ข่าวปนคน คนปนข่าว
**โผล่มาแต่ละที “ผบ.ตร.” รับสืบหาหลักฐานคดีปริญญ์ยาก..กวักมือเรียกคณะทัวร์ได้ทุกครั้ง
คดี “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกกล่าวหาทำอนาจาร-ขืนใจผู้อื่น มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยถึงวันที่ 18 เมษายน ที่ สน.ลุมพินี “ทนายตั๊ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พาผู้เสียหายรายที่ 9-14 เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดี
เรียกว่า ผู้เสียหายยิ่งมากขึ้น ยิ่งดูในรายละเอียดเหยื่อแต่ละราย บางรายเคยแจ้งความไว้แล้ว แต่คดีไม่คืบ บางรายต้องรวบรวมความกล้าหาญอย่างมากที่จะเข้ามาแจ้งความ เพราะยังหวาดหวั่นต้องอดทนอยู่เงียบๆ มานาน บางรายบอกว่า ช่วงเกิดเหตุเคยจะแจ้งความ กลับได้คำเยาะเย้ยถากถางว่าทำอะไรไม่ได้หรอก
ฟังว่า ผู้เสียหายได้บอกกับ “ทนายตั้ม” ถึงพฤติการณ์ที่ถูกละเมิดไว้อย่างละเอียด อย่างเช่น ผู้เสียหายรายที่ 10 ระบุว่า หลังจากถูกล่อลวงไปถึงห้องทำงานที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุพยายามเชิญชวนให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อ้างว่า จะทำให้การพูดคุยราบรื่น แต่เมื่อดื่มไปสักระยะรู้สึกแปลกๆ แต่ถูกบังคับให้ดื่มต่อจนหมดแก้ว จากนั้นจึงเริ่มถูกจับมือ จับแขน และถูกข่มขืน เมื่อตื่นมาเช้าวันรุ่งขึ้นพบว่า ตัวเองนอนอยู่ข้างป้อม รปภ.
ผู้เสียหายรายที่ 12 “ทนายษิทรา” เปิดเผยว่า ผู้เสียหายรายนี้รู้จักกับผู้ก่อเหตุในงานสัมมนาที่ไทย ขณะนั้นผู้เสียหายเป็นนักศึกษา ต่อมาได้พบกันบนรถไฟฟ้า ผู้ก่อเหตุได้ขอไลน์ผู้เสียหายไว้ ต่อมาปี 2560 ผู้เสียหายได้พบกับผู้ก่อเหตุ ที่ประเทศอังกฤษ และชักชวนไปทานอาหาร ซึ่งผู้ก่อเหตุได้นำไวน์ให้ดื่มเพียงไม่กี่แก้ว ผู้เสียหายก็รู้สึกเหมือนภาพตัด และถูกลวนลามจึงไปแอบในห้องน้ำ เมื่อพนักงานมาช่วย ผู้เสียหายจึงรีบหนีกลับบ้านทันที
จากปากคำของเหยื่อถือเป็นเรื่องที่น่าตระหนก เพราะผู้ก่อเหตุกระทำซ้ำๆ ในแบบเดิมๆ อย่างย่ามใจโดย “ทนายตั้ม” ไปออกรายการโหนกระแสของ “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย ยังตั้งข้อสงสัยว่าคนที่ทำแบบนี้น่าจะเป็น “โรคจิต”
วันนี้ผู้เสียหายหลายคนที่เข้าแจ้งความแล้ว จึงรู้สึก “ปลดล็อก” จากความหวาดกลัว ทุกข์ทรมานให้กับตัวเอง และอยากฝากไปถึงผู้ก่อเหตุ ให้ถูกดำเนินคดีถึงที่สุด ชดใช้กรรมในคุก
เพราะฉะนั้น เวลานี้ สังคมจึงจับจ้อง เกาะติดฝากความหวังไปที่ตำรวจ ซึ่งตามหน้าเสื่อก็ต้องชมตำรวจ สน.ลุมพินี เจ้าของพื้นที่คดี รวมไปถึง “พล.ต.ท.สำราญ นวลมา” ผบช.น. “พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ” รอง ผบช.น. ที่ก็ต้องชมแนวทางตั้งแต่ออกตัวค้านประกันผู้ต้องหา และสั่งตั้งคณะสอบสวนไว้รองรับการแจ้งความของผู้เสียหาย
ส่วนเรื่องของคดีก็เห็นว่าคืบหน้า โดย “พล.ต.ต.ไตรรงค์” บอกว่า คดีแรกที่ผู้เสียหายอายุ 18 ปี เข้าแจ้งความ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้พอสมควร ขณะนี้ได้ส่งภาพจากคลิปวิดิโอ ให้กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อทำการตรวจสอบ และหากผู้ต้องหาที่ได้ประกันตัวไป ถ้าพบว่ามีการกระทำที่ผิดเงื่อนไข ตำรวจก็จะยื่นเรื่องต่อพนักงานอัยการให้เพิกถอนการประกันตัวทันที
เรียกว่า เมื่อตำรวจให้ความสำคัญกับคดีที่สังคมให้ความสนใจแบบนี้ กองเชียร์ย่อมต้องปรบมือให้รัวๆ
ทว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันเดียวกัน “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์สื่อ ไม่รู้สื่อสารกันอย่างไร ทำเอากองเชียร์ตำรวจใจคอไม่ดี เสียความรู้สึก จิตใจห่อเหี่ยวลงพลัน จากคำพูดของ ผบ.ตร. ที่กล่าวถึงคดี “ปริญญ์” ที่ตอนแรกก็ฟังดูดี ว่า พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีดังกล่าวจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากประชาชนจับตาคดีนี้อย่างใกล้ชิด โดยไม่มีอะไรน่าหนักใจ ถึงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมือง หรือ เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
พอวรรคถัดมา ผบ.ตร.กลับย้อนแย้งในคำพูดของตัวเองว่า “แต่ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานาน อาจส่งผลกระทบต่อการสืบหาพยานหลักฐานยาก”
ทันทีทันใดนี้เอง พอคำกล่าวของ ผบ.ตร. เป็นข่าวเผยแพร่ออกไปตามโซเชียลฯ ชาวเน็ตทั้งหลายก็กรูกันเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มองว่า ไม่ว่าจะยากเย็นแต่ไหน ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจมิใช่หรือ... แทนที่จะอยู่ข้างผู้เสียหาย นี่กลับมาชี้โพรงให้กระรอก
ผบ.ตร.ไม่พูดยังจะดีเสียกว่า ลูกน้องกำลังตั้งใจทำงานพิสูจน์ผลงานให้สังคมเห็นเพื่อเรียกศรัทธา เรียกความเชื่อมั่น แต่ ผบ.ตร.ท่านนี้โผล่มาทีไร ได้เป็นชักใบให้เรือเสียทุกที จาก “คดีน้องชมพู่” มาถึง “น้องแตงโม” ก็เห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์ แล้วโผล่มา “คดีปริญญ์” จะเหมือนหนังม้วนเดิมย้อนมารีเพลย์ หลอกหลอนกันอีกมั้ย หลายคนก็หวั่นๆ
เป็นไปได้คนใกล้ชิด “พล.ต.อ.สุวัฒน์” น่าจะกระซิบบอกท่านหน่อย งานนี้อยู่เงียบๆ ไปเถอะนาย เพราะ ผบ.ตร. พูดทีไร กวักมือเรียกหาคณะทัวร์ทุกที !!
**“แรมโบ้” ลาออกทุกตำแหน่ง ตัดตอนคลิปโควตาหวย 15 ล้าน ไม่ให้ “บิ๊กตู่” ตกเป็นเป้าของฝ่ายตรงข้าม
หลังมีการแฉคลิปฉาว “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ พูดคุยกับ “จุรีพร สินธุไพร” ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เรื่องโควตาลอตเตอรี่ และเรื่องยืมเงิน 15 ล้าน ... แม้ “แรมโบ้” จะบอกว่าเป็นเรื่อง “ล้อเล่น” แต่กระแสสังคมและโซชียลฯ “ไม่รับมุก” และมีทีท่าว่าจะเป็นประเด็นการเมืองที่ลามไปถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ล่าสุด (18 เม.ย.) “แรมโบ้” ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี รวมทั้งตำแหน่ง ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคากว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 65 เป็นต้นไป เพื่อไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง และตัดข้อครหาว่าใช้ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา มาช่วยปกป้องให้พ้นผิด
“แรมโบ้” ยืนยันว่า ได้เข้าพบ “ลุงตู่” เพื่อแจ้งถึงความประสงค์ที่จะลาออกเพื่อเคลียร์ตัวเอง และไม่ให้กระทบกรเทือนถึงนายกฯ จึงไม่ใช่ “ถูกปลด”
ตลอดเวลากว่า 3 ปี ที่ “แรมโบ้” นั่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาล นอกจากจะมีหน้าที่รับมือกับเอ็นจีโอ ภาคประชาชน ที่มาร้องเรียน เรียกร้อง ให้แก้ปัญหาต่างๆ แล้ว ยังทำหน้าที่ตอบโต้กับฝ่ายตรงข้าม มวลชนคนเสื้อแดง โดยเฉพาะบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล “แรมโบ้” ก็เปิดวอร์รูมนอกสภาคอยรับมือ แบบที่เรียกได้เต็มปากว่าเป็น “องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่”
เพื่อ “ลุงตู่” แล้ว “แรมโบ้” พร้อมรบกับทุกคน แม้แต่กับพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นแกนนำรัฐบาลก็ไม่เว้น ... ดังเช่นก่อนหน้านี้ ที่มีกระแสความไม่สมานฉันท์ ในหมู่ “พี่น้อง 3 ป.” และมีความไม่แน่นอนว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอชื่อ “ลุงตู่” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพียงชื่อเดียวหรือไม่... “แรมโบ้” จึงลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แล้วไปสร้างบ้านใหม่ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ไว้รองรับแคนดิเดตนายกฯ อย่าง “ลุงตู่” เป็นการเฉพาะ
เมื่อมีปัญหาการขายลอตเตอรี่ เกินราคา “ลุงตู่” ก็ตั้ง “แรมโบ้” ไปร่วมแก้ปัญหากับ “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จนเกิดกรณีคลิปฉาวขึ้น
สำหรับการแก้ปัญหาลอตเตอรี่ขายเกินราคานี้ “แรมโบ้” บอกว่า ได้ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว ได้ข้อสรุปแล้ว เตรียมนำเสนอต่อที่ประชุม คณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มี “อนุชา นาคาศัย” เป็นประธาน และมั่นใจว่า หากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดำเนินการตามแนวทางที่ตนได้เสนอไป ก็จะสามารถควบคุมราคาลอตเตอรี่ ไม่เกิน 80 บาทได้อย่างแน่นอน
“แรมโบ้” บอกว่า แม้จะลาออกจากทุกตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งแล้ว แต่ภารกิจการเป็น “องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่” นั้น จะยังคงทำต่อไป เพราะถือคติว่าใครมีเจตนาร้ายต่อ “ลุงตู่” ถือว่าไม่มีเจตนาดีต่อประเทศชาติ
“ยืนยันว่า ผมลาออกเอง ซึ่งนายกฯถามกลับมาว่า คิดดีแล้วหรือ ผมยืนยันไปว่าผมตัดสินใจแล้ว เพราะไม่อยากให้นายกฯต้องมาด่างพร้อย เพราะฟันเฟืองเล็กๆ อย่างผม เพราะนายกฯ เป็นฟันเฟืองใหญ่ที่ต้องดูแลประเทศชาติบ้านเมือง ผมจะไปทำให้ฟันเฟืองใหญ่เสียผมไม่ทำ นี่คือ นิสัยของผม และผมไม่ยึดติดกับตำแหน่ง เพราะผมไม่ต้องการให้คนดีๆ อย่างนายกฯ ที่ทุ่มเทการทำงานต้องมาเสียด้วยข้อครหาเล็กน้อยแค่นี้ ซึ่งยังไม่มีการพิสูจน์ความผิด ความถูกอะไรเลย ต้องมาเสียเพราะผม และผมรักลุงตู่ อยู่ข้างนอกโดยไม่มีตำแหน่งก็ทำงานให้ลุงตู่ได้”
การลาออกครั้งนี้ ด้านหนึ่งก็เพื่อไม่ให้เรื่องลุกลาม หรือถูกเบนประเด็นไปหา “ลุงตู่” ที่ฝ่ายค้านจองกฐิน จะอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อมีการเปิดสมัยประชุมสภาในเดือนหน้า ขณะเดียวกัน ก็จะได้ใช้เวลาช่วงนี้ไปดำเนินการเกี่ยวกับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ได้อย่างเต็มที่