xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” แฉสู้ “โรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุช” มาดีๆ เริ่มเห็นผล เจอ “นักสร้างภาพ” เคลมผลงานซะงั้น **นักการเมืองผวา “ปารีณาโมเดล” ใครจะถูกเช็กบิลเป็นรายต่อไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“”ข่าวปนคน คนปนข่าว

** “รสนา” แฉสู้ “โรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุช” มาดีๆ เริ่มเห็นผล เจอ “นักสร้างภาพ” เคลมผลงานซะงั้น

กรณี “โรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุช” ที่ก่อปัญหาให้ชาวบ้านเดือดร้อน ตอนนี้มีผู้สมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.หลายคนลงพื้นที่กันถี่ๆ เพื่อจะหาเสียงเรียกคะแนนกันใหญ่ บางรายก็ตีเกราะเคาะปิ๊บ กู่ก้องให้สื่อรู้ว่า ต่อไปนี้ชาวบ้านจะมีที่พึ่งพิง ปัญหากำลังจะได้รับการแก้ไขดีขึ้นแล้ว บางคนหนักกว่าเคลมเป็นผลงานตัวเองไปหน้าตาเฉย

เรื่องนี้น้อยคนที่จะรู้ว่า ปัญหาไม่ใช่เพิ่งเกิด ชาวบ้านเขาเดือดร้อนกันมานานแล้ว เคยร้องเรียนกันไปหลายหน่วยงานแต่ก็ไร้ผล ไม่มีใครเหลียวแลแก้ทุกข์ของพี่น้องแถวนั้น จนมาถึงคนที่ชาวบ้านร้องเรียนเป็นคนสุดท้าย คือ “รสนา โตสิตระกูล”

ผู้สมัครหมายเลข 7 เป็นคนที่ลงพื้นที่รับฟังปัญหา รับเรื่องร้องเรียน และสู้เคียงข้างชาวบ้านมาตลอด ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวนี้ในเฟซบุ๊กของเธอล่าสุด จากที่เคลมกันไปกันมา คนเลยพาถึง “บางอ้อ” อ้อ! ความจริงเป็นแบบนี้นี่เอง

“รสนา” โพสต์ในหัวข้อว่า “เอาโรงไฟฟ้าขยะคืนไป เอาอากาศสะอาดคืนมา ใครเป็นนักสร้างภาพ ขโมยผลงานคนอื่นเป็นของตัวเอง!?”

บอกเล่าไว้ว่า วันนี้ดิฉันกับทีมงานไปพบชาวบ้านหมู่บ้านอิมพีเรียลพาร์ค หลังจากได้รับหนังสือที่คณะกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ส่งถึงบริษัท กรุงเทพธนาคม มีคำสั่งพักใบอนุญาตการผลิตไฟฟ้าจากไบโอแก๊ส จนกว่าจะแก้ไขตามที่ กกพ. กำหนดไว้ กระนั้นในพื้นที่นี้ยังมีใบอนุญาตประกอบการรับขยะ แยกขยะ ของกรมโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ด้วย การปฏิบัติงานของโรงงานนี้จึงยังไม่ได้หยุดอย่างสิ้นเชิง

แต่จากข่าวที่ประกาศบอกทางสื่อมวลชน ว่า ดิฉันจะเดินทางไปลงพื้นที่พบชาวบ้านในหมู่บ้าน อาจมีผลทำให้โรงงานหยุดการดำเนินการ ทำให้วันนี้อากาศดีมาก จนเด็กน้อยออกมานั่งสนามหญ้า ขี่จักรยาน

ชาวบ้านหมู่บ้านอิมพีเรียลฯ ได้ร้องเรียนโรงงานขยะที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็น รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของชาวบ้านมาตั้งแต่ปี 2563 ร้องไปทุกที่ ร้องเรียนทั้งต่อ ผอ.เขต และ ผู้ว่าฯ กทม.คนก่อน ตลอดจนหน่วยราชการต่างๆ แต่ไม่มีใครมาแก้ปัญหาให้

ชาวบ้านบอกว่า ดิฉันเป็นคนสุดท้ายที่เขามาร้องเรียน และหลังจากที่พวกเรามาลงพื้นที่ พร้อมมูลนิธิบูรณะนิเวศที่มาตรวจเรื่องกลิ่น และสารแขวนลอยในน้ำเน่าที่ถูกปล่อยสู่คลองขุดสาธารณะ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดที่ส่งกลิ่น นอกเหนือจากขยะทั้งเปียกและขยะแห้ง ที่ส่งมายังโรงงานและเทอยู่ในพื้นที่เปิด ซึ่งผิดกรรมวิธีการกำจัดขยะที่อ้างว่าทำในพื้นที่ปิด

รสนา โตสิตระกูล
หลังจากที่คณะของเราลงไปตรวจสอบ ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขขนานใหญ่ เช่น เอาปูนขาวโรย ขุดลอกคลองทำความสะอาด ทำความสะอาดถนนเพื่อลดกลิ่น ที่ทำไปก็แบบขอไปที เวลามีคนมาตรวจเยี่ยม ชาวบ้านรอบพื้นที่โรงขยะก็บอกว่า ความเหม็นลดลงเมื่อมีคนลงมาดูพื้นที่

ชาวบ้านได้รับคำแนะนำจากพวกเราว่า ควรร้องไปหน่วยงานไหนบ้าง ดิฉันเองก็ช่วยโพสต์เรื่องราว และคลิปเด็กในชุมชนรอบโรงกำจัดขยะที่มีความทุกข์จากกลิ่นเหม็นจนไม่อยากเรียน นอนไม่หลับ ส่งเรื่องราวไปถึงกรรมการ กกพ. บางท่าน ในที่สุดชาวบ้านเริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ เมื่อ กกพ. มีคำสั่งพักใบอนุญาตโรงงานผลิตไฟฟ้าจากไบโอแก๊ส เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา

อากาศบริสุทธิ์สำหรับหายใจ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ที่ กทม.ไม่สามารถเอาไปแลกกับวิธีการกำจัดขยะที่มีปัญหาของบริษัทกรุงเทพธนาคมได้เลย

การที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนความเดือดร้อนไปยังที่ต่างๆ แต่ไม่มีใครเห็นความเดือดร้อนของชาวบ้าน จนดิฉันกับทีมงานลงไปช่วยเหลืออย่างจริงจัง แต่พอเริ่มมีชัยชนะเห็นผลออกมาบ้าง ก็มีคนถือโอกาสแอบอ้างเป็นผลงานของตน โดยยังไม่ได้ลงมาผลักดันแบบลงลึกในพื้นที่ หรือทำหนังสือกดดันให้ กกพ. มีคำสั่งยุติโรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุช

ชาวบ้านมาขอบคุณดิฉัน ที่ช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเขาได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้จากพี่น้องในพื้นที่ว่า
นักการเมืองคนไหนทำร้ายประชาชนเพื่อประโยชน์ของกลุ่มทุนและพรรคพวกตัวเอง

นักการเมืองคนไหน ได้แต่สร้างภาพ ถ่ายรูปเซลฟีอวดอ้างเป็นผลงานตน ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษโดยไม่เคยลงมาช่วยเหลือชาวบ้านจริงๆ จังๆ ประชาชนเขาตื่นรู้ว่าใครช่วยเหลือเขาจริง ไม่ทอดทิ้งเขา ไม่ใช่แค่สร้างภาพไว้อวดในที่สาธารณะ

ดิฉันซาบซึ้งใจ ประชาชนฉลาดขึ้นมากแล้วจริงๆ เขารู้ว่าจะเลือกใครที่ช่วยเขาได้ไม่ใช่แค่สร้างภาพ... ลงชื่อ รสนา โตสิตระกูล

จับโป๊ะกันจะจะแบบนี้ ก็ต้องวานโซเชียลฯ ช่วยหาตัวกันหน่อย “นักสร้างภาพ” ที่ว่านี้ คือใครกันบ้างหนอ?



**นักการเมืองผวา “ปารีณาโมเดล” ใครจะถูกเช็กบิลเป็นรายต่อไป

ปารีณา ไกรคุปต์
กรณีศาลฎีกา มีคำพิพากษาในคดีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร้องว่า “เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ มีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.ใน จ.ราชบุรี โดยให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง มีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป

จากคำพิพากษานี้ ทำเอานักการเมือง ทั้ง ส.ส.- ส.ว. และข้าราชการระดับสูง หวาดผวาไปตามๆกัน เพราะมีสิทธิ์ที่จะถูก “เช็กบิล” ตาม “ปารีณาโมเดล” นี้ได้

โดยเฉพาะเมื่อ “ปารีณา” ออกมาชี้เป้าว่า ใครที่เข้าข่ายครอบครองที่ดินเช่นเดียวกับตนเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย... ขณะที่ “พี่ศรี” ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็ได้ไปยื่นหนังสือ จี้ ป.ป.ช. ให้เร่งรัดการไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย 18 ส.ส.ที่ครอบครอง ที่ดินของรัฐ ทั้งในรูปแบบ ส.ป.ก. และ ภ.บ.ท.5 ตามที่เขาได้ยื่นคำร้องไว้ก่อนหน้านี้

แม้ว่า ป.ป.ช.จะยังไม่ได้ชี้มูลความผิดของ ส.ส.ที่ถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 ไว้เป็นบรรทัดฐาน แต่เมื่อเทียบเคียงกับแนวคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว ก็อาจทำให้ ป.ป.ช.วินิจฉัยได้ง่ายขึ้น เพราะ “ผู้ที่มีชื่อในใบเสร็จเสียเงินบำรุงท้องที่ เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าผู้นั้นเป็นผู้เสียภาษีเท่านั้น ไม่ใช่หลักฐานแสดงว่าผู้นั้นมีสิทธิครอบครอง”

ประเสริฐ จันทรรวงทอง
สำหรับ 18 ส.ส.ที่ถูก “พี่ศรี” ยื่นร้องเรียนเรื่องถือครองที่ดิน ส.ป.ก. และ ภ.บ.ท.5 ไว้ก่อนหน้านี้ มีดังนี้ นายสรวุฒิ เนื่องจำนง ส.ส.ชลบุรี พปชร., นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พท., นายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ ภท., นายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ ส.ส.ลพบุรี ภท., นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พปชร., นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ส.ส.กรุงเทพฯ กก., นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด กก., พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พปชร., น.ส.พิมพ์พร พรพฤติพันธุ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ พปชร., นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี ปชป., นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร รปช., นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป., นายมานพ ศรีผึ้ง ส.ส.นครสวรรค์ ภท., นายสฤษดิ์ บุตรเนียร ส.ส.ปราจีนบุรี ภท., นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ ภท., นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พท., นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา พท., นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พท.

เมื่อเรื่องการครอบครอง “ที่ดินต้องห้าม” เป็นประเด็นร้อนขึ้นมา “นิวัติไชย เกษมมงคล” เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ไปตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินของ ส.ส.- ส.ว.และรัฐมนตรี ที่ได้ยื่นไว้ พบว่ามีกว่า 30 ราย

โดย ส.ส.ที่ครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ มี 6 ราย พรรคภูมิใจไทย 4 ราย พรรคประชาธิปัตย์ 3 ราย พรรคเพื่อไทย 2 ราย พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 ราย พรรคก้าวไกล 2 ราย พรรคภูมิใจไทย 1 ราย ส่วน ส.ว.ที่ครอบครอง ภ.บ.ท.5 มี 4 ราย

ส่วน ส.ส.ที่ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. ในฝ่ายรัฐบาล มี 3 ราย ในซีกฝ่ายค้าน 4 ราย และ ส.ว.อีก 2 ราย

เลขาฯ ป.ป.ช.ชี้แจงว่า ที่ตรวจพบนี้ ไม่ได้หมายความว่า จะมีมูลความผิดเหมือนกับของ “ปารีณา” ทั้งหมด ต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป อีกทั้งกรณีของ “ปารีณา” นั้น ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงได้ไปตรวจสอบ และส่งข้อมูลมาให้ ป.ป.ช. จึงวินิจฉัยได้ง่าย แต่รายอื่นต้องประสานกับหน่วยงานอื่นลงไปตรวจสอบ และลงพื้นที่ไปดูว่าครอบครองที่ดินเมื่อไร อย่างไร ซึ่งตรงนี้เป็นความยุ่งยากพอสมควร และต้องใช้เวลา

นิวัติไชย เกษมมงคล
ขณะที่ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ได้แจ้งการถือครองที่ดิน 20 แปลง มูลค่า 8,626,200 บาท ในจำนวนนี้เป็นที่ดิน ภ.บ.ท. 5 จำนวน 1 แปลง ที่ตั้ง ต.หนองหญ้าขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 30 ไร่ มูลค่า 300,000 บาท โดย “ประเสริฐ” เคยชี้แจงว่า ที่ดิน ภ.บ.ท.5 นั้น เป็นที่ดินที่ติดมาจากทางด้านของภรรยา ซึ่งตอนนี้ ถ้าหากทาง ป.ป.ช. จะเข้ามาตรวจสอบก็ไม่เป็นไร พร้อมที่จะทำตามกฎหมาย เพราะทำโดยสุจริตใจ

ล่าสุด “เอ๋ ปารีณา” ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก กระทุ้งว่า เมื่อ ป.ป.ช. บอกว่า...ต้องดูว่าที่ดินได้มาถูกต้องหรือไม่ และแต่ละเคส มีความแตกต่างกัน แน่นอนว่า ทุกเคสมีความแตกต่างกัน แต่คำพิพากษาของศาลนั้นชัดเจนว่า มิได้สนใจว่าได้ที่ดินมาได้อย่างไร แต่จุดที่สำคัญคือ นักการเมืองไม่สามารถครอบครอง ยึดถือ หรือทำประโยชน์ในที่ดินรัฐได้ ผิดจริยธรรมร้ายแรง!! และต่อให้ส่งมอบที่ดินคืนให้กับรัฐแล้ว ก็ยังคงผิดจริยธรรม เนื่องจากจะต้องคืนทันทีที่ได้รับมอบ หรือพูดง่ายๆ ว่า ไม่ว่าจะคุณจะได้โดยมรดก ไปซื้อมา หรือเมื่อก่อนเคยเป็นเกษตรกร แต่หากคุณเป็นนักการเมืองแล้ว คุณจะต้องคืนที่ให้กับรัฐทันที เพราะคุณขาดคุณสมบัติในการยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์แล้ว... ผิดจริยธรรมร้ายแรง... จึงขอให้ ป.ป.ช. ได้โปรดดำเนินการเร่งรัด และดำเนินคดีกับทุกคน โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ

“ปารีณา” บอกว่าคนที่ผิดเช่นเดียวกับเธอต้องไม่ลอยนวล!!

แน่นอนว่า บรรดา ส.ส.- ส.ว. ที่แจ้งถือครองที่ดินของรัฐ ที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ย่อมถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่ท้ายที่สุดจะมีใครซ้ำรอย “ปารีณา” บ้าง ต้องติดตามกันต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น