เมืองไทย 360 องศา
“ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำตัวดี แต่ปล่อยการเมืองละเลงกันเละเลย สนุกเลย ผมได้ข่าวมาว่า ตอนนี้ ส.ส.ฝ่ายค้านโดนวัคซีนไล่ฉีดกันเป็นแถวเลย ฉีดด้วยวัคซีนเลยนะ 30 ล้าน 20 ล้าน ฉีดกันใหญ่ จะเตรียมย้ายพรรค นี่ผมเตือนไว้นะ วันก่อนเนี่ยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปร่วมประชุมกับฝ่ายรัฐบาลอยู่ ผมก็ได้ยิน ผมรู้ชื่อใครด้วย แจกรายเดือนคนละ 2 แสน ไม่รู้ไปเอาเงินที่ไหนมา ผมอยู่ดูไบแต่รู้หมดนะ”
“วันนี้เอารายชื่อ 260 ส.ส.ไปโชว์นายกฯ ก็จริงนะ แต่ผมบอกได้เลยว่า ส.ส.ก็เหมือนไก่ชน ถ้าชนแพ้กิโลละ 35 บาท ถ้าชนชนะตัวละ 3 แสน เพราะฉะนั้น ส.ส.กลัวสอบตกอย่างเดียว ระหว่างยังไม่สอบเนี่ย ใครเอาเงินมาให้รับหมด แต่เวลาจะแข่ง ก็ต้องคิดว่าตกหรือเปล่าวะ ถ้าตกกูก็ไม่ไป สมัยก่อนผมยุเลยใครแจกตังค์ก็ไปรับก่อนเหอะ แต่บอกกันให้รู้นะโว้ย สรุปแล้ว วันนี้ท่านนายกฯ ปล่อยบ้านเมืองมากไปหน่อย ปล่อยนักการเมืองเละ ข้าราชการประจำเละ เลยทำให้เศรษฐกิจแก้ยาก กินกันชิบหายหมด อันนี้ก็ฝากไว้
ที่อนุทินพูดว่า มีเสียง 260 เสียงนั้น มือในสภาไม่สำคัญเท่าศรัทธาประชาชน รัฐบาลกำลังทำให้ศรัทธาประชาชนตกลงอย่างมาก ทั้งการไร้ประสิทธิภาพการบริหารจัดการ เศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนทำมาหากินไม่ได้ มีคอร์รัปชัน เหมือนตอนผมหาเสียง ก็บอกใครแจกเงินก็แจกไป แต่อย่าเลือกต่อ สุดท้าย คุณปู (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) แลนด์สไลด์ ถ้าเลือกตั้งต่อจากรัฐบาลที่อ่อนแอ ฝ่ายค้านได้เปรียบมาก สิ่งที่จะทำให้จบ ก็คือ ศรัทธาของประชาชน
การเมืองไม่ใช่แค่คณิตศาสตร์ มันมีเทคนิคเยอะ บางพวกแจกกล้วย บางพวกฉีดวัคซีน แต่ส่วนเรายืนบนหลักการอย่างเดียว ใครแหกคอกก็ว่ากันไป นี่คือ หลักการฝ่ายค้าน ก็สู้กันไป แต่ผมไม่เชื่อว่า ถ้ารัฐบาลอยากลากไปเรื่อยๆ ถามว่าลากเพื่อใคร อยากเป็นเจ้าภาพเอเปกหรือ หากยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็อาจจะเป็นรัฐบาลที่จัดเอเปกที่หล่อกว่าเดิม แต่ถ้าแพ้เลือกตั้ง ก็ให้คนได้มาจัด เท่กับประเทศมากกว่า ผมดูแล้ว ยังไงก็ไปยาก แม้จะเกลี่ยผลประโยชน์ให้พรรคร่วม ผมก็ว่าไปยาก เพราะว่าชาวบ้านไม่เอา”
นั่นเป็นคำพูดบางส่วนของ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่ วู้ดซัม” ร่วมสนทนาในคลับเฮาส์ ของกลุ่มแคร์คิดเคลื่อนไทย กลุ่มการเมืองในเครือข่าย ในหัวข้อเรื่องว่า “จุดสิ้นสุดรัฐบาลตู่ พลิกเกมสู้ของแพง” ซึ่ง นายทักษิณ ชินวัตร ได้พูดหลายเรื่อง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการดิสเครดิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมไปถึงยังได้พาดพิงอีกบางคน เช่น นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ “แรมโบ้” ที่กำลังเคลื่อนไหวจัดตั้งพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” โดยถูกนายทักษิณ เปรียบเทียบ “เป็นหมา” ที่ชอบกัดเจ้าของ รวมไปถึงเป็นพวก “ไส้เดือน กิ้งกือ” อะไรประมาณนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ระบุชื่อตรงๆ แต่ก็ทำให้เข้าใจได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากท่าทีล่าสุดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องเน้นโฟกัสเฉพาะ “โพย 260 รายชื่อ ส.ส.” ที่ตามรายงานข่าวก่อนหน้านี้ ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำมากางให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดู เพื่อให้เกิดความมั่นใจในเสียงสนับสนุน โดยไม่ได้นับเสียงของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากพรรคเศรษฐกิจไทย อีกด้วย ซึ่งจากคำพูดดังกล่าวของนายทักษิณ อย่างน้อยก็สะท้อนให้เห็นว่า “เป็นตัวเลขจริง” ที่เขาก็ยอมรับ เพียงแต่อ้างว่าเป็นตัวเลขที่แลกมาด้วย “ค่ากล้วย ค่าวัคซีน” เข็มละ 20-30 ล้าน พร้อมกับรายเดือนอีกเดือนละ 2 แสน อะไรประมาณนี้
แน่นอนว่า จากคำพูดดังกล่าวของนายทักษิณ ที่สะท้อนให้เห็นถึงอาการแบบ “นั่งไม่ติด” กับตัวเลขจำนวน 260 ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เขายอมรับว่าเป็นตัวเลขจริง แต่ความหมายต่อจากนั้น ก็คือ จะมี “งูเห่า” ในพรรคเพื่อไทย และความหมายที่ตามมา ก็คือ จะมี ส.ส.ย้ายพรรคออกไปหลายคนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งหากพูดถึงเรื่อง “งูเห่า” ในพรรคเพื่อไทย และพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ก็ต้องยอมรับกันว่ามีมานานแล้ว พิสูจน์ให้เห็นทุกครั้งเมื่อมีการลงมติในวาระสำคัญ โดยเฉพาะญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลครั้งที่ผ่านมา ที่เกิดกรณีดังกล่าวให้เห็นซ้ำอีกครั้ง
และที่เป็นที่มาของตัวเลข 260 ก็เริ่มย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน จากญัตติ “ซักฟอก” ที่แม้ว่าคราวที่แล้วเกิดปัญหา “กบฏผู้กอง” จนเกือบทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “เกือบคว่ำ” มาแล้ว และเมื่อสำรวจจำนวนเสียงโหวตก็พบว่าเสียงสนับสนุน นายกฯ น้อยกว่ารัฐมนตรีที่ถูกยื่นซักฟอกบางคนเสียอีก ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งกลับพบว่าเสียงของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้รับคะแนนไว้วางใจ “กระโดดสูง” ไปจากรัฐมนตรีคนอื่นๆ ซึ่งเกินกว่า 260 คน ซึ่งนั่นอาจเป็นที่มาของ “โพยรายชื่อ” ที่นำมากางให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้พิจารณาให้เกิดความมั่นใจ
ขณะเดียวกัน อีกมุมหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า “พลังดูด” ของ “เสี่ยหนู” จากพรรคภูมิใจไทย มีความร้อนแรงจริงๆ เพราะจากกรณีล่าสุดที่สามารถ “ดูดพ่อลูกช่างเหลา” นายเอกราช ช่างเหลา และ นายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น และ นายสมศักดิ์ พันธุ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา ที่ถูกขับจากพรรคพลังประชารัฐ เข้าสู่พรรคภูมิใจไทยมาอีกสามคน ทำให้ ส.ส.ในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่สังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย เหลือแค่ 18 คน
ซึ่งที่ผ่านมา ก็สามารถดูดเอา ส.ส.จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกยุบ และพรรคก้าวไกลที่ถูกขับออกมา และจากคำพูดล่าสุดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปร่วมประชุมกับพรรคฝ่ายรัฐบาล และมีการกล่าวหาเรื่อง “กล้วยและวัคซีน” แต่เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมที่ผ่านมา ก็จะเห็น “งูเห่า” ในพรรคเพื่อไทยหลายคน และไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ก็เพิ่งมีการขับพ้นพรรคมาแล้วสองราย และหนึ่งในนั้นก็เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย เช่นเดิม
แน่นอนว่า กรณีของโพยรายชื่อ 260 คนของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตามที่ นายทักษิณ ชินวัตร ยอมรับว่าเป็นจริง แต่ที่ยังไม่ยอมรับอย่างเต็มใจ ก็คือ ยังไม่เชื่อว่า ส.ส.งูเห่าพวกนี้ จะย้ายข้างจริงๆ อาจเป็นเพราะกลัวสอบตก หรือเหตุผล “บางอย่าง” และสำคัญ ไม่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไปรอด แต่ขณะเดียวกัน อีกมุมหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า “โพยของเสี่ยหนู” นี่ไม่ธรรมดา ทำให้ “โทนี่” นั่งไม่ติดก็แล้วกัน !!