นี่ก็อีกผลกระทบของ “สงคราม”! อดีตรองนายกฯ-แฟนคลับ “ลุงตู่” บุกเมนต์ “ท่านใหม่” เจ้าตัวโต้ “ปัญญาอ่อน” “หมอเหรียญ” ตอบชัด ทำไมเลือกข้างรัสเซีย จีน และพันธมิตร ระบุ ไม่ได้ไปเหยียบศีรษะบุพการีของใคร
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (12 มี.ค.) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น เดือดระอุ! อดีตรองนายกฯ-แฟนคลับลุงตู่ บุกเมนต์ท่านใหม่ เจ้าตัวโต้ปัญญาอ่อน
โดยระบุว่า จากที่ ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ ท่านใหม่ โพสต์ข้อความ ประเทศไทยต้องไม่เป็นยูเครนสอง อย่าคิดทำลายมิตรภาพที่ดีระหว่างประเทศจีน และประเทศไทย ไปหลงเชื่อพวกคนแดนไกลนั้น
ทั้งนี้ โดยมีเนื้อหาบางส่วนที่ระบุว่า ขณะนี้ประเทศไทย เรา รัฐบาลเรา ก็ประพฤติปฏิบัติอย่างเดียวกันกับยูเครน นั่นคือ ได้ไปทำข้อตกลงกับสหรัฐฯก่อตั้งพันธมิตรตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ในการต่อต้านภัยคุกคามจากจีน โดยจะมี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์เข้ามาผสมโรงด้วย
ใครชักศึกเข้าบ้าน คือ อริราชศัตรู และเป็นศัตรูของคนไทยทั้งประเทศ ดังนั้น เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของชาติบ้านเมือง คนไทยทั้งประเทศจะต้องร่วมกันปฏิเสธการตั้งตัวเป็นศัตรูกับจีนในทันที
ผู้นำรัฐบาลไทยต้องขับไล่ตัว ยุยง และตัวโง่ออกไปจากหัวสมองมั่ง แล้วฟังเสียงประชาชนให้มาก ประชาชน นักวิชาการที่ฉลาดๆ ที่รักชาติบ้านเมือง มีมากกว่าคนในรัฐบาล”
ต่อมาเมื่อข้อความดังกล่าวของท่านใหม่ เผยแพร่ออกไป ก็ปรากฏว่า มีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางคอมเมนต์ตำหนิ และตั้งคำถามกลับ ทำให้ท่านใหม่ ต้องเข้ามาตอบค่อนข้างดุเดือด เช่น
Pongpol Adireksarn “เอกสารนี้แค่บอกยุทธศาสตร์และนโยบายของสหรัฐอเมริกาต่อเอเชียและแปซิฟิกโดยรวมเท่านั้น ไม่มีกล่าวถึงไทยโดยเฉพาะ พูดถึงหลักการของความสัมพันธ์กับอาเซียนเท่านั้น ไม่ใช่สนธิสัญญาที่มีการลงนามอะไรเลย”
จุลเจิม ยุคล “ด่วนมาก!!!! รัฐมนตรีต่างประเทศ แถลงว่า พลเอก ประยุทธ์ จะไปประชุมที่สหรัฐฯปลายเดือนนี้ ซึ่งสหรัฐฯนัดประเทศอาเซียนไปประชุมเกี่ยวกับยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก
พลเอก ประยุทธ์ ได้ลงนามเข้าร่วมพันธมิตรกับสหรัฐฯ ในยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก เมื่อปี 2562 ซึ่งสหรัฐฯได้ประกาศยุทธศาสตร์นี้ เพื่อการต่อต้านจีน #ยูเครน2 #ชักศึกเข้าบ้าน”
“ขอทราบหลักฐานความจริงหน่อยครับ เพราะพวกเราไม่เคยทราบเลย และเชื่อว่า เราคงไม่ทำอย่างนั้น”
“ไล่ดูใน comments ค่ะ จะเห็นพร้อมภาพ มีคนเอามาลง”
จุลเจิม ยุคล “ผมติเพื่อก่อก่อนที่จะสายเกินไป”
“ไม่น่าจะใช่ติเพื่อก่อค่ะแบบนี้ ถ้าติเพื่อก่อทำไมไม่บอกไปในโพสต์ด้วยล่ะว่าติเพื่อก่อ แต่โพสต์แบบนี้คือทำให้ลุงตู่ถูกด่ามากกว่า อีกอย่างถ้าลุงตู่โง่คงจะไม่ได้เป็น ผบ.ทบ.มั้ง”
จุลเจิม ยุคล “คนละประเด็น”
“ขออนุญาตนะครับ ขอรายละเอียดข้อตกลงที่ท่านว่าสักหน่อยครับ ว่าไปตกลงกันเมื่อไร รายละเอียดในข้อตกลง มีว่าอย่างไรน่ะครับ ต้องประทานโทษนะครับ ถ้าท่านจะเขียนแบบนี้ท่านต้องมีรายละเอียดแนบมาด้วยครับ จะลอยๆ แบบนี้ ผมเกรงว่าจะไม่เหมาะสมครับท่าน การเขียนลอยๆ แบบนี้ มันเป็นของพวกเด็กสามกีบ เขาเขียนกันน่ะครับ”
จุลเจิม ยุคล “ลองหาอ่านข่าวเอาเองก็แล้วกัน คุณไม่ใช่เด็กปัญญาอ่อนต้องให้ผมป้อนข้าวป้อนน้ำ”
“สถานทูตสหรัฐฯนำข้อตกลงนี้ออกมาเผยแพร่ คนไทยจึงเพิ่งรับรู้กันในระยะไม่กี่วันมานี้ จึงมีการกล่าวขานกันอย่างกว้างขวางว่า นี่คือ การกระทำที่ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านอย่างเดียวกันกับยูเครน”
จุลเจิม ยุคล “ไม่มีเจตนาอะไร มิได้เชิญคุณอ่าน”
จุลเจิม ยุคล “เสียเวลาของผมเช่นกัน”
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น หมอเหรียญ ลั่นชัด ทำไมเลือกข้างรัสเซีย-จีน พร้อมตอกหน้า ปธน.ยูเครน หงายเงิบ
เนื้อหาระบุว่า จากที่ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้โพสต์ข้อความให้กำลังประธานาธิบดี ปูติน ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ทั้งเห็นด้วยและสนับสนุนนั้น
ทั้งนี้ โดยมีเนื้อหาบางช่วงที่หมอเหรียญทอง โพสต์ระบุว่า ผมขอส่งกำลังใจให้ ฯพณฯ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน และกองทัพรัสเซียครับ ชื่นชมในภาวะผู้นำ ความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว เด็ดขาดของท่านมาตลอด ทั้งยังแสดงออกถึงความจริงใจ เป็นมิตรที่ดี ไม่เจ้าเล่ห์ต่อราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน เชื่อถือได้ เช่นเดียวกับ ฯพณฯ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง
“ผมไม่ใช่นักการเมืองนะครับ ไม่ใช่ผู้บริหารราชการแผ่นดินด้วย เป็นแค่ประชาชนคนหนึ่งที่เป็นทหารแก่เก่าบำนาญ ดังนั้น ผมจะรักใครเชียร์ใครมันก็เรื่องของผม ไม่ใช่นโยบายการเมืองระหว่างประเทศของผู้บริหารราชการแผ่นดินนะครับ หัวหน้าพรรคการเมือง ผู้บริหารราชการแผ่นดินต่างหากครับที่ต้องระมัดระวังการแสดงความชัดเจน ไม่ใช่ผม กรุณาดัดจริตโลกสวยกับคนอื่น ไม่ใช่มาดัดจริตกับผม ผมมีลักษณะเป็นเผด็จการ ผมก็นิยมชมชอบของผม แล้วจะมาเสือ…อะไรกับผมล่ะครับ”
ล่าสุด วันนี้ (12 มี.ค.) หมอเหรียญทอง ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับท่าทีและจุดยืนว่า
“ผมพูดชัดๆ ง่ายๆ ว่า มีแต่รัฐบาลชาติมหาอำนาจตะวันตก ทั้งสหรัฐฯ และบางประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปนี่แหละ ที่แทรกแซงกิจการภายในราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะการสนับสนุนขบวนการบั่นทอนความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
ในขณะที่ รัสเซีย จีน และชาติพันธมิตรทั้งหลายไม่เคยยุ่งยาก ก้าวล่วง แทรกแซงราชอาณาจักรไทย เลยแม้แต่น้อย แล้วคนไทยอย่างผม ซึ่งไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่มีอำนาจหน้าที่ต่อการกำหนดนโยบายรัฐในการดำเนินนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ เป็นแค่ทหารนอกราชการแก่ๆ คนหนึ่ง แล้วทำไมผมจะต้องแสดงตนเป็นกลางเล่าครับ
การแสดงตนของผมในการเลือกข้างรัสเซีย จีน และชาติพันธมิตร ก็เป็นสิทธิเสรีภาพของผม ไม่ได้ไปเหยียบศีรษะบุพการีของใครนี่ครับ
แต่ถ้าผมเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ มีอำนาจรัฐ หรือทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ผมก็คงจะต้องแสดงตนเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยรวม ผมคงไม่เลือกที่จะชักศึกเข้าบ้าน เหมือนประธานาธิบดียูเครน …ผมยอมที่จะถูกตราหน้าว่าขี้ขลาด แทงกั๊กครับ”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ผลกระทบของ สงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะคู่ต่อสู้ และฝ่ายสนับสนุนโดยตรงเท่านั้น หากแต่ประชาคมโลก และประชาชนของแต่ละประเทศ ก็อาจมีข้อถกเถียงที่ไม่แตกต่างกัน นั่นคือ ใครผิด ใครถูก ผู้นำของตนควรเลือกแสดงจุดยืนอย่างไร ที่แสดงจุดยืนไปแล้ว เป็นบวก หรือลบต่อประเทศ ได้หรือเสียอะไรหรือไม่ จะมีผลถึงขั้น “ชักศึกเข้าบ้าน” ตามมาหรือไม่ รวมทั้งจุดยืนส่วนตัวของประชาชนแต่ละคน ที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของตน
ถ้ามองในมุมนี้ ก็ไม่แปลก ที่ในโลกโซเชียลจะมีข้อถกเถียงเหล่านี้อย่างดุเดือดเช่นกัน และบางครั้งบางทีก็มีเรื่องของการใช้อารมณ์เข้ามาแทรกด้วย ทั้งที่ความจริง อาจเนื่องมาจากการเจตนาดีด้วยกันทั้งสิ้นก็ตาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ต้องยอมรับว่า มีความขัดแย้งแตกแยกทางความคิด และแบ่งฝ่ายทางการเมืองอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น การแสดงความเห็น และการโพสต์ข้อมูลบางเรื่อง ก็อาจมีทั้งข้อมูลที่เป็นความจริง บิดเบือน หรือแม้กระทั่งจงใจขุดบ่อล่อปลา ให้คนออกมาทะเลาะกัน สร้างความสับสนปั่นป่วนก็มี ยิ่งโลกโซเชียลที่ไม่ค่อยมีการตรวจสอบข้อมูล และนำเอาไปขยายผลต่อแบบง่ายๆ ก็จะเกิดประเด็น “ดรามา” หรือ ทะเลาะกันได้โดยง่ายเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่มีการถกเถียงกันระหว่าง “ท่านใหม่” กับ อดีตรองนายกฯปองพล รวมถึงชาวเน็ต ดูแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรมาก นอกเสียจากการได้มาซึ่งข้อมูล หรือต้องมีการตรวจสอบให้ดีก่อนเอามาแสดงความเห็น มิเช่นนั้น ก็จะเกิดคำถามตามมาอย่างที่เห็น ว่า มีเจตนาอย่างไร และทำไมไม่แสดงหลักฐานประกอบ
ส่วนกรณีของ “หมอเหรียญทอง” เจ้าตัวออกมาระบุอย่างชัดเจนแล้วว่า เหตุใดเลือกข้างรัสเซีย จีน และพันธมิตร แล้วก็เป็นสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นเท่านั้น ไม่ต้องการให้มีผลต่อรัฐบาล หรือ การเมืองระหว่างประเทศแต่อย่างใด เพราะไม่มีบทบาทในการบริหารราชการหรือประเทศ
แต่ที่น่าคิดก็คือ ผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครน มันเกิดขึ้นอย่างมหาศาล ไม่แต่เฉพาะการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน เศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศของประเทศมหาอำนาจ ที่อาจดึงเอาประเทศทั่วโลกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งได้ ความเปราะบางที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ฯลฯ
แม้แต่การถกเถียงกันบนโลกโซเชียล ก็ยังผลต่ออารมณ์ความรู้สึกให้ระอุเดือดอย่างน่าเหลือเชื่อได้ ทั้งที่แทบไม่มีส่วนร่วมในครามเลย เพียงแต่หวังดีต่อประเทศเท่านั้นเอง หรือว่าไม่จริง!?