เมืองไทย 360 องศา
จากคำพิพากษาของศาลฎีกา เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่เหมือนกับการตัดสินประหารชีวิตทางการเมือง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เพราะถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และตัดสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี จากกรณีครอบครองที่ดินป่าสงวนโดยมิชอบ ถือว่าทำผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งทำให้เกิดปฏิกิริยาทางสังคมตามมามากมาย ทั้งสะใจ เห็นใจ และเข้าใจ ก็ว่ากันไป
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งจากกรณีดังกล่าวได้สร้างบรรทัดฐานให้กับนักการเมืองและข้าราชการอีกหลายคนที่อาจมีลักษณะถือครองที่ดินในลักษณะเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน ที่จะต้องมีการพิจารณาตามมาหลังจากนี้
และสิ่งที่ต้องพิจารณากัน ก็คือ กรณีของ น.ส.ปารีณา ยังทำให้กระบวนการยุติธรรมในทางศาลได้รับการยอมรับมากขึ้น เนื่องจากเธอเป็นฝ่ายรัฐบาล และยังถูกมองว่าเป็นคนของผู้มีอำนาจคนหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งกรณีนี้ทำให้หากมีการพิพากษาความผิด ส.ส. หรือนักการเมืองคนไหนตามมาอีก จะได้ไม่มีเหตุผลในการร้องโวยวายว่า “ถูกกลั่นแกล้ง” ตามมาให้ได้ยิน
เพราะเท่าที่เห็นยังมี ส.ส.อีกประมาณ 50-60 ราย ที่ถูกร้องให้พิจารณาความผิดในกรณีครอบที่ดินของรัฐโดยมิชอบ โดยเฉพาะการครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. เมื่อเทียบเคียงกับกรณีของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ และจากความเคลื่อนไหวล่าสุด นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันจันทร์ที่ 11 เมษายน เพื่อเร่งรัดให้มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียน ส.ส.ที่เหลืออีก 18 ราย ที่เคยยื่นเรื่องเอาไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับ น.ส.ปารีณา ที่ถูกศาลพิพากษาความผิดไปแล้ว
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้เร่งรัดการไต่สวนสอบสวนและวินิจฉัย 18 ส.ส. ที่ยึดถือ ครอบครอง ที่ดินของรัฐในรูป ส.ป.ก.และ ภ.บ.ท.5 โดยเฉพาะที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งศาลฎีกาได้วางบรรทัดฐานไว้แล้ว กรณีการถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี เป็นเหตุให้ต้องตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตนั้น
นายศรีสุวรรณ กล่าวภายหลังยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช.ว่า เพื่อไม่ให้เกิดการลักลั่น หรือเลือกปฏิบัติ เพราะยังมี ส.ส.หลายราย ที่สมาคมฯ ได้ร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. ซึ่งระยะเวลาไล่เลี่ยกับการร้องเรียนกรณีของปารีณา คือ ครั้งแรกวันที่ 20 พ.ย. 62 จำนวน 3 ราย (มี น.ส.ปารีณา ด้วย) ครั้งที่ 2 วันที่ 27 พ.ย. 62 จำนวน 3 ราย ครั้งที่ 3 วันที่ 4 ธ.ค. 62 จำนวน 13 ราย รวม 19 ราย โดยเป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 5 ราย พรรคเพื่อไทย 4 ราย พรรคภูมิใจไทย 5 ราย พรรคประชาธิปัตย์ 2 ราย พรรคก้าวไกล 2 ราย พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 ราย ซึ่งถือครองที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 6 ราย ถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 12 ราย แต่เหตุใดกรณีของ น.ส.ปารีณา ป.ป.ช.จึงวินิจฉัยส่งให้อัยการฟ้องต่อศาลฎีกาได้เร็วกว่า ส.ส.รายอื่นๆ ทั้งๆ ที่สมาคมฯ ร้องเรียนไปในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน
ดังนั้น เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดง ที่ คมจ.1/2565 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ผู้คัดค้าน เรื่องการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงแล้ว ถือว่าเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญที่ชี้ให้เห็นการที่ ส.ส.ซึ่งเป็นผู้ที่มีรายได้สูง ไม่เป็นคนยากจน ไปถือครองที่ดิน ส.ป.ก. ย่อมเป็นการปิดโอกาสเกษตรกรรายอื่น ทำให้ไม่สามารถนำที่ดินไปจัดสรรให้แก่ผู้ยากไร้และไม่มีที่ดินทำกิน ย่อมทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเคลือบแคลงใจ ว่า เหตุใดผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงสามารถครอบครองที่ดินจำนวนหลายไร่ในเขตปฏิรูปที่ดินได้ ย่อมเป็นเรื่องที่ ส.ส.ซึ่งควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนทั่วไปไม่พึงปฏิบัติ การกระทำของ ส.ส.ที่ถือครองที่ดิน ส.ป.ก. จึงเป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ในการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 ข้อ 3 ข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรสอง นั่นเอง
ส่วน ส.ส.ที่ถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 แม้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ชี้มูลความผิดเป็นบรรทัดฐาน แต่เมื่อเทียบเคียงกับแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2519 ก็อาจทำให้ ป.ป.ช.วินิจฉัยได้ง่ายขึ้น เพราะ “ผู้ที่มีชื่อในใบเสร็จเสียเงินบำรุงท้องที่เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าผู้นั้นเป็นผู้เสียภาษีเท่านั้น ไม่ใช่หลักฐานแสดงว่าผู้นั้นมีสิทธิครอบครอง”
“ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงมายื่นคำร้องในวันนี้ เพื่อขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เร่งรัดการไต่สวนสอบสวนและวินิจฉัย ส.ส.อีก 18 รายที่เหลือที่ถือครองที่ดิน ส.ป.ก. และ ภ.บ.ท.5 เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเหมือนกัน โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อไป” นายศรีสุวรรณ ระบุ
เช่นเดียวกับ น.ส.ปารีณา ก็ได้ไปยื่นร้องเรียนเร่งรัดให้ ป.ป.ช.ดำเนินการกับ ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนเช่นเดียวกับเธอ ซึ่งได้พุ่งเป้ามาที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า มีการครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.เช่นเดียวกัน
โดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช.กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามาหลายราย และมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนไปบ้างแล้วประมาณ 1-2 ราย
เอาเป็นว่า งานนี้รับรอง “มีหนาว” กันแน่นอน เพราะในเมื่อมีคำพิพากษาเป็นบรรทัดฐานแบบนี้ มันก็เป็นแนวทางในการพิจารณาหาความผิดได้ง่ายขึ้น และไม่ล่าช้ามากจนเกินไปนัก และที่สำคัญ เชื่อว่า คนอย่าง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ก็คงไม่ยอมอยู่เฉยแน่ เพราะเมื่อเธอโดนประหารชีวิตทางการเมืองในความผิดที่เธอคิดว่าคนอื่นก็มีความผิดในลักษณะเดียวกัน ยังลอยนวล มันก็คงเป็นเรื่อง เพราะเธอบอกแล้ว “จะแรงอีกล้านเท่า” มันก็น่าดูชมล่ะทีนี้
อย่างที่บอกว่ามี ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนความผิดรวมกัน จำนวน 50-60 ราย มีทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเกือบทุกพรรค และมีอีก 18 คน ที่ถูกร้องเรียนเวลาไล่เลี่ยกับ น.ส.ปารีณา แต่มีเพียงกรณีของปารีณา ที่ถูกพิพากษาความผิด ขณะที่รายอื่นยังไปไม่ถึงไหน แต่เชื่อว่า นับจากนี้คงไม่ล่าช้าอีกแล้ว เพราะทาง ป.ป.ช.ก็ต้องถูกกดดันให้เร่งตรวจสอบจะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติ ดังนั้น งานนี้ถึงได้บอกว่า “มีหนาวกันทั้งพวง” ไงล่ะ !!