xs
xsm
sm
md
lg

สภารับหลักการร่าง พ.ร.บ.กำหนดเวลางานยุติธรรม ปฏิรูปงานยุติธรรมไม่ให้ล่าช้า ตั้งข้อสังเกตไม่ครอบคลุมถึง กกต.- สตง.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัฐสภา รับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.กำหนดเวลางานยุติธรรม ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ให้ ปชช.ได้รับความยุติธรรมไม่ล่าช้า สมาชิกตั้งข้อสังเกตไม่ครอบคลุมถึง กกต.- สตง. อาจเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจเอื้อประโยชน์ตนเอง

วันนี้ (8 ก.พ.) ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... ซึ่ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ โดยมีหลักการและเหตุผลว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้ดำเนินการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม โดยให้มีการกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า จึงสมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรมขึ้น เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบได้ว่าหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมจะพิจารณาเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานเสร็จสิ้นเมื่อใด รวมทั้งตรวจสอบความคืบหน้าได้ เพื่อประโยชน์ให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยสะดวก

ทั้งนี้ ร่างดังกล่าวมีสาระสำคัญ อาทิ กำหนดให้ 9 หน่วยงาน คือ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงยุติธรรม, กรมพระธรรมนูญ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), ศาล , องค์กรอัยการ และ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา กำหนดระะพิจารณาในขั้นตอนต่างๆ พร้อมกำหนดรายละเอียด อาทิ ให้มีการดำเนินการทางวินัย กับเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม หากทำงานล่าช้าเกินสมควรแก่เหตุและไม่มีเหตุสมควร พร้อมให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือวิธีอื่นที่ทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลโดยสะดวก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกรัฐสภาที่อภิปรายส่วนใหญ่เห็นด้วยในหลักการ แต่ได้เสนอแนะความเห็น ต่อการเพิ่มหน่วยงานที่ต้องถูกบังคับตามร่างกฎหมายดังกล่าว อาทิ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นต้น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเหตุที่ กกต. ไม่ถูกบัญญัติไว้ในร่างกฎหมาย อาจเป็นการจงใจของฝ่ายผู้มีอำนาจที่ต้องการใช้กลไก กกต. ที่กำกับการเลือกตั้ง ประกาศผลการเลือกตั้งไปในทางที่เอื้อประโยชน์ให้ตนเองได้

รวมถึงมีข้อเสนอให้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เช่น กรมราชทัณฑ์ กำหนดระยะเวลา หรือ รายละเอียดเกี่ยวกับการเลื่อนชั้นนักโทษ ในคดีร้ายแรง หรือมีผลเสียหายกับประเทศ คดีทุจริต เช่น คดีจำนำข้าว เพื่อป้องกันการเลื่อนชั้นนักโทษที่มีผลต่อการพิจารณาลดโทษที่ไม่เหมาะสม

จากนั้นที่ประชุมได้มีมติด้วยคะแนนเสียง 601 เสียง ต่อ 0 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง และงดออกเสียง 1 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 35 คนพิจารณาในชั้นต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น