ข่าวปนคน คนปนข่าว
**สายสีเขียวจบไม่ได้ ไปต่อไม่เป็นวันนี้ก็เพราะเสือเงียบ! อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ กทม.!!
ปรากฏการณ์ “บอยคอต” ด้วยการลาประชุม ครม.ของ 7 รัฐมนตรี นำโดย “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม ในฐานะหัวหน้า และ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เพื่อคัดค้านวาระพิจารณา ขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (บีทีเอส) ต้องเรียกว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วบ้านทั่วเมือง
เรื่องนี้ยืดเยื้อกันมานาน มหาดไทย โดย “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” มท.1 พยายามผลักดันเข้า ครม.หลายครั้ง กระทั่งล่าสุดสบช่องการเมืองวุ่นวายก็ชงมา นายกฯพยักหน้าเอาเข้า ครม. ก็เชื่อว่าจะได้รับไฟเขียวผ่านตลอด จบๆ กันไปซะที แต่ที่ไหนได้ พรรคภูมิใจไทย ที่กำกับดูแล คมนาคม ยืนยันไม่ขอร่วม “สังฆกรรม” แบบเอาชีวิตเข้าแลก ด้วยเหตุผลอธิบายในหนังสือ “ความเห็น” ว่าไม่เห็นด้วยชัดเจน
แน่นอน พรรคภูมิใจไทย มีสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วย โดยประเด็นหลัก ตั้งข้อสังเกตให้มหาดไทย และ กทม.พิจารณาไปแล้วหลายครั้ง แต่ก็กลับมาแบบ “ตีมึน” เมินเฉย ไม่สนใจทุกที
ว่ากันว่า คมนาคมเสนอไปก่อนหน้านี้ 4 ประเด็น มาครั้งล่าสุดเสนอเพิ่มเติมไปอีก 2 โดยเฉพาะ ข้อสังเกตที่สุ่มเสี่ยง “ผิดกฎหมาย” และราคาค่าโดยสารที่สูงเกินไป ไม่มีหลักในการคำนวณ อีกทั้ง กทม.ติดหนี้ รฟม. ที่ยังไม่มีทีท่าจะจ่ายชำระคืนกว่า 5.5 หมื่นล้าน ก็ไม่มีการตอบสนองจาก ทั้ง มหาดไทย และ กทม.
ว่ากันตรงๆ ที่พรรคภูมิใจไทยให้ กทม. ตอบคำถาม และจี้ให้ทำตามมติ ครม. กฎหมาย ระเบียบ ให้ครบถ้วน เหตุที่ต้องถามหลายครั้ง เพราะ กทม. ส่งข้อมูลไม่ครบถ้วน ไม่ปฏิบัติตามมติ ครม. กฎหมาย ระเบียบ ให้ครบถ้วน จึงไม่สามารถสรุปเรื่องได้
คำถาม คือ ทำไม กทม.กับมหาดไทย จึงไม่ชี้แจงให้สิ้นสงสัย ?
พูดง่ายๆ ว่า ทั้ง “มหาดไทย และ กทม.” หลับหูหลับตาคิดแต่จะลุยถั่วมั่วต่อสัมปทานถ่ายเดียว โดยไม่ฟังเสียงใคร ไม่สนธรรมาภิบาล หรือตอบคำถามชาว กทม.
ขณะเดียวกัน “พล.อ.อนุพงษ์” ที่ดูแลมหาดไทย ก็เพิ่งจะประกาศว่ากำลังจะเตรียมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ราวกลางปีนี้ ทำให้สงสัยกันว่า เรื่องนี้เร่งรีบอย่างมีเงื่อนงำหรือไม่ ทำไมไม่รอให้ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่เข้ามาดู ในเมื่อสัมปทานต้องผูกพันไปอีก 40 ปี ด้วยมูลค่าที่ว่ากัน 4 แสนล้าน ผลประโยชน์และความโปร่งใส ควรที่จะต้องทำออกมาให้รอบคอบ ตอบได้ทุกคำถาม มากกว่าที่จะถูกมองว่า “ทิ้งทวน”!!
เรื่องนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเอกชน ซึ่งก็คือ BTS ในแง่ของธุรกิจย่อมต้องการแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุน ที่ผ่านมาก็ดิ้นสู้ฟัดเพื่อปกป้องรักษาสิทธิ์ของตัวเอง เป็นเรื่องธรรมดา
แว่วว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมาถึงจุดที่เจ้าของเริ่มมองไม่เห็น “ความคุ้มค่า” ในการลงทุนแถมยังบอบช้ำจากภาระหนี้ ที่ กทม.ไม่ยอมจ่ายนับหมื่นล้าน จนต้องขึ้นป้ายทวงหนี้ออกสื่อ
งานนี้ได้ไม่คุ้มเสีย สำหรับเจ้าสัวจริงๆ!
มิหนำซ้ำ ผลกระทบเที่ยวล่านี้ ยังลามไปถึงราคาหุ้น ทั้ง BTS และในเครือกอดคอกันร่วง เพราะถูกลากเข้าไปในเกมลุยถั่วของ มหาดไทย และ กทม.
“พล.อ.อนุพงษ์” และ “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯ กทม. เป็นสองคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่อยู่ในช่วงรัฐบาล คสช.มาด้วยกัน เกือบๆ 8 ปี ที่อยู่ในตำแหน่ง ทำอะไรอยู่ ? ข้อสังเกตที่คมนาคมโดยพรรคภูมิใจไทย มองกันลึกลงไปเป็นเรื่องที่ต้องทำ แต่ทำไมกลับไม่ทำ เป็นเรื่องที่หาคำอธิบายกันไม่ได้
เมื่อสุดท้ายใน ครม.ยกขึ้นมาพิจารณา มีถกเถียงกันพอหอมปากหอมคอ เห็นว่า มีรัฐมนตรีพรรคร่วมบางพรรค ฉวยโอกาส “เอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้คนอื่น” ตามบทถนัด ก่อนที่ “ลุงตู่” จะหน้าเขียว โบกมือให้รถไฟฟ้าสายร้อนตีกลับ ให้มหาดไทยไปดำเนินการเจรจากับคมนาคมเพิ่มเติม
มีเบื้องลึกใน ครม.น่าสนใจว่า ทำไม ครม.จึงไม่ลงมติ เพราะเป็นเสียงข้างมากในที่ประชุมอยู่แล้ว
เป็นไปได้ที่ ครม.ไม่มั่นใจ หรือ “ลุงตู่” พอจะมองออกว่า มหาดไทยเสนอมานั่นถูกต้องแล้วหรือ? และมหาดไทย ก็ยอมถอนเรื่องกลับไปเอง เพื่อตอบคำถามที่คมนาคม ตั้งประเด็นไว้ ให้ครบถ้วน
งานนี้ หลังเลิกประชุม ครม. “พล.อ.อนุพงษ์” หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะตอบคำถามสื่อ ต้องอ้อมๆ แอ้มๆ รักษาหน้าตาตัวเอง และนายกฯน้องตู่ ไปทำนองว่า สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร การนี้แค่ “ไอ้เสือถอย” ไม่ใช่ถอนวาระ แต่จะกลับไปคุยกับคมนาคมเพิ่มเติม และจะกลับมานำเสนอใหม่อีกครั้ง
คำถามก็ยังคงมีต่อว่า ประเด็นที่มหาดไทยจะหารือกับคมนาคม คืออะไร โดยท่าทีของ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม ยืนกรานว่า หากมหาดไทยไม่ดำเนินการตามข้อสังเกต หรือทำให้ถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย ก็อย่าหมายว่า พรรคภูมิใจไทยจะสนับสนุน เสนอเข้าวาระเมื่อไหร่ ก็ไม่ร่วมสังฆกรรมเหมือนเดิม เพราะเรื่องนี้หากลุยถั่ว ไม่ทำให้ถูกต้อง จะเป็นผลทางกฎหมายทันที
ถามว่า เมื่องัดกันขนาดนี้ สัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว มาถึงตรงนี้จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ก็คงต้องติดตามกันต่อไป
แต่ที่แน่ๆ ทั้ง “บิ๊กป๊อก” เจ้าของฉายา “เสีอเงียบ” มท.1 และ “พล.ต.อ.อัศวิน” ผู้ว่าฯ กทม.ย่อมรู้แก่ใจ ความวุ่นวายของสายสีเขียวทั้งหลายทั้งปวงเกิดขึ้น เพราะใคร?
** เมื่อคลื่นการเมืองถาโถม “3 ลุง”ต้องหันหน้ามาจูบปากโชว์อีกรอบ
เพราะเกมขับ 21 ส.ส. “ก๊วนผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพลังประชารัฐ พ้นพรรค ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาแบบจับได้ไล่ทันว่า เป็นผลจากศึกภายในของ “พี่น้อง 3 ลุง” ที่ปากบอกว่าจะรักกันจนวันตาย แต่พฤติกรรมกลับดูเหมือนกำลังชิงเหลี่ยมกัน และเห็นท่าว่าในอนาคตคงจะอยู่ด้วยกันไม่ได้
ฟ้องด้วยปัญหาสภาล่ม เพราะฝ่ายรัฐบาลระดมเสียง ส.ส.ได้ไม่ครบองค์ประชุม ยิ่งส่อเค้าว่ารัฐบาลก็จะไปไม่รอด ใครๆ ก็ทายกันว่าอยู่ได้อย่างนานที่สุดก็แค่กลางปีนี้ เพราะ“ลุงตู่”ที่มีบทเรียนมาแล้วคงไม่กล้าฝ่าศึกซักฟอก ให้ถูกหักหลังเป็นครั้งที่สอง
ยิ่ง “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี มาลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไปเตรียม “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ไว้รอ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีขุมกำลัง หรือไม่มีพรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แบบโดดๆ คนเดียวในการเลือกตั้งครั้งหน้า
แถมแว่วว่า “แรมโบ้” จะเข้าไปร่ำลา “ลุงตู่” เพื่อบอกว่าจะไปอยู่พรรคใหม่ แต่คงไม่ไปลา “ลุงป้อม” ที่เป็นหัวหน้าพรรค พปชร. ก็ยิ่งฉายภาพความไม่ลงรอยของ “2 ลุง” เพราะใครๆ ก็รู้ว่าแรมโบ้นั้นยืนข้างลุงตู่
บวกกับมีกระแสข่าวปล่อยออกมาว่า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ เกิดอยากนั่งเก้าอี้ “มท.1” ที่ “ลุงป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่งยาวมาตั้งแต่ตั้งรัฐบาล คสช. ภาพมันก็เลยยิ่งฟ้องว่า “3 ลุง” มีความแตกแยกกันหนัก
“ลุงป้อม” ผู้เป็นพี่ใหญ่ของ “3 ลุง” เห็นท่าว่าขืนปล่อยให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ กันอย่างนี้ไม่เป็นผลดีแน่ ทั้งพรรคทั้งรัฐบาลจะพากันพังไปทั้งคู่ เมื่อเช้าวันวานก่อนการประชุม ครม.จึงให้สัมภาษณ์สื่อแบบยาว ถามอะไรตอบหมด อารมณ์ดี ไม่มีเหวี่ยง...บอกว่าในพรรคเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาอะไร ยืนยันว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค พปชร.ต่อไป ตราบใดที่ตนยังอยู่จะไม่มีคำว่า “พรรคแตก” และ พปชร. ก็ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ
ส่วนจะชวน “ลุงตู่” มาอยู่ด้วยหรือไม่ “ลุงป้อม” บอกว่าไม่จำเป็นต้องมา เพราะว่าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอยู่แล้ว... ถึงใครจะไปตั้งพรรคใหม่ไว้รอ ก็ไม่ต้องพูดคุย เรื่องแบบนี้รู้กันอยู่ ยังไง“ลุงตู่”ก็ต้องอยู่ ยังอยู่ด้วยกันตลอด ไม่ต้องเคลียร์ เพราะอยู่ด้วยกันมา 50 ปีแล้ว
ยิ่งเรื่องข่าวว่าจะไปแย่งเก้าอี้ มท.1 ของ “ลุงป๊อก” นั้น ... “โอ๊ย อนุพงษ์ น้องผมนะ ผมจะไปแย่งน้องทำไม” ... สื่อเขียนกันเองทั้งนั้น
เมื่อ “ลุงป้อม” ออกตัวมาอย่างนั้น... “ลุงตู่” ก็เลยออกมาช่วยดับกระแสข่าวอีกแรง ว่าจะไม่ไปสังกัด “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ของแรมโบ้ แม้จะชอบชื่อนี้มาก แต่ยังมั่นคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคที่ให้การสนับสนุนจนได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ และขอขอบคุณทุกพรรคที่ให้การสนับสนุนในการทำงาน ทั้งในวันนี้ และวันหน้า...
นับเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้ง ที่บรรดาลุงๆ ออกมาจูบปากโชว์ ว่ายังรักกันดูดดื่ม เพื่อประคองรัฐนาวาให้ฝ่าคลื่นลมไปให้นานที่สุด
อ้าว...แล้วอย่างนี้ที่ “แรมโบ้” ออกไปเตรียมพรรคใหม่ไว้รองรับ แถมบอกว่าจะมี “บิ๊กเนม” อีกหลายคนตามไปร่วม ... เจอ “ลุงตู่” มาบอกปัด ตัดเยื่อใยอย่างนี้ ก็เคว้งล่ะสิ !!