามากันในโลกโซเชียลฯ
จากนั้น “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ประธานและผู้ก่อตั้ง มิสแกรนด์ ก็ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ผ่านเพจ "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล - Mr. Nawat Itsaragrisil" บ้าง ฟาดกลับ “ปารีณา” โดยบอกว่า "คนไทยทุกคน คนไม่มีจริยธรรมกำลังจะไปร้องกระทรวงวัฒนธรรม"
นี่เรียกว่า เพราะชุดว่ายน้ำเป็นเหตุ อดีตนางงามอย่าง “เอ๋”ทนไม่ไหวต้องร้อง แล้วก็เจอเจ้าของเวทีนางงามฟาดกลับ
ระหว่างคู่นี้ต้องบอกว่าเป็นมวยถูกคู่ เคยเปิดศึกกันมาแล้วหลายยก ถึงขั้นท้าสงสมัคร ส.ส.แข่งกันที่ราชบุรี ใครเซมากูเตะ ใครเพลี่ยงพล้ำ ก็พร้อมจะขยี้ซ้ำ เป็นศัตรูบนทางแคบที่โคจรมาเจอกันได้ตลอด ครั้งนี้ย่อมไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน ความบันเทิงของชาวเน็ตยังจะมียกต่อๆ ไป ให้ดูกันอีกโดยไม่ต้องสงสัย กองเชียร์-กองแช่ง ก็โปรดติดตามกันต่อไปได้เลย.