เมืองไทย 360 องศา
เป็นข่าวถดถอยสร้างภาพลบให้กับพรรคพลังประชารัฐต่อเนื่องมานานหลายสัปดาห์ สำหรับพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องปัญหาความแตกแยกภายใน แยกเป็น “กลุ่มก๊วน” มากมาย แบ่งกลุ่มต่อรองแย่งตำแหน่ง ตัวอย่างที่เห็นชัด ก็คือ “กลุ่มผู้กอง” ที่นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จนมีการขับออกไปจากพรรค แล้วไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งสำหรับคอการเมืองเข้าใจกันดีว่า อยู่ใน “เครือเดียวกัน” กับหัวหน้าพรรค คือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่า กรณีดังกล่าวได้สร้างความเสื่อมศรัทธากับพรรคพลังประชารัฐ อย่างมาก ซึ่งสะท้อนกลับมาให้เห็นโดยตรง ทั้งจากผลสำรวจหลายครั้ง และที่สำคัญ ผ่านการเลือกตั้งซ่อมทั้งสามครั้งที่ผ่านมา และที่เป็นบทเรียนต้องจดจำก็คือ การพ่ายแพ้การเลือกตั้งซ่อมที่ เขต 9 หลักสี่-จตุจักร กรุงเทพมหานคร เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ด้วยผลคะแนนที่เหมือนถูก “ตบหน้า” อย่างจัง
อีกทั้งที่ผ่านมา ก็มีความอึมครึมในเรื่องความสัมพันธ์ของ “สาม ป.” โดยเฉพาะระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งคู่ไม่เหมือนเดิม มีความขัดแย้งกันแล้ว ซึ่งภาพดังกล่าว ยิ่งซ้ำเติมให้เกิดภาพลบ ส่งผลมาถึงทั้งรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐอีกด้วย
ทำให้มีการมองกันว่าเสถียรภาพของรัฐบาลผสมกำลังง่อนแง่น เพราะเสียงสนับสนุนกลับมาปริ่มน้ำอีกครั้ง เมื่อพิจารณาจากตัวเลขของ “กลุ่มธรรมนัส” ที่มีไม่ต่ำว่า 21 เสียง เริ่มไม่ชัวร์ ประกอบกับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิด “สภาล่ม” สองครั้งติด ยิ่งตอกย้ำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นไปอีกว่า รัฐบาลเริ่มควบคุมเสียงข้างมากไม่ได้แล้ว
เอาเป็นว่าตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพความแตกแยกภายในพรรคพลังประชารัฐ และภาพความอึมครึมระหว่าง “พี่น้องสาม ป.” โดยเฉพาะ “สอง ป.” พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร จนมีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลชุดนี้เหลือเวลาอีกไม่นาน อาจจะไม่เกินเดือนพฤษภาคมนี้ ที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมที่จะยื่นญัตติ “ซักฟอก” ในสภาสมัยสามัญที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ดี ล่าสุด ก็ได้เกิดภาพการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน อย่างน้อยก็ได้เห็นความชัดเจนทั้งภายในพรรคพลังประชารัฐเอง รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่าง “สาม ป.” ที่ มีการตอบคำถามแบบ “เคลียร์” และมองเห็นภาพได้จริงจังกว่าเดิม โดยเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างอารมณ์ดี ถึงสถานการณ์ภายในพรรคพลังประชารัฐ ว่า ไม่มีอะไร ก็บอกแล้วทุกครั้ง มีแต่สื่อไปเขียนกันเอง ถามว่า ตอนนี้สบายใจขึ้นหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่าสบายใจทุกที
เมื่อถามว่า ที่ระบุจะมีคนมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐเพิ่มขึ้น ตอนนี้มีใครบ้าง พล.อ.ประวิตร ตอบกลับว่า ไม่บอก เอาไว้ใกล้ๆเวลาก่อน ส่วนที่มั่นใจจะได้ ส.ส. 150 เสียง ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปตามที่ประกาศไว้หรือไม่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ก็คิดไว้อย่างนั้น
เมื่อถามว่า ยืนยันจะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐไม่ไปไหนใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า “ไม่ไปไหน ไม่ไปไหน มีแต่พวกสื่อจะไล่ผมให้ไป และยืนยันพลังประชารัฐไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ”
ซักว่า คนนอกเริ่มมองว่าพรรคพลังประชารัฐกำลังจะแตกแล้ว รองนายกฯ ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า จะแตกอะไรเล่า แตกได้อย่างไรก็ตนยังอยู่ ทุกคนก็อยู่กันหลายคน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะรักษาการเลขาฯพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ก็ยังอยู่กันทั้งนั้น ยืนยันพรรคยังรักกันเหมือนเดิมไม่มีอะไร
ถามว่า ถึงเวลาที่จะชวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม มาอยู่กับพรรคแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ เขาไม่ต้องมาหรอก เพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่แล้ว
ถามว่า ได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองใหม่อย่างไร รองนายกฯ บอกว่า ไม่ต้องคุยเพราะรู้กันอยู่ รู้ว่าอย่างไรก็อยู่กับตน ยืนยันว่ายังอยู่ด้วยกันและอยู่ด้วยกันมาตลอด ไม่มีอะไรต้องเคลียร์เพราะอยู่ด้วยกันตลอด อยู่ด้วยกันมา 50 ปีแล้ว
เมื่อถามว่า ได้คุยกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แล้วหรือยัง หลังมีกระแสข่าวพรรคเศรษฐกิจไทย สนับสนุนพล.อ.ประวิตร ให้เป็น รมว.มหาดไทย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า“โอย อนุพงษ์ นั้นน้องผม มหาดไทย เป็นน้องผม แล้วผมจะไปอยู่ ไปแย่งน้องได้อย่างไร”
ถามย้ำว่า เรื่องที่ออกมาเป็นแผนทำให้เกิดรอยร้าวระหว่าง 3 ป. หรือไม่ รองนายกฯกล่าวย้อนว่า ก็ดูเอาเอง เพราะข่าวมาจากผู้สื่อข่าว เมื่อถามว่าพรรคเศรษฐกิจไทย และรวมไทยสร้างชาติ เรียกได้ว่าเป็นพรรคพันธมิตร ของพรรคพลังประชารัฐ ได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าเขาก็อยู่ของเขา เราก็อยู่ของเรา
ถามว่าได้คุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ถึงบทบาทการเมืองและขอความร่วมมือในการทำงานเกี่ยวกับการประชุมสภาฯบ้างหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้คุยเลย แต่คุยว่าออกไปแล้วต้องสนับสนุนรัฐบาล พูดชัดเจนไม่ต้องห่วง ตนพูดอย่างไรก็ต้องอย่างนั้น
นอกเหนือจากนี้ ในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้มีการแต่งตั้งรักษาการในหลายตำแหน่งเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรักษาการเลขาธิการพรรคแล้ว ยังมี นายสุชาติ ชมกลิ่น จากกรรมการบริหารพรรค เป็นรักษาการผู้อำนวยการพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เป็นรักษาการรองหัวหน้าพรรค รวมไปถึงมีการปรับปรุงการประชาสัมพันธ์พรรคให้เข้มข้นกว่าเดิม
จะเห็นได้ว่า หลายอย่างมีความชัดเจนมากกว่าเดิมมาก ทั้งในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง “สามป.” ทั้งในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร ที่มีการยืนยันจากปากของ พล.อ.ประวิตร ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ไปไหน ไม่ตั้งพรรคใหม่ และพรรคพลังประชารัฐ จะเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคอีกครั้ง และยังดับข่าวที่ว่าต้องการแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่งอยู่ รวมไปถึงการกระจายตำแหน่งภายในพรรคเหมือนกับการ “จัดแถวใหม่” เพื่อทำให้เห็นความเป็น “เอกภาพ” ภายในอีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิก และผู้สนับสนุนอีกครั้ง
หลังจากก่อนหน้านี้ เกิดภาพความขัดแย้งแตกแยก จนมีการเคลื่อนไหวตั้งพรรคใหม่ เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ โดย นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหลายคนมองว่าเป็น “พรรคสำรอง” ของ พล.อ.ประยุทธ์
อย่างไรก็ดี จากการเคลื่อนไหวและท่าทีที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐดังกล่าวถือว่ามีความชัดเจนมากกว่าทุกครั้ง รวมทั้งบรรยากาศภายในพรรคที่มีการกระจายความรับผิดชอบให้กับแกนนำกลุ่มก๊วนหลักๆ และที่สำคัญมีการย้ำจากปากของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่า สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตของพรรค โดยไม่ต้องไปตั้งพรรคใหม่ รวมไปถึงการยืนยันว่า สามารถคุมเสียงของ กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ให้สนับสนุนรัฐบาลได้ไม่มีปัญหา ทำให้ลดความอึมครึมลงไปได้พอสมควร อย่างน้อยก็น่าจะยืนระยะเฉพาะหน้านี้ไปก่อน ส่วนหลังจากเดือนพฤษภาคมค่อยมาว่ากันอีกรอบ !!