xs
xsm
sm
md
lg

ตั้ง 2 พลเอก คุมพื้นที่ งานนี้ “บิ๊กป้อม” เอาจริง !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เมืองไทย 360 องศา

การประกาศกลางที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ ที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อสุดสัปดาห์ ที่ผ่านมาของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ยืนยันว่า จะทำพรรคให้เป็น “สถาบัน” ทางการเมือง ท่ามกลางสมาชิกพรรคที่เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง และมีการโหวตรับรองกรรมการบริหารพรรคคนใหม่อีก 4 คน ตามที่เสนอชื่อเข้ามา รวมไปถึงการแต่งตั้งเลขาธิการพรรค ผู้อำนวยการพรรค รวมไปถึงตำแหน่งอื่นอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ดี ที่น่าจับตามอง ก็คือ การแต่งตั้งอดีตนายทหารระดับพลเอก จำนวน 2 ราย เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากทั้งสองคน ถือว่าเป็น “มือไม้” หรือมือทำงานให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างใกล้ชิดมาตลอด โดยเฉพาะการเลือกตั้งคราวที่แล้ว เมื่อปี 2562 โดยอดีตนายทหารคนดังกล่าว ก็คือ  พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และคนที่สอง คือ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ อนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ และอดีตนายทหารฝ่ายเสธ. ของ พล.อ.ประวิตร เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

แม้ว่า ภาพในวงนอกอาจจะมองว่า การตั้งอดีตนายทหารเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค จะเหมือนกับการเป็น “พรรคทหาร” ไม่ทันยุคสมัย แต่สำหรับวิถีการเมืองไทย อาจมีข้อยกเว้นบางอย่าง รวมไปถึงสิ่งที่คนอื่นเห็นอาจมีความจำเป็นในทางปฏิบัติก็เป็นได้

และหากพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ของทั้งคู่แล้ว ถือว่าใช่เลย เพราะถือว่าเติบโตในราชการทหารในพื้นที่ทางภาคอีสานมาตลอด โดยเฉพาะ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร ที่เคยเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 คุมภาคอีสานทั้งภาค และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ พวกเขาก็ได้มอบหมายให้ควบคุมดูแลในเรื่องการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อีกด้วย แน่นอนว่า หากมองในมุมการเมือง มันก็ใช่เลย ซึ่งเรื่องน้ำถือว่าเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่สำคัญ

หากย้อนไปในการเลือกตั้งคราวก่อน ในวงการก็รับรู้กันว่า สำหรับ พล.อ.ธัญญา มีบทบาทไม่น้อย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งแน่นอนว่า ต้องขับเคี่ยวกับพรรคตรงข้ามในเครือข่ายของ นายทักษิณ ชินวัตร จนมีส่วนช่วยให้การเลือกตั้งคราวนั้น พรรคพลังประชารัฐ เจาะไข่แดงเข้ามาได้หลายพื้นที่ บางพื้นที่ก็ถือว่าเกือบได้

แม้ว่าสถานการณ์ในวันนี้ กับเมื่อปี 2562 จะเปลี่ยนแปลงไป แต่เชื่อว่า ทั้งคู่ยังเกาะติดพื้นที่ มันก็ไม่อาจมองข้ามได้ง่ายๆ ที่สำคัญ อดีตนายทหารทั้งสองคน ถือว่าสามารถเชื่อมโยงไปถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่ คือ “ตท.12” อีกด้วย

ประกอบเมื่อพิจารณาจากคำพูดของ “บิ๊กป้อม” ต่อหน้าสมาชิกพรรคที่โคราชเมื่อวันก่อน ที่ย้ำว่า จะทำให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมืองให้ได้ นั่นก็หมายความว่า ในการเลือกตั้งคราวหน้า พรรคพลังประชารัฐยังอยู่ และพร้อมลงสนามสู้ศึกอีกรอบ และการตั้งสองนายพลคู่ใจ มันก็เป็นคำตอบชัดเจนแล้วว่างานนี้ “เอาจริง”

ขณะเดียวกัน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เลขาธิการพรรคนใหม่อย่างเป็นทางการ ก็กล่าวกับสมาชิกพรรคแบบมั่นใจว่า ในการเลือกตั้งคราวหน้า พรรคพลังประชารัฐจะได้รับเลือกไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่งแน่นอน ส่วนจะเป็นจริงแค่ไหน หรือเพียงแค่ “โม้” เพื่อปลอบใจตัวเองหรือไม่ ยังไม่อาจสรุปได้ เพราะยังไม่ถึงเวลาลงสนามแข่งขัน

นอกเหนือจากนี้ ที่น่าจับตา ก็คือ คำพูดล่าสุดของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงแนวทางทางการเมืองของตนเอง หลังจากมีข่าว ส.ส.ย้ายเข้า-ย้ายออก จากพรรคการเมืองกันมากในขณะนี้ ว่า “ผมไม่ไปไหนหรอก อยู่พรรคพลังประชารัฐ นี่แหล่ะ” ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า นายสุริยะ และกลุ่มสามมิตร จะย้ายกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทย นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่มี ข่าวที่ออกมาอาจมองว่าตนมาจากพรรคเพื่อไทย เลยคิดว่าตนจะกลับไปพรรคเพื่อไทย แต่ยืนยันตนอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนหรอก

สำหรับกลุ่ม “สามมิตร” ในพรรคพลังประชารัฐ ถือว่า เป็นกลุ่มก๊วนสำคัญที่ระยะหลัง ถือว่ามีบทบาทสำคัญในพรรค หลังจากที่กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แยกตัวออกไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกัน ก็ถูกจับตามองว่า ในการเลือกตั้งคราวหน้าอาจจะย้ายพรรค ซึ่งบางกระแสอ้างว่าจะกลับไปพรรคเพื่อไทย โดยนอกเหนือจาก นายสุริยะ แล้ว ในกลุ่มดังกล่าวก็ยังมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ดังนั้น การออกมายืนยันจากปากของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แบบนี้ ถือว่าหยุดกระแสข่าวดังกล่าวลงไปได้พอสมควร ซึ่งจะว่าไปแล้ว พวกเขาก็ยังถือว่ามีความแนบแน่นกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้อย่างดี โดยได้รับมอบหมายบทบาทสำคัญไม่น้อย เช่น นายอนุชา ที่ล่าสุด ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการแก้ปัญหาเรื่องขายสลากกินแบ่งฯ เกินราคา ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ เพราะกระทบกับคนไทยแทบทุกคน หากทำผลงานเข้าตา ก็ต้องถือว่าเป็นการสร้างผลงานเป็นที่จดจำได้ไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงท้ายๆ ของวาระรัฐบาลชุดนี้

หากพิจารณากันในทางการเมืองและโฟกัสไปที่การแต่งตั้ง “สองนายพลเอก” คนสนิทที่เป็น “มือทำงาน” ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรคแบบเป็นทางการเพราะถือว่าน่าจับตา หากพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ที่พวกเขาเติบโตมาในกองทัพภาคที่สอง ที่เป็นพื้นที่ภาคอีสาน และแน่นอนว่า ทำให้การเลือกตั้งคราวหน้าต้องสู้กันมันหยดแน่ โดยเฉพาะสมรภูมิการเลือกตั้งในภาคอีสาน ที่ถือว่าเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ระดับพรรคการเมืองใหญ่ ต้องการกวาดพื้นที่ให้มากที่สุด

ขณะเดียวกัน ยังมีเจตนาขัดขวาง “แลนด์สไลด์” ของพรรคเพื่อไทย ตามเป้าหมายของ นายทักษิณ ชินวัตร ให้มากที่สุด ซึ่งเชื่อว่า งานนี้ต้องมีการตามประกบกันทุกฝีก้าวแน่นอน

ดังนั้น หากพิจารณาความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ ถือว่า งานนี้ “บิ๊กป้อม” ต้องการไปต่อ และ “เอาจริง” ส่วนจะไปต่อแบบไหน จะพ่วงไปกับ “บิ๊กตู่” ชูเป็น “นายกฯคนเดียว” หรือว่า “เป็นหนึ่งในแคนดิเดต” อีกไม่นานก็คงรู้กัน แต่ถ้าออกแบบอย่างหลัง ก็ตัวใครตัวมัน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น