“อัษฎางค์ ยมนาค” นักวิชาการประวัติศาสตร์ ยก “ปารีณา แมนยิ่งกว่าแมน” เทียบผู้ชายบางคน อ้างอย่างเดียว “ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง” เจ้าตัวน้อมรับคำตัดสิน พบกันเร็วๆ นี้ นอกสภา คดีฟาร์มไก่ นัดฟังคำสั่ง “20 เม.ย.”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (8 เม.ย.) เฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค โพสต์ข้อความระบุว่า
“ปารีณา แมนยิ่งกว่าแมน”
“ปารีณา”
ศาลตัดสินความผิด จากที่ดินที่รับมรดกจากพ่อ
แต่ ปารีณา แมนกว่าผู้ชายบางคน
ยืนขึ้นรับความผิด ไม่โยนความผิดให้ใคร
ไม่เคยโวยวายว่า” โดนกลั่นแกล้ง”
“ธนาธร”
ประกาศว่า จะมาเปลี่ยนประเทศ
ประกาศว่า ต่อต้านคอรัปชั่น
ประกาศว่า คนรวยและคนมีอำนาจ ไม่เคยต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คุกหรือเรือนจำ มีไว้ขังแต่คนจน
แต่สิ่งที่ตนเองและครอบครัวทำผิด ไม่เคยกล้ารับผิด
ทุกความผิดพลาดที่ตนเองกระทำ
คือ “การถูกกลั่นแกล้ง”
คนแบบนี้หรือที่จะมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทย
ศาลตัดสินคดีปารีณารุกป่าว่า เป็นความผิดสูงสุด ถึงขึ้นประหารชีวิตทางการเมือง
ปารีณา ยืนขึ้นรับผิด ไม่โทษใคร
ในขณะที่แม่ทอนรีบออกมาพูดว่าลูกชายเล่นการเมืองเลยโดนกลั่นแกล้ง
ส่วน ปิแยร์บูด รีบออกมาปกป้องเพื่อน ด้วยการให้ร้ายรัฐธรรมนูญปราบโกง ว่าเป็นกฎหมายกลั่นแกล้งนักการเมือง เพราะหยั่งรู้ว่า ใครจะเป็นรายต่อไป
ปารีณา แมนยิ่งกว่าแมน
ธนาทวย ปิแยร์บูด แมงยิ่งกว่าแมง
แมงกระจั้ว
ขณะเดียวกัน วันนี้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พปชร. โพสต์เฟซบุ๊ก ปารีณา ไกรคุปต์ ระบุว่า
“ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี บนถนนการเมือง ปารีณาตั้งใจทำหน้าที่ผู้แทนทั้งในสภา และนอกสภาอย่างเต็มที่ ปารีณาทุ่มเทจิตใจ และทุนทรัพย์ให้กับพวกพ้องและพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่องจนทำให้ได้รับการยอมรับ และชนะเลือกตั้งตลอด ไม่เคยสอบตก วันนี้ ปารีณา ถูกพิพากษาลงโทษอย่างรุนแรง ไม่สามารถสมัครอะไรได้ตลอดชีวิต"
ด้วยความไม่รู้ ปารีณาบริสุทธิ์ใจ สุจริตใจจึงได้แจ้งต่อ ปปช.ด้วยตนเองว่า ครอบครองทำประโยชน์อยู่บนที่ดิน ภบท 5
พบว่า..สปก มีการประกาศเขต สปก จังหวัดราชบุรี แต่มิได้ประกาศกำหนดว่าซอยไหน ส่วนไหนของราชบุรี เป็น สปก ไม่มีแม้แต่ป้าย กำนันผู้ใหญ่ก็ไม่ทราบว่า ตรงไหนเป็นหรือไม่เป็นสปก สปก วิ่งผ่านที่ดินฟาร์มไก่ ก็ไม่เคยทักท้วงหรือดำเนินคดี จนกระทั่งมีคนร้องเรียนว่า ปารีณาบุกรุกป่า นำไปสู่การตรวจสอบและพบว่า ที่ดินผืนดังกล่าว ไม่ใช่ป่า แต่เป็นพื้นที่ สปก ทั้งหมด ที่ยังไม่ได้มีการจัดสรรให้แก่ราษฎร (ยังไม่ได้จัดสรรแปลว่ายังไม่ได้เกิดความเสียหายหรือยังไม่ได้มีการแย่งที่ทำกิน) แต่มีการใช้งบประมาณดำเนินการแผนงานไปแล้ว และเหตุผลที่ยังไม่มีการจัดสรรเพราะสปกมีกำลังคนและงบประมาณที่จำกัด
พอปารีณาทราบว่าเป็น สปก จึงทำหนังสือส่งมอบคืนที่ดินพร้อมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้สปก ส่วนเพื่อนบ้านพอทราบว่า พื้นที่แถวนั้นเป็น สปก ก็เพิ่งจะไปออก สปกกัน #ภายหลัง จากมีเรื่อง
ปารีณาถูกพิพากษาว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง เสื่อมเสีย ตัดสิทธิสมัครตลอดชีวิต ปารีณาและพี่ทนายทิวา ได้พยายามอย่างสุดความสามารถในการสู้คดีแสดงให้ศาลเห็นและหวังจะได้ความเมตตาจากศาล ศาลก็เมตตาปารีณา ขอกราบขอบพระคุณศาลในความเมตตา และขอน้อมรับคำพิพากษา
วันนี้ ความผิดของปารีณา เปรียบได้กับการลงโทษสูงสุด การลงโทษในคดีมีหลายระดับ คือ เริ่มจากปรับ จำคุก หรือประหารชีวิต ปารีณาถูกพิพากษาเปรียบเสมือนทำผิดร้ายแรงถูกประหารชีวิต (ทางการเมือง) จากที่ดินพ่อให้มา และนี่คือคดีที่จะเป็นบรรทัดฐานต่อนักการเมืองและข้าราชการต่อไป
ถึงแม้ปารีณาไม่สามารถเป็นผู้แทนของท่านได้อีกต่อไป ปารีณาขอขอบคุณทุกกำลังใจ และจะขอยึดมั่นอุดมการณ์ของปารีณาต่อไป และเราจะได้พบกันอีก
#ปิดฉากปารีณาไม่เชิญก็ไปมีอะไรก็มา #ผู้แทนบ้านๆฉบับปารีณา #เกมส์ในสภา แต่พบกันอีกเร็วๆ นี้ นอกสภานะคะ
สำหรับการโพสต์ครั้งนี้ของ น.ส.ปารีณา ยังโพสต์คลิปวิดีโอ ที่มีภาพตัวเองขณะทำงาน ส.ส. และมีเพลง “คนดีไม่มีวันตาย” คลอไปด้วย
นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่า นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยความคืบหน้าในคดีพนักงานสอบสวน ปทส.นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในข้อหาบุกรุกที่ป่าสงวน และพื้นที่ป่า โดยการทำ และจัดสร้างฟาร์มไก่ หมู่ 16 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งมีการส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดราชบุรีเมื่อช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ น.ส.ปารีณา ผู้ต้องหา มีการยื่นร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาหลายประเด็น ซึ่งล่าสุดผู้ต้องหาได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมซึ่งเป็นประเด็นใหม่ ทางอธิบดีอัยการภาค 7 จึงมีคำสั่งตามร้องขอความเป็นธรรมเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา และให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติม และนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 20 เม.ย.นี้
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ความเป็น “บรรทัดฐานใหม่ในอนาคต” ของนักการเมือง และข้าราชการในการทำผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งผู้ใหญ่ทุกคนในรัฐบาล ต่างหยิบยกเอาเรื่องนี้มาอธิบาย
ราวกับว่า การเสียสละ “ปารีณา” ครั้งนี้ ไม่ได้สูญเปล่า?
และ “ปารีณา” เอง ก็พูดในทำนองเดียวกัน เหมือนยอมเสียสละชีวิตทางการเมืองตัวเอง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ 2560 หรือ “ฉบับปราบโกง” ที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ออกมาเรียกร้องให้แก้ไข “ถอนพิษ” โดยไม่ได้ถือโทษอะไร หรือใครแต่อย่างใด ด้วยการน้อมรับคำตัดสินของศาลฯ
ยิ่งกว่านั้น คนที่ถูกรัฐธรรมนูญ 2560 ตัดสินชีวิตทางการเมือง ที่ทำผิดจริยธรรมร้ายแรง ยังเป็นคนของรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่ฝ่ายต่อต้าน คัดค้านรัฐธรรมนูญด้วย จึงน่าสนใจว่า ถ้าคนจากฝ่ายต่อต้าน คัดค้านรัฐธรรมนูญ โดนลงโทษในคดีที่คล้ายคลึงกัน จะเป็นอย่างไร
เพราะก่อนหน้านี้ แม่ของนักการเมืองดังคนหนึ่ง ที่ชอบอ้างถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ก็ออกมาโอดครวญ หลังถูกดำเนินคดี และเพิกถอน น.ส.3 ก.รุกป่าสงวนแห่งชาติ กว่าพันไร่ ว่า ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองไปแล้ว
ดังนั้น รายต่อไปที่จะโดนคดีคล้ายคลึงกัน จึงนับว่าน่าจับตามอง ถ้า “มวยไม่ล้มต้มคนดู” เสียก่อน!?