ข่าวปนคน คนปนข่าว
** อย่างงี้จะไหวมั้ยลุง! “อัศวิน” เปิดตัวลงผู้ว่าฯ นึกว่า งานเลี้ยงรุ่นชาวสูงวัย กทม. หาคนดังไม่เจอ-“บิ๊กแป๊ะ” ไม่มา
ที่โกดังเสริมสุข ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตคลองสาน เห็นข่าวว่า บรรยากาศการเปิดตัว “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ที่เพิ่งกลายเป็นอดีตผู้ว่าฯ กทม.มาหมาดๆ โดยตอนนี้ถือเป็น ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ แทน เพื่อหวังกลับมานั่งในตำแหน่งอีกครั้งนั้น คึกคักพอประมาณ
ว่ากันว่า มีผู้เข้าร่วมงานเป็นอดีตข้าราชการ กทม. ที่เกษียณอายุราชการหลายต่อหลายคน เช่น “สมพงษ์ เวียงแก้ว” อดีตผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม. “โกสิน เทศวงษ์” อดีต ผอ.สำนักการศึกษา “ธีรวัจน์ ห้วยหงส์ทอง” อดีต ผอ.กองควบคุมการก่อสร้าง สำนักการโยธา “เกรียงยศ สุดลาภา” อดีต รองผู้ว่าฯ กทม. “ศักดิ์ชัย บุญมา” อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. “พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์” อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. “วัลลภ สุวรรณดี” อดีตประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. “สามารถ มะลูลีม” อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.
มองผ่านๆ ใครผ่านไปผ่านมา ไม่รู้นี่อาจจะนึกว่า เป็นงานมารวมตัวกันของผู้สูงวัยจัดสังสรรค์เลี้ยงรุ่นคืนสู่เหย้าศิษย์เก่า กทม.
ขณะที่มีบุคคลอื่นๆ ฟังว่า มี “ทินกร ปลอดภัย” อดีตผู้ช่วยเลขาผู้ว่าฯ กทม. เป็นรองผู้อำนวยการเลือกตั้ง รับผิดชอบฝั่งกรุงเทพตะวันออก “พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช” อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อดีตนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ และเลขาธิการพรรคไทยภักดี “พล.ต.อ.วินัย ทองสอง” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ “ปราโมทย์ เจริญศิลป์” นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย “ดินัย ชุ่มชื่น” ผู้แทนอิหม่ามในพื้นที่กรุงเทพฯ “พิพัฒน์ ลาภปรารถนา” อดีตประธานสภากรุงเทพมหานคร "สุชัย พงษ์เพียรชอบ" คนสนิทของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย
นอกนั้นก็เป็นกองเชียร์ หางเครื่อง สวมเสื้อ “อัศวินเมืองกรุง” มาให้กำลังใจ มอบดอกไม้ และ ถ่ายรูปคู่กับ “พล.ต.อ.อัศวิน” ตามธรรมเนียม ...แต่คนตาดีก็พยายามกวาดสายตา มองหาบรรดา “คนดัง” ที่ก่อนนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ให้คนแจ้งว่า จะมีคนนั้น คนนี้ มาร่วมการเปิดตัว เช่น “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเดินทางมาให้กำลังใจด้วย
จนแล้วจนรอด ไม่มีแม้แต่เงาของ “บิ๊กแป๊ะ” จะมาร่วมงาน แว่วว่า งานนี้อดีต ผบ.ตร. ไม่รู้เรื่อง เพราะมีภารกิจอื่นที่ต้องทำอยู่แล้ว
นี่จึงมีความเป็นไปได้ว่า “บิ๊กแป๊ะ” โดนอ้าง เหมือนที่หลายๆ พรรคการเมือง พยายามจะอ้าง พยายามดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง เพราะเห็นว่า ชื่อชั้นของ “พล.ต.อ.จักรทิพย์” นั้นขายได้ เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มราคาให้ตัวเองได้
โหมโรง “อัศวินเมืองกรุง” ที่ว่ากันว่ามีแบ็กเป็นคนใหญ่คนโตในรัฐบาลหนุนหลัง เริ่มก็ไม่ตรงปก ไม่สมราคาคุยเสียแล้ว ...อย่างนี้จะไหวมั้ยลุง!
**หัวหน้าครอบครัวข้าใครอย่าแตะ “เหลิม” หอบสังขารออกปกป้อง “อุ๊งอิ๊ง”
หลังจากพรรคเพื่อไทย จัดอีเวนต์ ยกระดับ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดเลิฟของ “ทักษิณ ชินวัตร” ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ของพรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมาย ตัวอย่างเช่น...
“วันชัย สอนศิริ” ส.ว.โพสต์เฟซบุ๊กว่า ... ทักษิณใจเร็วด่วนได้ การประกาศให้ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นหัวหน้าครอบครัว เพื่อเตรียมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถือเป็นการทำลายพรรค ทำลายครอบครัว แบบไม่เห็นคุณค่าของ “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่เพิ่งขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค...ที่สำคัญคือ เป็นการส่ง “อุ๊งอิ๊ง” มาตายในสนามการเมืองชัดๆ .... ใครจะมองอย่างไรก็ช่าง เกมนี้ผมว่าเป็นการทำลายพรรค ทำลายลูก ทำลายครอบครัวแบบเลือดเย็น ข้อสอบทางการเมืองไม่ง่ายเหมือน “อุ๊งอิ๊ง” สอบเข้ามหาลัย ...ส.ว.วันชัย ทิ้งท้าย
หรืออย่าง “เทพไท เสนพงศ์” อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ก็โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า งานนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นพ่อ เปิดหน้าชก และ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นไพ่ใบสุดท้ายของ “ทักษิณ” ที่จะต่อสู้ทางการเมือง โดยมีเดิมพันคือ การกลับมาประเทศไทยอย่างเท่ๆ
นอกจากนี้ ยังเป็นการบอกต่อสังคมว่า “ทักษิณ” ได้ส่งคนในครอบครัว เข้ามาควบคุมและนำพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคการเมืองของตระกูลชินวัตร เป็นการบอกกับ ส.ส.ในพรรคว่า เที่ยวนี้เอาจริง ขณะเดียวกัน ก็หวังจะดึงคะแนนเสียงคนรุ่นใหม่ ที่ทับซ้อนอยู่กับพรรคก้าวไกล ให้มาอยู่กับพรรคเพื่อไทย
เป็นธรรมดาของสังคมการเมืองที่มีการแบ่งข้างกันชัดเจนอย่างนี้ เมื่อมีคนวิพากษ์วิจารณ์ ก็มีคนออกมาปกป้อง และคนที่ออกมาปกป้อง “อุ๊งอิ๊ง และทักษิณ” ก็มี “สุธรรม แสงประทุม” กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย และอดีตผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ที่ออกมาซัดแหลก ให้ “ส.ว.วันชัย” สงบปากสงบคำ อย่าแสดงตัวเป็นลูกไล่ ยกหู ชูหางเผด็จการจนออกนอกหน้า
อีกคนที่หายหน้าหายตาไปนาน อย่าง “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ขุนศึกฝั่งธนฯ ของพรรคเพื่อไทย ก็เดินทางไปที่ที่ทำการพรรค เพื่อให้สัมภาษณ์สื่อถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพราะเห็นว่า ทั้ง “วันชัย” และ “เทพไท” ล้ำเส้น ที่มาวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินกิจการของพรรคเพื่อไทย
“น.ส.แพทองธาร เข้ามาการเมืองแล้วจะประสบความสำเร็จ หรือไม่ เป็นเรื่องเฉพาะตัว เป็นความสามารถส่วนบุคคล อย่าโจมตีเด็กที่บริสุทธิ์ทางการเมือง ไม่อยากให้คนที่มีความตั้งใจ และบริสุทธิ์ใจทางการเมือง ต้องมาแปดเปื้อน เพราะนักการเมืองบางคน เรื่องนี้มีการวางแผนกันไว้ เพื่อสกัดกั้นบุตรสาวนายทักษิณ ... ประชาชนจะเลือกใคร ไม่ใช่เรื่องของพวกท่าน แต่เป็นเรื่องของประชาชน ไม่ต้องมายุ่ง พรรคไหนได้คะแนนมาก ก็ได้จัดตั้งรัฐบาล การเมืองเขาเล่นกันแบบนี้ วันนี้คะแนนพรรคเราดี ผู้สมัครเราก็ดี และ น.ส.แพทองธาร เก่ง หลานจะช่วยพรรคได้เยอะ การเมืองรอบนี้จะสนุก แล้วพวกหลานๆ จะได้เห็นคนร้องไห้....”
“ร.ต.อ.เฉลิม” ยังใช้โอกาสนี้ อภิปรายนอกสภา ถึงความล้มเหลวของ “นายกฯ ตู่” อาทิ เรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ไม่ทันสถานการณ์ ปฏิบัติไม่ได้ ... นโยบายการปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งล้มเหลว ... ขาดวิสัยทัศน์ ขาดความรู้ ความเข้าใจ “พล.อ.ประยุทธ์” มักจะสั่งราชการในลักษณะขาดความรู้ ความเข้าใจ ในเนื้อหาสาระ วางคนไม่เหมาะสมกับงาน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ... ภาพลักษณ์บนเวทีต่างประเทศก็ไม่ได้เรื่อง ...การแก้สถานการณ์โควิด ผิดพลาด ล้มเหลว ... นโยบายแจกเงิน ส่งผลเสียในระยะยาวต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ...ขาดภาวะผู้นำ เห็นได้จากการแสดงออกในที่สาธารณะหลายๆ ครั้ง เช่น การแสดงอาการหงุดหงิด ข่มขู่ ใช้คำพูดไม่สุภาพกับสื่อ...
“พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯมาหลายปีแล้ว พอเถอะ ตอนรัฐประหาร บอกจะทำหลายเรื่อง ความสงบจบลงที่ลุงตู่ แต่กลายเป็นรัฐบาลที่คนฆ่าตัวตายมากที่สุด ท่านต้องปรับปรุงตัวเอง อย่าอวดดี ถือเด่น ความผิดพลาดของท่าน ทั้งหมด ผมวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลด้วยความเป็นจริง” ร.ต.อ.เฉลิม ตอกย้ำ
เมื่อ “ร.ต.อ.เฉลิม” ออกมาทำคะแนนตีกินอย่างนี้ “เทพไท” ย่อมไม่อยู่เฉย ออกมาบอกว่า ก็ไม่ได้ถือสาอะไรกับท่าทีของ “เฉลิม” ขอกันกินมากกว่านี้ แต่ที่อยากจะชี้แจงข้อเท็จจริง ก็คือ สิ่งที่ตนเองได้วิพากษ์วิจารณ์ หรือวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการเข้ามาเป็น “หัวหน้าครอบครัว” ของ “อุ๊งอิ๊ง” นั้น เป็นการวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ใส่ร้าย หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง จึงยังไม่เห็นว่าจะเสียหายตรงไหน แต่ “ร.ต.อ.เฉลิม” กลับรีบออกมาปกป้อง “อุ๊งอิ๊ง” ยิ่งกว่าไข่ในหินเสียอีก ที่ทำไปนั้นเพื่อเอาอกเอาใจใครบางคนหรือเปล่า
“เทพไท” เห็นว่า เมื่อ “อุ๊งอิ๊ง” ตัดสินใจก้าวเข้ามาสู่สนามการเมือง ก็ถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ เปรียบเสมือนการออกมายืนอยู่ที่แจ้ง ก็ต้องพร้อมที่จะถูกแสงสปอตไลต์ส่องเข้ามา เพื่อให้ประชาชนได้เห็นโฉมหน้าค่าตาที่แท้จริง เหมือนกับนักการเมืองทั่วไป และต้องพร้อมจะชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง
แต่การที่มีนักการเมืองรุ่นลายคราม รุ่นแตกลายงา ที่กำลังจะกลายเป็นวัตถุโบราณไปแล้ว ออกมาตอบโต้แทนนั้น สังคมจะพิจารณาได้เองว่า มีความเหมาะสม มีวุฒิภาวะในการพูดมากน้อยเพียงใด
นี่เพิ่งแค่โหมโรม เชื่อว่า หลังจากนี้ เมื่อ “อุ๊งอิ๊ง” ขยับขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมาอาจจะดังกว่านี้ก็เป็นได้