“ทนายตั้ม” พาเหยื่อสาววัย 26 ปี เข้าแจ้งความอีกราย หลังอ้างว่าถูกนายปริญญ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป.ล่อลวงไปข่มขืนเมื่อปี 63 พร้อมนำหลักฐานคลิปเสียงมอบให้ตำรวจ
จากกรณี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีคุกคามทางเพศ โดยมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วทั้งหมด 5 คน 3 คน ในพื้นที่ สน.ลุมพินี อีกคนอยู่ในพื้นที่ สภ.เมืองเพชรบุรี และอีกคนในพื้นที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (18 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.20 น. ที่ สน.ลุมพินี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พาหญิงสาวผู้เสียหายอายุ 26 ปี ทำธุรกิจส่วนตัว ที่อ้างว่าถูกนักการเมืองดังกล่าวลวงไปข่มขืนและกระทำอนาจาร มาแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม
นายษิทรา กล่าวว่า วันนี้นัดผู้เสียหายมาแจ้งความ 6-7 ราย แต่บางรายไม่สะดวกมาแล้ว ซึ่งผู้ที่พามาแจ้งความล่าสุดเป็นผู้อัดคลิปเสียงหลักฐานการพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ ที่ไม่เคยปฏิเสธว่าได้ก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งเหยื่อรายนี้เคยถูกข่มขืนเมื่อปี 2563 แต่คาดว่า ยังอยู่ในอายุความ เพราะมีการแก้ไขกฎหมายไม่ให้เป็นคดียอมความได้ ทั้งนี้ ในตอนแรกเหยื่อไม่ยอมจะไปแจ้งความตั้งแต่เกิดเรื่อง แต่กลัวจะดำเนินคดีไม่ได้ อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังเสนอเงินมาให้เรื่องจบไป 2-3 ครั้ง ก็ได้รับไว้ เนื่องจากโดนข่มขู่ว่าพ่อผู้ก่อเหตุใหญ่มาก แต่ตอนนี้ไม่ได้รับเงินแล้ว
นายษิทรา กล่าวยืนยันว่า ตนไม่กลัวการฟ้องร้องกลับ เพราะเหยื่อทุกคนมั่นใจให้ตนมาดำเนินคดี ถ้าตนกลัวคนอื่นก็เสียขวัญ แต่ยอมรับว่าสับสนเพราะเหยื่อเยอะ แต่พฤติการณ์ส่วนใหญ่คือพาเหยื่อไปคุยที่ร้านอาหาร และพาไปขืนใจที่ห้อง แต่มีเหยื่อที่ถูกวางยาจะมาแจ้งความด้วย ส่วนอีกรายถูกกระทำที่ประเทศอังกฤษ จะเข้ามาเป็นพยาน ส่วนเรื่องตำรวจยศพันตำรวจเอกจะให้เงินปิดปากเหยื่อนั้นยังไม่มีข้อมูลมา แต่ได้ให้ผู้ใหญ่ตรวจสอบแล้ว สำหรับเรื่องคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นขบวนการของพรรคก้าวไกลที่จะดิสเครดิตนั้น ยืนยันไม่รู้จักกับคนในพรรคก้าวไกล ตนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ถ้าจะกลั่นแกล้งทางการเมือง ตนไปทำคนที่มีโอกาสได้มากกว่า หากผู้ก่อเหตุพยายามบีบบังคับข่มขู่เหยื่อ ตนจะทำเรื่องถอนการประกันตัว ยืนยันตอนนี้ยังไม่มีใครถอนแจ้งความ แต่บางคนไม่ให้ความร่วมมือต่อ วานนี้เขาควรจะไปที่ศาลเพื่อทำเรื่องค้านการประกันตัวผู้ต้องหา แต่เขาไม่ไป ขอไม่ระบุว่าเป็นใคร แต่ให้ดูว่าใครยังสู้ ใครเงียบไป
ทั้งนี้ เชื่อว่า ผู้ก่อเหตุไม่มีประวัติการรักษาอาการทางจิต แต่ไม่น่านำมาเป็นข้ออ้างในการต่อสู้คดี เพราะเขายังไปเป็นวิทยากรเวทีต่างๆ ได้ มีสติปกติดี เขาจะซื้อบริการก็ยังได้ แต่ดูว่ามีรสนิยมชอบคนที่ขัดขืน ทั้งนี้ ขอชื่นชมตำรวจ สน.ลุมพินี ที่ประสานกับผมตลอด ทั้งการเตรียมพนักงานสอบสวน และจะให้ผู้เสียหายที่มาแจ้งความทั้งหมดรวมเป็นสำนวนคดีเดียว